พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่584 นี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน



บทที่584 นี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่รพีพงษ์และอารียาตื่นขึ้นมา มาถึงห้อง อาหาร บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารมากมาย อาหารเหล่านี้ชนิส ราเป็นคนทํา เมื่อวานรพีพงษ์และอารียากลับมา ก็ไปรับชนิสรา และศักดาทั้งสองคนกลับมา

ศักดาเดินออกจากห้องอย่างหดหู่ใจ และนั่งลงที่โต๊ะอาหาร

รพีพงษ์และอารียาก็นั่งลง ชนิสราก็ยกน้ำซุปเดินมา บน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ตอนเช้าซื้อผักเร่งรีบไป หน่อย อาหารที่ทำก็เลยมีไม่มากนัก ทานๆไปก่อนนะ ก็คือสักว่า ต้อนรับพวกคุณกลับมา

รพีพงษ์และอารียาก็ยิ้ม พูดคุยกับชนิสราไม่กี่ประโยค มีเพียง แต่ศักดาเท่านั้นที่สีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ว่าข้างๆดวงตาของ เขามีรอยช้ำ นี่คือเมื่อสองวันก่อนไปหาศศินัดดา แล้วถูกศศิ นัดดาทําร้าย

“พ่อ พ่อก็อย่างหดหู่ใจแต่เช้าเลย พวกเราเพิ่งจะกลับมา พ่อก็ ต้องมีความสุขสักหน่อย อารียามองไปที่ศักดา แล้วพูด

ศักดาถอนหายใจ มองไปที่อารียา แล้วถามว่า: “ลูก ตอนนี้ พ่อ…พ่อยังเรียกแกว่าลูกได้อยู่เหรอ? ลูกก็รู้ประวัติความเป็นมา ของตัวเองแล้ว ตามหลักแล้ว ลูกก็ควรจะอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นั่น เป็นบ้านที่แท้จริงของลูก”
อารียายิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พ่อค่ะ พ่อพูดจาเหลวไหล อะไรกัน แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่พ่อก็เป็นคน เลี้ยงดูหนูมาจนโต ถ้าหากว่าหนูจะอยู่ที่นั่นต่อไป ตอนนี้พ่อก็ไม่ ได้เจอหนูแล้ว”

เมื่อศักดาได้ยินคําพูดของอารียา ก็โล่งใจทันที รู้สึกว่าที่ตัว เองบอกความเป็นมาของอารียาให้กับรพีพงษ์ เป็นทางเลือกที่ ถูกแล้ว

จากนั้นเขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถามว่า “รพีพงษ์ วันนี้นาย จะไปหานังบ้าศศินัดดาหรือเปล่า?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้หล่อนยังไม่ได้หย่ากับ คุณ แต่ไปอยู่กินกับผู้ชายอื่น มันไม่น่าจะสมเหตุสมผล ที่สำคัญ ผมก็มีบัญชี ต้องคิดกับหล่อนด้วย

ศักดาถอนหายใจ และไม่พูดอะไร

หลังจากรับประทานอาหาร รพีพงษ์ให้อารียาไปเก็บข้าวของที่ จําเป็นสำหรับไปใช้ฮันนีมูนในครั้งนี้ จากนั้นเขาก็ออกไปข้าง นอก และไปยังชุมชน ศศินัดดาอยู่

คฤหาสน์ในชุมชนที่ศศินัดดาซื้อมีชื่อว่าชุมชนดอนแก้ว ถือได้ ว่าเป็นชุมชนที่มีชื่อหรูหราที่อยู่ในเมืองริเวอร์

ก่อนจะไปที่ชุ่มชนดอนแก้ว ไปที่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก่อน และตรวจสอบข้อมูลของชุมชนดอนแก้ว พบว่าชุมชนดอนแก้ว เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป
ต่อมาเขาก็ให้เธียรวิชญ์ตรวจสอบคฤหาสน์ของศศินัดดา พบ ว่าคฤหาสน์หลังนั้นไม่ได้เขียนชื่อของศศินัดดา แต่เขียนชื่อของ ผู้ชายที่ชื่อว่าฆนีกร

ถ้าหากเดาไม่ผิด นีกรคนนี้ คือผู้ชายที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับ ศศินัดดา แต่บนโฉนดบ้านมีชื่อของมนีกรเพียงคนเดียว จึง ทำให้รพีพงษ์เชื่อว่า ศศินัดดาถูกคนหลอก

หลังจากตรวจสอบชัดเจนแล้ว รพีพงษ์จึงออกจากบริษัทซัน บีบเบิล กรุ๊ปไปยันชุมชนดอนแก้ว

ถึงหน้าประตูชุมชนดอนแก้ว รพีพงษ์หยิบคีย์การ์ดออกมา หลังจากรูดเสร็จ จึงเดินเข้าไปข้างใน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้าร พงษ์ แล้วพูดว่า “หัวหน้าครับ คนที่เพิ่งเข้ามาผมไม่เคยเห็นมา ก่อนเลย ที่สำคัญเขาคีย์การ์ดที่เขาถือไม่ค่อยเหมือนกับของ ชุมชนพวกเราเลย คนคนนี้คงไม่ใช่ว่ามาขโมยข้าวของในชุมชน พวกเรานะ ทําการ์ดถอดรหัสเพื่อเข้าถึงการทํางานของเครื่อง ทาบคีย์การ์ดของพวกเราด้วยตัวเอง?”

เมื่อหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินคำพูดของเจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัย สายตาก็จับจ้องทันที และก็เหลือบ มองไปที่รพีพงษ์ที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้รพีพงษ์ก็ถือ คีย์การ์ดนั้นไว้ในมืออยู่พอดี

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องไปที่คีย์การ์ด ในมือ ของรพีพงษ์สักพัก จากนั้นหรี่ตา เหมือนกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาก็เบิกกว้าง แล้วก็ตบหัวของเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยคนนั้นทันที

“คีย์การ์ดที่คนคนนั้นถือทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับชุมชน คีย์ การ์ดประเภทนี้มีให้เฉพาะเจ้านายของชุมชนพวกเราและผู้ถือหุ้น รายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ไว้ถือเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ว่าฉันดูดีๆ เมื่อกี้ก็ ให้แกพาคนพุ่งไปจับตัวเขาไว้แล้ว เกือบจะทำให้เกิดความฉิบ หายจริงๆ” หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดอย่างตื่นตูม

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเมื่อกี้รู้สึกประหลาดใจ ไม่ คาดคิดว่าคีย์การ์ด ในมือของรพีพงษ์จะทำขึ้นเป็นพิเศษ ไม่ แปลกใจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ในขณะเดียวกันเขาก็เกิดความรู้สึกทอดถอนหายใจ คนที่เพิ่ง เดินเข้าไปยังเด็กอยู่เลย อายุเพียงเท่านี้สามารถเป็นผู้ถือหุ้นใน ชุมชนได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

หลังจากรพีพงษ์เข้ามาในชุมชนแล้ว ก็เดินตรงไปที่ตั้งอยู่ของ คฤหาสน์ของศศินัดดา มาถึงที่หน้าประตูของคฤหาสน์ และกด กริ่งประตู

ผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูของคฤหัสถ์ก็เปิดออก ศศินัดดาก็ เดินออกมาจากข้างในพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และ พูดว่า: “คุณก็มีกุญแจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยัง….

ก่อนที่จะพูดจบ ศศินัดดาถึงค่อยสังเกตเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ที่ หน้าประตูคือรพีพงษ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นพูดด้วยเสียง ทุ้ม: “ตัวซวยอย่างแกมาที่นี่ได้ยังไง? ฉันก็คิดว่าแกตายที่ข้างนอกแล้ว แกรีบไสหัวออกไปให้พ้นๆเดี๋ยวนี้ ที่นี่คือบ้านของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมา

หลังจากพูดจบ หล่อนกำลังจะปิดประตู

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปเพื่อผลัก ใช้แรง ก็ผลักศศินัดดากลับ เข้าไปในคฤหาสน์

เขาเดินตามเข้ามา และมองไปรอบๆหนึ่งรอบ และไม่พบคน

อื่น

“ตัวซวยอย่างแกฉันอนุญาตให้แกเข้ามาแล้วเหรอ แกทำให้ ลูกสาวของฉันหายตัวไป ทำให้ครอบครัวของฉันถูกฆ่า แกยัง มีหน้ามาบ้านฉันอีก แกรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะ เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา!”ศศินัดดาตะโกนใส่ร พงษ์อย่างรุนแรง

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดา ก็โกรธทันที หล่อนไม่ พูดถึงเรื่องของอารียาก็ยังดีอยู่หรอก พอพูดถึงรพีพงษ์ก็โกรธ โมโห ถึงขนาดนี้แล้วผู้หญิงคนนี้ ยังจะโยนความผิดมาที่บนตัว ของเขาอีก ไร้ยางอายจริงๆ

เขายกมือขึ้น ตบลงไปที่หน้าของศศินัดดา ด้วยแรงตบทำให้ ศศินัดดาล้มลงกับพื้น

“คุณยังรู้ตัวเหรอว่าลูกสาวตัวเองหายไป? สถานการณ์ของ อารีคุณไม่ไปสนใจ แต่กลับวิ่งแจ้นมาเกลือกกลั้วอยู่กับผู้ชายไม่รู้ ที่มาที่ไป คุณคิดถึงมั้ยว่าถ้าอารีรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว จะรู้สึก อย่างไร? รพีพงษ์ถาม
ศศินัตตากุมใบหน้าของตัวเองไว้ คำพูดของรพีพงษ์ รู้สึก ผิดเล็กน้อย แต่เธอยังไม่พอใจที่รพีพงษ์ตบเธอ และพูดว่า “ฉัน ท่าอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับแก! แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าให้ฉัน

จากนั้นหล่อนก็วิ่งไปที่โต๊ะ กดปุ่มหนึ่งปุ่ม ปุ่มนี้ใช้เพื่อเรียกขอ ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพียงกดปุ่ม ก็จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา

“จะบอกแกให้ ฉันเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว แก บุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ฉันจะให้พวกเขาจับแกส่งเข้าไปในคุก แกรอติดคุกได้เลย!”ศศินัดดาตะโกนอย่างคนบ้า

หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รีบวิ่งพุ่งมาที่หน้าประตูคฤหาสน์ของศศินัดดาพร้อมกับกลุ่มเจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัย

เมื่อศศินัดดาเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็รีบพูดขึ้น มาทันทีว่า “พวกแกรีบจับตัวเขาเดี๋ยวนี้ เขาบุกรุกที่พื้นส่วนตัว ยังลงมือตบตีฉันด้วย รีบๆจับตัวเขาไปเข้าคุกซะ!”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ นิ่งอึ้งไปสักพัก นี่มันคนที่ถือคีย์การ์ดพิเศษไม่ใช่เหรอ!

รพีพงษ์จ้องมองไปที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วพูดว่า: “นี่มันเรื่องภายในครอบครัวฉัน พวกคุณแน่ใจนะว่า จะยุ่ง?”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ดีว่าคนตรงหน้านี้ไม่ ธรรมดา คนแบบนี้เขาไม่ควรมีปัญหาด้วย ที่สำคัญเขาก็พูดแล้วว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว พวกเขาก็ไม่อยากก้าวก่าย

หลังจากคิดเรื่องนี้ หัวหน้าเจ้าที่รักษาความปลอดภัย แสดง รอยยิ้มขอโทษ ให้รพีพงษ์ จากนั้นจึงนำเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัย ภายใต้การจ้องมองอย่างงุนงงของศศินัดดา จากออก ไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ