พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่569 รพีพงษ์ผู้ “เจ้าเล่ห์”



บทที่569 รพีพงษ์ผู้ “เจ้าเล่ห์”

ในตอนที่ออกมาจากบ้านพงศ์ธนธาดา ใบหน้ารพีพงษ์เปื้อนไป ด้วยรอยยิ้ม เขากับชลา ธิปคุยกันอยู่นาน ในที่สุดเขาก็หวาน ล้อมชลาธิปได้ ให้เขามาช่วยกันต่อกรกับบ้านธาดาวรวงศ์

ชลาธิปรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเรื่องที่คุณนายใหญ่วางยาทำแท้งให้ อารียานั้น คงจะไม่สามารถ ทำให้ความโกธรแค้นในใจของรพี พงษ์ระงับได้แน่นอน ถ้าเขาปฏิเสธรพีพงษ์ เขาก็มีแค่ตายหนทาง เดียว

ถ้าหากเขาร่วมมือกับรพีพงษ์ รพีพงษ์คงจะขุดความผิดครั้ง เก่าของเขาขึ้นมา แล้วขึ้นมาควบคุมตระกูลพงศ์ธนธาดาแทนเขา แน่นอน แล้วจะยึดอำนาจบ้านพงศ์ธนธาดาเอาไว้ โดยแย่ง อำนาจมาจากมือคุณนายใหญ่

ส่วนงานที่รพีพงษ์มอบหมายให้เขาทำนั้นก็ง่ายมาก ก็แค่ให้ เขาเข้าไปทำอะไรบางอย่างในงานแต่งของอารียากับคุณชาย

บ้านธาดาวรวงศ์

แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ารพีพงษ์จะรับมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ได้ หรือไม่ แต่ในใจชลาธิปก็ยินดีช่วยเหลือรพีพงษ์ ในช่วงไม่กี่ปีมา นี้ เขาคอยคิดสำนึกถึงสิ่งผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำเอาไว้ ทุกครั้งที่ เห็นอารียา ในใจเขามักจะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่อยากแตะต้องเด็กในท้องของอารียา
เขารู้ดีอยู่แก่ใจ อารียาแต่งเข้าบ้านชาดาวรวงศ์ คงไม่ได้มี ชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้แน่ อารยามีนิสัยเมตตาอ่อนโยน คงถูกรังแก แน่นอน

การแสดงออกของรพีพงษ์ในช่วงนี้ทำให้ชลาธิปรู้ได้ถึงความ รักอย่างหัวปักหัวป่าที่รพีพงษ์มีต่ออารียา เขาเลยยอมเสี่ยงช่วย

สิ่งเดียวที่ชลาธิปต่อต้าน คือรพีพงษ์จะเอาชีวิตคุณนายใหญ่ มาเป็นการไถ่โทษ แต่พอนึกถึงท่าทีของคุณนายใหญ่ที่มีต่อเขา แล้ว ชลาธิปกับหล่อนไม่มีความรักฉันญาติมิตรใดๆ หลงเหลือ อยู่แล้ว

ในที่สุดเขาก็ตอบรับรพีพงษ์ เขาช่วยรพีพงษ์ต่อกรกับตระกูล ธาดาวรวงศ์ได้ แต่กับคุณนายใหญ่ เขาจะไม่ลงมือเอง แต่ว่าเขา จะไม่ขัดขวางรพีพงษ์

หลังจากทีรพีพงษ์ออกจากบ้านพงศ์ธนธาดาแล้ว ชลาธิปก็ยืน อยู่หน้าประตู ยืนมองท้องฟ้า บ่นพึมพำ ท้องฟ้าของมหานคร เซี่ยงไฮ้ คงใกล้เปลี่ยนแล้วล่ะ

เมื่อกลับมาถึงอาคารลานคอน ท้องฟ้าก็มืดสนิท ทั้งอาคาร เหลือเพียงแค่พนักงานที่ทำงานล่วงเวลา

รพีพงษ์เดินมาหยุดหน้าห้องของอารียา เขาค่อยๆเปิดประตู อย่างระมัดระวัง มองเข้าไปข้างใน

อารียายังคงหลับสะลึมสะลือ เธอนอนเอนอยู่บนเตียง หลับตา ลง แล้วคอยขมุ่นคิ้วเป็นระยะ ราวกับเธอกำลังฝันร้าย รพีพงษ์ยืน มองอย่างปวดใจ
ในช่วงระยะเวลานี้ รพีพงษ์ได้สอบถามหมอเก่งๆหลายคน ถามว่าอาการสูญเสียความ ทรงจำแบบนี้รักษาได้อย่างไร หลัง จากที่หมอเหล่านี้ได้ฟังรพีพงษ์บรรยายถึงอาการค่าตอบที่ได้ คือ พยายามให้ผู้ป่วยได้สัมผัสกับสิ่งของที่คุ้นเคย แบบนี้จะช่วย ทำให้ความจำฟื้นได้เร็วขึ้น

รพีพงษ์โทรศัพท์หาเจสสิก้า ให้หล่อนถามชุติเทพว่า คำ แนะนำที่ชุติเทพแนะนำมาก็ใกล้เคียงกับของบรรดาหมอพวก นั้นแหละ อย่างไรเสียสมองก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดของมนุษย์ การวิจัยด้านมันสมองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันยังถือว่าเป็นส่วนน้อย

เพราะฉะนั้นถ้ารพีพงษ์อยากให้อารียาความจําฟื้นคืน ได้แต่ ค่อยเป็นค่อยไป และสิ่งที่ต้องทำโดยด่วนคือ ให้อารียาลบความ รู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาออกก่อน

เขาเคลื่อนย้ายเก้าอี้มาตัวหนึ่ง นั่งลงไป แล้วจ้องมองอารียา อยู่แบบนั้น หลังจากความกังวลและความคิดถึงพัดผ่านไปร พงษ์รู้สึกขึ้นมาว่า การที่ได้จ้องมองอารียาแบบนี้ก็เป็นความสุข อย่างหนึ่ง

จนกระทั่งถึงกลางดึก รพีพงษ์รู้สึกเหนื่อยล้า จึงได้ลุกขึ้น เตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ในเวลานี้เอง อารียาก็พลิกตัว พูดเสียงแผ่วๆขึ้นรพีพงษ์ คุณทับผมฉันอยู่

รพีพงษ์ตะลึง แล้วเผยรอยยิ้มออกมา ในใจคิดว่าอารียาสูญ เสียความทรงจํา แต่จิตใต้สำนึกยังคงจดจำสามีคนนี้อยู่ แม้แต่ ในฝันก็ยังคำนึงถึง
หลังจากที่จับจ้องอารียาอยู่พักหนึ่ง รพีพงษ์ตัดสินใจไม่ไปไหน แล้ว ไหนๆเตียงอารียาก นอนได้สองคน ถ้าเขาจะนอนด้วยก็ยัง เหลือเฟือ

ไม่ได้เจอหน้ากันนาน ทําไมรพีพงษ์จะไม่อยากนอนร่วมเรียง เคียงหมอนกับอารียาเล่าแม้ว่าอารียาจะนึกไม่ออกว่าเขาเป็น ใคร แต่พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย รพีพงษ์ ไม่ได้ทําอะไรผิดศีลธรรมสักหน่อย ไม่มีใครหน้าไหนจะว่าเขาได้

หลังจากที่โน้มน้าวใจตัวเองเรียบร้อย รพีพงษ์จึงขึ้นนอนข้าง อารียา รู้สึกได้ว่ากลิ่นกาย อารียามีกลิ่นหอมอ่อนๆ รพีพงษ์เองก็ ตื่นเต้นไม่น้อย

“ผมเอนแป๊บนึงนะ รับรองว่าไม่ทำอะไรแน่นอนรพีพงษ์พูด

ผ่านไปสักครู่ รพีพงษ์หันไปมองอารียาที่อยู่ข้างๆ แววตาทอด

มองริมฝีปากประกายอิ่มใสของเธอ จึงกลืนน้ำลายลงไป

“ผมจูบแค่ทีเดียว รับรองว่าทีเดียว ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น

รพีพงษ์ละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆชิดเข้าไปใกล้ริมฝีปาก ของอารียา

เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากตัวอารียาได้อีกครั้ง รพีพงษ์รู้สึก กระชุ่มกระชวย จนแทบอยากจะกลืนกินอารียาลงไปทั้งตัว

จูบไปพักหนึ่ง รพีพงษ์แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยิ่ง พอใจ ในเวลานี้สายตาเขาทอดมองเนินอกของอารียา มือข้างหนึ่งอดไม่ไหวแล้ว

“ทําไมเวลาทําแบบนี้แล้วรู้สึกตัวเองเจ้าเล่ห์เหลือเกิน…….. พงษ์เกิดความคิดประหลาดๆขึ้น

“ไหนๆเขาก็เป็นเมียเรา อะไรเรียกว่าเจ้าเล่ห์ล่ะ ผัวเมียทำธุระ กันบนเตียง เป็นเรื่องปกตินี่”

หลังจากที่โน้มน้าวตัวเองไป รพีพงษ์ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่น มือออกไป……

ตอนเช้าวันที่สอง รพีพงษ์ตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงหวีดร้อง

เขาลืมตาขึ้น รู้สึกว่า ในอ้อมกอดตัวเองมีคนนิ่มๆอุ่นๆ ก้มหน้า มอง เห็นอารียามองเขา ด้วยสายตาหวาดกลัว และกำลัง พยายามใช้มือดันออก

รพีพงษ์รีบปล่อยอารียาออก อารียาหดอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าห่ม ห่อตัวเองเอาไว้ จ้องรพีพงษ์อย่างแค้นเคือง พูดขึ้น“คุณ…….คุณ มันโรคจิต เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน

รพีพงษ์รู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย คิดอยู่ในใจว่าเขาจะทำ อะไรได้อย่างมากก็แค่เรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันก็เท่านั้น

“แคลร์ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผม…ผมแค่คิดถึงคุณมากไป หน่อย เมื่อคืนก็เลยนอนข้างๆคุณเท่านั้นเอง เมื่อก่อนผมกับคุณ เป็นสามีภรรยากันจริงๆนะ เราพรากกันนานกว่าจะได้พบกัน ก็ ..รพีพงษ์พูดอธิบาย

“คุณมันนักต้มตุ๋น ใครเป็นสามีภรรยากับคุณกัน ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนคุณมาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ฉันอีก คุณไม่เพียงแค่ ปรักปรำขนมปัง ยังมีฉันจนสลบ แล้วตอนนี้คุณ….คุณข่มเหง ………………. หน้าอารียาเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม แล้วน่าสงสารเวทนามาก

รพีพงษ์ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบหยิบมือถือตัวเองออก มา หารูปที่อยู่ในนั้น พูดว่า “ผมไม่ได้หลอกคุณจริงๆนะ เมื่อก่อน เราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ไม่เชื่อคุณดูรูปสิ นี่เราถ่ายตอนออก ไปเที่ยวด้วยกันไงล่ะ”

พูดพลาง รพีพงษ์ยื่นมือถือไปให้ดู

อารียารับมือถือไปดู เห็นว่าบนรูปถ่ายคือเธอกับรพีพงษ์สอง คนจริงๆด้วย ในรูปเธอยัง โอบคอรพีพงษ์ ยิ้มออกมาอย่างมี ความสุข

อารียาขมวดคิ้ว รู้สึกในหัวมีภาพแว๊บๆ จึงพูดต่อ ฉันคิดออกแล้วล่ะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ