พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 657 นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูลลัดดา วัลย์



บทที่ 657 นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูลลัดดา วัลย์

ทุกคนชะงักกับคำที่จารุณีเอ่ยออกมา พวกเขาต่างพากันมองไป ยังรพีพงษ์ มองคนดูเหมือนเพิ่งจะหลุดออกมาจากยุค

ดึกดำบรรพ์

โสธัยกับตันหยงประหลาดใจ เพราะรพีพงษ์ในตอนนี้แตกต่าง จากก่อนมาก ปฏิกิริยาแรกของทั้งสองคนคิดว่าชายคนนี้กำลัง เล่นตลก

โศธยจ้องรพีพงษ์แล้วพูดออกมาว่า “แกเป็นใคร ถึงกล้าบอก อ้างชื่อของนายใหญ่ที่ตายไปแล้ว แกมาก่อเรื่อง ใช่ไหม!

“ผมว่ามันน่าจะเป็นคนที่ตระกูลโชติธีรธรรมส่งมาปั่นหัวพวก

เรา เดี๋ยวผมจะเรียกคนมาจับมันแล้วเอาไปสั่งสอนสักหน่อย

ตันหยงรีบพูดขึ้น

รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น จากนั้น จึงเอ่ยขึ้นว่า “ทำไม พวกนายอยากให้ฉันตายขนาดนั้นเลยเห รอ”

จารุณีอยู่ใกล้กับรพีพงษ์มาก ถึงแม้ตอนนี้หน้าตาของเขาจะ ถูกปกคลุมด้วยหนวดเครา แต่เสียงและตาของเขาไม่ได้เปลี่ยน ไปมาก จารุณีรู้ได้ในทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือรพีพงษ์

เธอร้องไห้แล้วกอดรพีพงษ์เอาไว้ พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เขาคือรพีพงษ์ ไม่ผิดแน่ๆ ไอ้คนเลว นายรู้ไหมว่าครึ่งปีมานี้พวกเรา อยู่กันยังไง นายเพิ่งจะกลับมาเอาตอนนี้ ฉันล่ะอยากชกนายสัก ยก ฮือฮือฮือ”

รพีพงษ์ยกมือลูบหัวจารุณี แล้วพูดว่า “ทำให้เธอเป็นห่วงแล้ว ให้ผมจัดการเรื่องที่นี่เสร็จก่อน แล้วค่อยมาด่าผมได้ไหม”

จารุณีเช็ดน้ำตา แล้วพยักหน้าให้รพีพงษ์

รพีพงษ์เดินตรงไปยังโสธัยและตันหยง รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่พวก เขาสองคนพูดทั้งหมด จะด้วยจุดประสงค์อะไร สองคนนี้ทำให้ร พงษ์รู้สึกรังเกียจเป็นที่เรียบร้อย

โสธัยกับตันหยงเพิ่งเห็นรพีพงษ์ชัดๆ อีกทั้งเสียงที่เหมือนกับ รพีพงษ์ไม่มีผิด พวกเขาสองคนตั้งสติได้ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก คนที่ อยู่ตรงหน้าคือรพีพงษ์จริงๆ!

“นะ..นายใหญ่ เป็นคุณจริงเหรอ สวรรค์เมตตาตระกูลของเรา จริงๆ การที่นายใหญ่กลับมา ทำให้ตระกูลของเรามีหวังแล้ว!” สีหน้าของ โดยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขาจะคิดไม่ออกว่า ทำไมรพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่มีเวลามา ลังเลอะไรอีก

ตันหยงก็ตกใจเช่นกัน คนที่ตายไปแล้วครึ่งปีอย่างรพีพงษ์ยัง มีชีวิตอยู่ มันเหมือนกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เขาเห็นโศธัยทำสีหน้าตื้นตันเมื่อเห็นรพีพงษ์ ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “นายใหญ่ คุณกลับมาแล้ว ช่างโชคดีจริงๆ ที่เราพูดเมื่อครู่มันไร้ สาระและไม่มีเหตุผล ผมยอมรับการลงโทษจากนายใหญ่”
“เชิญนายใหญ่ลงโทษมาได้เลยครับ!” โดยโค้งให้รพีพงษ์ เช่นกัน

รพีพงษ์ส่งเสียงที่ออกมา เขาไม่ได้โกรธที่สองคนนี้ไม่ยอมให้ เงินสามหมื่นล้าน ในสถานการณ์แบบนี้คนในตระกูลก็ต้องคำนึง ถึงตัวเอง เป็นความรู้สึกปกติของมนุษย์ แต่สองคนนี้จะดูถูกอารี ยาแบบนั้นไม่ได้

“อารีคือคนเดียวที่รู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอ ช่วยฉันบริหารตระกูล เธออุทิศตัวเองเพื่อให้ตระกูลยังยืนอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเธอ แต่พวกนายสองคนกล่าว หาว่าเธอจะใช้อำนาจของตระกูล เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตระกูลลัด ดาวัลย์กำลังถูกเพ่งเล็งจากคนในเกียวโต ถึงเธอจะใช้อำนาจ ของตระกูลแล้วเธอจะได้อะไรล่ะ การที่พวกนายว่าเธอแบบนั้น มันน่าเศร้าใจจริงๆ ถ้าวันนี้ฉันไม่กลับมา พวกนายคิดจะไล่คน ท้องอย่างเธอออกจากบ้านใช่ไหม”

รพีพงษ์ถามทั้งสองคน เหงื่อผุดออกมาจากหน้าผากของทั้ง สองคน รังสีที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวของรพีพงษ์ จนพวก เขาแทบจะหายใจไม่ออก

ตันหยงกลอกตาไปมา จากนั้นจึงคุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ “นายใหญ่ ผมปากพล่อยเอง จึงคิดกับนายหญิงแบบนั้น ผมผิด เอง ไม่ว่านายใหญ่จะลงโทษผมยังไงผมก็จะไม่บ่นสักคำ

โสธัยรู้ว่าถ้าตอนนี้ทำตัวไม่ซื่อสัตย์ รพีพงษ์จะต้องโกรธมาก เขาจึงคุกเข่าลงและขอรับบทลงโทษจากรพีพงษ์
รพีพงษ์จ้องทั้งสองคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เห็น แก่ที่พวกนายรักษาธุรกิจของตระกูล ฉันจะปล่อยพวกนายไปสัก ครั้ง เอาไปโดยคนละร้องครั้ง ถ้าต่อไปฉันได้ยินคำพูดแบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันโมโหไม่เลือกหน้าแล้ว”

ตอนที่รพีพงษ์กำลังสั่งบทลงโทษของทั้งสองคน มีใครคนหนึ่ง เดินเข้ามาข้างท่านคทาแล้วยื่นซองเอกสารให้ จากนั้นก็พูดอะไร นิดหน่อย แล้วเดินจากไป

เมื่อโสธัยกับตันหยงได้ยินว่าแค่ถูกโบยเพียงร้อยครั้ง พวก เขาจึงถอนหายใจออกมา

ขณะนั้นเองท่านคทาก็ลุกขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปหารพีพงษ์ “โบยแค่ร้อยครั้งยังน้อยไป รพีพงษ์ สองคนนั้นใช้ช่วงที่นายไม่ อยู่ไปพัวพันกับตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม และปล่อยข่าวลือภายในตระกูลของเรา ยุให้ทำให้รั่ว มันสอง คนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว”

สีหน้าของโดยกับตันหยงเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าท่าน คทาจะรู้ถึงขนาดนี้

โศธยรีบพูดว่า “ท่านคทา อย่าพูดใส่ร้ายคนอื่น ผมยอมรับว่า ผมพูดถึงนายหญิงโดยไม่ได้คิด แต่คุณบอกว่าผมพัวพันกับสอง ตระกูลนั่น มันเป็นการใส่ร้ายผมชัดๆ”

ต้นหองรีบเถียงขึ้นมาเหมือนกัน “ท่านคทา เราสองคนแค่ คัดค้านคุณไม่กี่ว่า คุณไม่ควรใช้วิธีนี้มาใส่ร้ายเรานะ”

ท่าน ทาส่งเสียงที่ออกมา แล้วโยนของเอกสารลงไปบนพื้นรูปหล่นลงบนพื้น เป็นภาพที่โสธัยกับตันหยงกำลังนั่งดื่มกับนาย ใหญ่ของทั้งสองตระกูล “ฉันหาหลักฐานได้แล้ว พวกนายแน่ใจเหรอว่าฉันกำลังใส่

ร้าย?” ท่านเทาพูดอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนมองรูปที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาคิด ไม่ถึงว่าท่านคทาจะแอบส่งคนสะกดรอยตามพวกเขา

ท่านคทาหันไปมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายหญิงเห็นความผิด ปกติของพวกมันตั้งแต่สองเดือนก่อน เลยให้ผมแอบสืบ คิดไม่ ถึงว่าพวกมันจะทำเรื่องทรยศตระกูล มิน่าล่ะถึงเอาแต่พูดให้ร้าย นายหญิง”

รพีพงษ์หรี่ตาลง รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวเขา

สีหน้าของโสธัยกับตันหยงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ตันหยง รีบพูดอ้อนวอน “นายใหญ่ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ คุณหายไปกว่า ครึ่งปี ผมคิดว่าคุณตายไปแล้ว ตระกูลของเราต้องจบเห่แน่ การ ที่ผมทำแบบนี้ เพราะผมอยากมีชีวิตต่อไป

“เขาพูดถูก ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว พวกเราจะเปลี่ยนตัวเอง ใหม่ ตั้งแต่วันนี้พวกเราจะไม่คิดแปลกแยกอีก” โศธัยพูดด้วยน้ำ เสียงสั่นเทิ้ม

รพีพงษ์แบะปาก แล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะ

ทรยศตระกูล”

พูดจบ รพีพงษ์ก็บีบคอทั้งสองคน และยกตัวของทั้งสองขึ้นลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นเขาก็ใช้แรงบีบคอของสองคนนั้นจนหัก

คนทรยศไม่สมควรได้รับการให้อภัย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ