พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่355 ตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์



บทที่355 ตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์

“ใครไม่เห็นด้วย!” คำพูดนี้ดังสนั่นไปที่หูของทุกคน ทุกคน มองไปที่รพีพงษ์ ทั้งสายตาที่ซับซ้อน หรือยากจะรับได้ หรือ เต็มไปด้วยความหวัง

ถึงแม้ผ่านมานานหลายปี พวกเขามองรพีพงษ์ว่าเป็นไอ้ สวะ ไอ้นอกรีต คิดว่ารพีพงษ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะสืบทอดกิจการ ใดๆ

แต่ว่าวันนี้ พวกเขาเข้าใจแล้ว ฉายาไอ้สวะของรพีพงษ์ เป็นโยษิตาและวีธราสร้างขึ้นมา รพีพงษ์ไม่เคยทำผิดต่อ ตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วความสามารถที่เขาแสดงออกมาก็ พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่ไอ้สวะ

รพีพงษ์เป็นลูกชายคนเดียวของนนทภู ถ้าไม่มีวีธรามาขัด ขวาง หลังจากที่นนทภูจากไปแล้วนั้น ผู้สืบทอดของตระกูล ลัดดาวัลย์ก็คือรพีพงษ์เพียงแต่ชื่อเสียงของรพีพงษ์ที่มีต่อ คนทั่วไปนั้นเปลี่ยนไปอย่างเร็ว จึงทำให้พวกเขารู้สึกไม่คุ้น เคยก็เท่านั้น

ญาดามองไปที่รพีพงษ์อย่างหลงไหล ขณะนี้ เธอมิได้มี อคติต่อรพีพงษ์อย่างตอนแรกแล้ว แต่กลับรู้สึกเสียใจ ดังนั้น หลังจากฟังคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ไม่นานญาตาก็ยืนขึ้น
“ฉันยอมรับให้รพีพงษ์เป็นนายใหญ่คนใหม่ของตระกูล ลัดดาวัลย์!”

หลังจากที่ญาดายืนขึ้นไม่นาน ท่านคทาก็ยืนขึ้น และกล่าว “รพีพงษ์เป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ เหมาะสมที่สุด

หลังจากที่ท่านคทาและญาตายืนขึ้นแล้วนั้น ก็มีคนจำนวน ไม่น้อยได้แสดงความคิดของตัวเองออกมา

วันนี้รพีพงษ์พาคนของหอการค้าสมน.และสำนักบูโดวง แสงมา ความสามารถของทั้งคู่ในเมืองเกียวโตถือว่าเก่งกาจ ที่สุด รพีพงษ์สามารถสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาได้ ก็ สามารถพิสูจน์ถึงความสามารถของรพีพงษ์ได้แล้ว

แล้วถ้ารพีพงษ์เป็นนายใหญ่ บวกกับได้ร่วมมือกับหอการ ค้าสมน.และสำนักบูโดวงแสงล่ะก็ ตระกูลลัดดาวัลย์จะต้อง พัฒนาไปอย่างมาก

หลังจากที่ทำความเข้าใจจุดนี้แล้ว คนส่วนมากก็รู้ว่าควร จะเลือกอะไร

แต่ทว่าก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังสงสัยในท่าทีของรพี พงษ์ พวกเขายังคงละทิ้งความคิดที่ว่ารพีพงษ์เป็นไอ้สวะไป ไม่ได้ คิดว่าถ้ารพีพงษ์เป็นนายใหญ่ ตระกูลลัดดาวัลย์ต้อง จบแล้วเป็นแน่

นิรมัยเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้รพีพงษ์เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ตอนนั้นเขาถูกจันทร์ไชยถีบ เข้าไปที่ขา ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

เห็นหลายๆคนเห็นดีเห็นงามกับรพีพงษ์ในการเป็นนาย ใหญ่ นิรมัยก็ได้ยืนขึ้นแล้วกล่าว “ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้มัน เป็นนายใหญ่ แม้มันจะชกต่อยเก่งแล้วยังไงยังไงมันก็ยัง เป็นไอ้สวะอยู่ดี ตระกูลลัดดาวัลย์ จะให้ไอ้สวะมาดูแลได้ อย่างไรกัน แบบนี้ก็เท่ากับทำลายตระกูลลัดตาวัลย์ชัดๆ!”

ทุกคนหันไปมองนิรมัย แล้วส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย รู้สึก ว่าการที่นิรมัทออกมาพูดแบบนี้ ยังหาเรื่องให้ตัวเองจริงๆ

รพีพงษ์มองไปที่นิรมัย แล้วกล่าว “คนที่ไม่เห็นด้วย ตอนนี้ สามารถออกไปจากตระกูลลัดดาวัลย์ใด้แล้ว มีสร้อยประจำ ตระกูลอยู่ ก็จะได้เป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ นี่เป็นกฎที่ พ่อตั้งไว้ ใครไม่เห็นด้วย ก็ออกไปได้”

นิรมัทโมโหเป็นอย่างมาก สะบัดแขนแล้วกล่าว “ไปก็ได้ แกเป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันไม่อยู่ก็ไม่เห็นจะ เป็นไร ใครอยากจะออกจากตระกูลลัดดาวัลย์พร้อมผมบ้าง ผมไม่เชื่อว่าจากที่พวกเราอยู่มาหลายปีนี้ ไม่มีรพีพงษ์ แล้ว จะเจริญก้าวหน้าไม่ได้”

“ใครไม่อยากอยู่ใต้อานัดของรพีพงษ์ มากับผม ผม สัญญาว่าจะมีความเป็นอยู่ดีกว่าอยู่กับรพีพงษ์เป็นหมื่น เท่า!”
คนจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นยืนไปอยู่ข้างนิรมัท คนเหล่านั้น ล้วนคิดว่าอยู่กับรพีพงษ์จะไม่มีความหวัง แล้วพวกเขาก็ไม่ ได้จริงจังใดๆกับตระกูลลัดดาวัลย์อยู่แล้ว หลายปีมานี้ก็ได้ แต่กินเลือดกินเนื้อตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น อยากที่จะออก จากตระกูลลัดดาวัลย์มานานแล้ว แม้ออกไปพวกเขาก็ยังคง มีชีวิตที่ดีเหมือนเดิม

นิรมัทเห็นคนจำนวนมากสนับสนุนเขา ก็ยิ้มอย่างสะใจ ออกมา เขาอยากจะสร้างตระกูลลัดตาวัลย์ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่ ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไร

รพีพงษ์จ้องไปที่คนเหล่านั้น แล้วกล่าว “ยังมีคนอยากอยู่ กับเขาอีกไหม?”

หลายนาทีต่อมา คนที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะอยู่ฝั่งไหน ตอน นี้ได้ไปอยู่กับนิรนัยแล้ว

นิรมัทมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ ถึงแม้พวกเรา จะเป็นส่วนน้อยของตระกูลลัดดาวัลย์ แต่คอนแทร็คที่อยู่ใน มือของเรา ชนะตระกูลลัดดาวัลย์ของแกได้สบาย แต่พวกแก ที่เลือกที่จะอยู่กับรพีพงษ์ รอดูต่อไปได้เลย!”

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของนิรมัย แต่มองไปรอบๆ แล้ว กล่าว “วันนี้พวกเขาประกาศที่จะออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ พวกคุณเป็นพยาน ในเมื่อพวกคุณไม่ใช่คนของตระกูลลัตตา วัลย์แล้ว งั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้คอนแทร็คใดๆของตระกูลลัดดาวัลย์อีกต่อไป ฉันจะอายัดทรัพย์สินทุกอย่างของพวกเขาที่ อยู่ในนามตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วจะประกาศให้บุคคล ภายนอกรับรู้ว่าพวกเขาได้ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว”

พูดจบ เขาก็หันไปหานิรมัย ยิ้มแล้วกล่าว “หวังว่าพวกคุณ จะไม่พึ่งคอนแทร็คของตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วสร้างทุกอย่าง ให้ชนะตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ขอให้พวกคุณโชคดี”

นิรมัยกล่าว “คอนแทร็คที่พวกเราสะสมมานั้นพวกเราเป็น ผู้หามาเอง แกมีสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราใช้ รพีพงษ์ เกรงว่า แกจะไม่มีปัญญามากขนาดนั้นมาอายัดบัญชีของพวกเรา”

รพีพงษ์หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เข้าไปยังบัญชีรวม ของตระกูลลัดดาวัลย์ อายัดบัญชีของคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างนิ รมัททั้งหมด

บัญชีรวมจะมีเพียงเบื้องบนของตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้นที่ รู้ ดังนั้นคนในเบื้องบนของตระกูลลัดดาวัลย์ นอกจากเจต ดิลกแล้ว ไม่มีใครออกจากตระกูล

แต่นิรนัยและคนเหล่านี้ไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่านายใหญ่ ของตระกูลสามารถจัดการกับบัญชีรวมหรือบัญชีต่างๆของ ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ พวกเขายังอินโนเซนต์คิดว่าออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ยังสามารถเอาทรัพย์สินและคอน แทร็คเหล่านั้นไปได้

ภายไปประมาณห้านาที นิรนัยและคนอื่นๆได้รับข้อความหลังจากที่เห็นเนื้อหาในข้อความแล้ว สีหน้าของทุกคนได้ เปลี่ยนไป

“บัญชีของฉันทำไมถูกอายัด?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมร้านในนามของฉันถูกโอนย้าย ไปเป็นในนามของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว?”

“หุ้นของฉันทำไมถึงเป็นทรัพย์สินส่วนรวมของตระกูลลัด ดาวัลย์ได้?”

***

สีหน้าทุกคนดูตกใจ ไม่มีใครคิดว่าคำพูดที่รพีพงษ์พูดเมื่อ ก็ไม่ได้เป็นการล้อเล่น

สีหน้านิรมัยก็เปลี่ยนไปเมื่อดูมือถือ ผ่านไปสักแป๊ปจึงจะ รู้สึกตัว

จากนั้นเขามองไปที่รพีพงษ์ ด้วยความเกรี้ยวกราด แล้ว กล่าว “รพีพงษ์ แกทำอะไรกับทรัพย์สินของเรา! แกรีบคืน ทรัพย์สินของเรามานะ!”

รพีพงษ์มองเขาอย่างเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ทรัพย์สิน เหล่านั้นเป็นของตระกูลลัดดาวัลย์หรือของพวกคุณเองพวก คุณรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อพวกคุณออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว งั้นก็อย่าหวังจะเอาไปแม้แต่สิ่งเดียว”

“แกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับทรัพย์สินของเรา พวกเราจะฟ้องศาล” นิรมัทเคร่งเครียด

“ฉันคือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ แกบอกมาสิว่าฉัน มีสิทธิ์ไหม?” รพีพงษ์มองไปที่นิรมัทอย่างเยือกเย็น

คนเบื้องบนของตระกูลลัดดาวัลย์คิดว่ารพีพงษ์ไม่มีรหัส บัญชี แต่เมื่อเห็นดังนี้ พวกเขาก็รู้แล้ว ว่ารพีพงษ์มีรหัสบัญชี รวม ถ้าเป็นแบบนี้ ทรัพย์สินและคอนแทร็คทุกอย่างของ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็อยู่ในมือของเขา ไม่ว่าใครออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่สามารถเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว

คนจำนวนไม่น้อยเริ่มดีใจที่ไม่เลือกอยู่กับนิรมัท คนเหล่า นั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว

“ในเมื่อพวกคุณเลือกที่จะออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ งั้นก็ อย่าเสียเวลาตรงนี้อีกเลย นายใหญ่มีสิทธิ์ที่จะเอาของที่เป็น ของตระกูลลัดดาวัลย์กลับ สิ่งที่พวกคุณโดนอายัดถูกเอา กลับมา เพราะมันเป็นของตระกูลลัดดาวัลย์ เรื่องนี้ไม่มีทาง ผิดพลาด ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลง ไป” ท่านคทาพูดต่อนิรนัยและคนเหล่านั้น

นิรมัทมึนงง พวกเขาไม่รู้ว่านายใหญ่มีสิทธิ์แบบนี้ด้วย “นิรมัย แกไอ้เลว ทำจนพวกเราหมดเนื้อหมดตัว ฉันจะฆ่า

แก!”

คนเหล่านั้นล้อมนิรมัทเอาไว้ แล้วระบายความโกรธออก”ไล่พวกเขาออกไป นี่เป็นถิ่นของตระกูลลัดดาวัลย์ ให้ พวกมันไปทะเลาะกันข้างนอก” ท่านคทาสั่งคนของตระกูล ลัดดาวัลย์

คนเหล่านั้นรีบไล่พวกนิรภัทออกไป คนที่เหลืออยู่รู้สึกดีใจ

อย่างยิ่ง

หลังจากนั้นรพีพงษ์ให้คนของตระกูลลัดดาวับย์จัดการกับ ร่างของโยษิตา หลังจากที่ไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็ขอบคุณธีร ศานต์และจันทร์ไชย จากนั้นก็ให้พวกเขากลับไป

หลังจากที่จันทร์ไชยและธีรศานติกลับไปแล้วนั้น รพีพงษ์ ให้ทุกคนไปเจอกันที่ห้องประชุม รพีพงษ์กลายเป็นนายใหญ่ คนใหม่ แน่นอนว่าต้องมีการประสานงานกัน

ต่อจากนี้ไปรพีพงษ์ต้องยุ่งอีกหลายวัน

หลังจากที่รพีพงษ์ได้เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ญาดาก็มีท่าทีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไป ในขณะไปห้องประชุม ญาดามองไปที่รพีพงษ์อย่างเขินอาย

“พี่รพีพงษ์ ยินดีกับพี่ด้วยนะที่ได้เป็นนายใหญ่ เชื่อว่าถ้าพี่ ดูแลจะต้องไปได้ไกลแน่นอน” ญาตากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้าให้ญาดาตามมารยาท

ญาดาผิดหวัง หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปจับแขนรพีพงษ์ไว้แล้วกล่าว “ตอนฉันเด็กฉันนับถือพี่รพีพงษ์มาก ตอนนั้นคิด แต่ว่าโตขึ้นจะต้องแต่งงานกับพี่รพีพงษ์ ฉันเชื่อว่าพี่รพีพงษ์ จะไม่รังเกียจฉันแน่นอน”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ปลดมือของญาตาออก แล้วกล่าวอย่าง เยือกเย็นว่า “ฉันแต่งงานแล้ว กรุณาให้เกียรติกันด้วย”

เมื่อญาดาได้ยินค่าพูดนี้ของรพีพงษ์ก็เกิดซะงักขึ้นมา ทันใด ไม่ใช่เพราะรพีพงษ์แต่งงานแล้ว แต่เป็นเพราะรพีพงษ์ ทำเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า

ตอนนั้นที่คลาดกันไป ไม่มีทางเอากลับมาได้จริงๆ

ณ ห้องดับจิตของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเกียวโต คนหนึ่งได้นำร่างเข้าไปไว้ในโรงเก็บศพของห้องดับจิต ร่างนี้เป็นร่างที่นำมาจากตระกูลลัดดาวัลย์นั่นคือร่างของ

โยษิตา สำหรับร่างที่เสียชีวิตแบบไม่ปกติ จะมีการจัดการที่แตก ต่างกันไป ทรัพย์สินของตระกูลลัดดาวัลย์รวมถึงโรง พยาบาลหลายแห่ง ดังนั้นคนที่ตระกูลลัดดาวัลย์ฆ่า แล้ว ต้องการจัดการกับศพ สะดวกที่สุดคือ นำศพไปไว้ในห้อง

ตับจิตของโรงพยาบาล

แบบนี้ไม่เพียงไม่ถูกตรวจสอบ และไม่มีใครรับรู้ ศพแบบนี้ก็เหมือนถูกเผาไปโดยปริยาย

คนที่รับผิดชอบในการเอาศพไปไว้เพิ่งจะเปิดถุงออก รู้สึก ได้ถึง ศพนี้ในมือของตน เหมือนยังอุ่นๆอยู่

ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขากำลังจะไป บอกคนให้มานั้น รู้สึกว่าด้านหน้าของตนมืดลง และไม่รับรู้ อะไรอีกต่อไป

คนหนึ่งเดินไปด้านหน้าศพของโยษิตา ถ้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่ ก็ จะพบว่าคนนี้คือการ์ดช้างกายของโยษิตา ธนาตย์

ธนาตย์จ้องไปที่ศพของโยษิตา จากนั้นก็หยิบขวดเล็กขึ้น มา เปิดปากของโยษิตาออก แล้วเอายาเทลงไปในปาก

“ยาพิษที่เธอกินเข้าไปเป็นยาที่ทำให้หัวใจเธอเต้นช้าลง ถึงขึ้นดูไม่ออกว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้าในสามชั่วโมงได้รับ ยาแก้ทัน ก็จะมีโอกาสกลับมา มิเช่นนั้นจะอาจกลับมามีชีวิต ไม่ได้ แต่ขอให้ทันแล้วกัน”

ธนาตย์จ้องไปที่หน้าของโยษิตา ด้วยความเจ็บปวด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ