พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่418 พวกนาย คนยืนอยู่ตรงนี้



บทที่418 พวกนาย คนยืนอยู่ตรงนี้

ชั้นสามของหอแข่งขันศิลปะการต่อสู้ บนเทพและฝนตานั่ง อยู่บนเก้าอี้สบายๆ แล้วจ้องมองไปที่เวทีประลองด้านล่าง

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกและรัศมี ธน เทพก็แสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“คนในห้องสิบแต่ละคนต่างก็อาลัยตายอยาก ไม่มีจิต วิญญาณแห่งการต่อสู้เลย ทีมแบบนี้ จะชนะได้อย่างไร สุดา เธอประชดฉันแบบนี้มันไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย หนึ่งร้อย ร้านนี้ เธอคงจะโยนมันทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์”ธนเทพ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฝนสุดาขมวดคิ้วและมองไปที่เวทีประลองด้านล่าง เธอไม่ คาดคิดว่า ทีมสิบสามจะจะแย่ขนาดนี้จริงๆ ทั้งหมดในเวที มี เพียงเธอวางเดิมพันหนึ่งร้อยล้านทีมสิบสามคนเดียว เห็นได้ ชัดว่า ผู้คนที่อยู่ในเวทีกำลังเดาว่าคนวางเดิมพันเป็นใคร

หากถึงเวลาทีมสิบสามแพ้ คนอื่นก็จะรู้ว่าเธอเป็นคนวาง เดิมพันหนึ่งร้อยล้าน ต้องหัวเราะเยาะเธออย่างแน่นอน

เธอดูผู้ขึ้นเวทีของทีมสิบสามแต่ละคนผอมแห้งแรงน้อย ไม่เหมือนกับคนจะสามารถชนะได้เลย ทีมอย่างพวกเขา ทีม หมายเลขเจ็ดเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการได้แล้ว สุดาพนันแบบนี้ ฟังฉันดีกว่า”ธนเทพพูดต่อ

“ แค่เกมเท่านั้นเอง ฉันก็ไม่ไปรู้สึกเสียใจกับหนึ่งร้อย ล้านนี้หรอก”ฝนดาพูดอย่างโกรธ

ธนเทพอารมณ์ดีมาก และตอนนี้คาดหวังว่าผู้คนจากทีม หมายเลขเจ็ดจะเอาชนะได้โดยการให้ทีมสิบสามคุกเข่าขอ ความเมตตา

บนเวทีประลอง หลังจากที่พิธีการพูดจบ ประกาศเริ่มการ แข่งขัน จากนั้นก็รีบออกเวทีประลองอย่างรวดเร็ว ในเวที ประลองนี้ไม่มีกฎและข้อกำหนดใดๆ หากเขายังคงยืนอยู่บน เวที ถูกฆ่าในตอนนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะพูด

“ลูกพี่ ฆ่าพวกเขาให้ตายเลย! ชายคนหนึ่งในห้อง หมายเลขเจ็ดเริ่มตะโกนขึ้นมา

สวิสจ้องไปที่ผู้คนที่อยู่ด้านข้างของรพีพงษ์ แสยะยิ้มแล้ว พูดว่า “พวกนายไปก่อน ห้องหมายเลขสิบสามเป็นขยะทั้ง นั้น เป็นที่ฝึกซ้อม ให้พวกนายได้พอดี

ทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเดินไปหารพีพงษ์ พวกเขา ดูเหมือนกำลังแสดงความสามารถ

รพีพงษ์หันหน้าไปมองคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างๆตัวเอง และพบว่า พวกเขาทั้งหมดอาลัยตายอยาก และไม่มีใจที่จะสู้ ในสภาพ แบบนี้ ทั้งสี่คนจะช่วยอะไรรพีพงษ์ไม่ได้เลย แต่กลับจะขัดขวางการออกแรงของเขา

ดังนั้นเขาจึงพูดกับทั้งสี่คนว่า “พวกนายทั้งสี่คนยืนอยู่ ตรงนี้ ฉันจะจัดการกับพวกเขาเอง”

ทั้งสี่คนนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามด้วยความหวาดกลัวในใจ หลังจากได้รับคำ สั่งของรพีพงษ์ ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่เพียงแค่เฝ้าดูร พงษ์เดินไปด้านหน้า

มหมายเลขเจ็ดสังเกตเห็นสถานการณ์นี้ ก็งงงวย ไม่รู้ว่า ห้องหมายเลขสิบสามจะใช้กลยุทธ์อะไร

“คนของห้องหมายเลขสิบสามโง่หรือเปล่า มีแค่คนเดียว เท่านั้นที่ไป ดูท่าทางว่า อีกสี่คนที่เหลือจะไม่ยอมออกมือ

คนที่เดินมาหาพวกเราคือผู้มาใหม่ เขาก็คงไม่รู้ถึงความ โหดร้ายของเวทีประลองนี้ อีกสี่คนที่เหลือคงหวาดกลัวจน เดินไม่ได้”

“ตลกสิ้นดี ฝ่ายห้องหมายเลขสิบสาม ให้ผู้มาใหม่ขึ้นมาสู้ พวกเศษสวะทั้งนั้นจริงๆ

“ไอ้น้อง แกเป็นผู้มาใหม่ แกน่าจะไม่รู้สถานการณ์ที่นี่ ห้องหมายเลขสิบสามของพวกนาย ในสายตาของพวกเรา ก็ แค่เพียงเศษซาก ตอนนี้แกรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาและเรียกคุณ พวกเราก็จะทำให้แกตายอย่างทรมานน้อยที่สุด

ทั้งสี่คนของห้องหมายเลขเจ็ดมองไปที่รพีพงษ์อย่างดูถูก และไม่ได้เอาเขาไว้ในสายตาแม้แต่น้อย

มองดูโลกนี้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะ หลังจากวันนี้ไป พวก

แกก็ไม่มีโอกาสแล้ว รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

พวกเขาทั้งสี่คนหัวเราะเยาะเห็นได้ชัดว่ารู้สึกว่ารพีพงษ์ กําลังอวดดี

“ฉันขอเล่นกับเขาก่อน แค่คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ กล้า อวดดีขนาดนี้ น่าขำสิ้นดี!

คนที่อยู่ตรงหน้ารีบพุ่งไปหารพีพงษ์พร้อมกับสาวเท้าไป เพียงคนเดียว ชกออกไปหนึ่งหมัด พุ่งเข้าใส่ตรงหน้าร พงษ์โดยตรง

รพีพงษ์หรี่ตาลง และรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของหมดของ คนคนนี้ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของคนในห้องหมายเลข เจ็ดจะแข็งแกร่งกว่าในห้องหมายเลขสิบสามมาก

แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว มันก็เป็นเพียงมดที่แข็งแกร่งกว่า เท่านั้นเอง

ก่อนที่หมัดของชายคนนั้นจะกระแทกโดนตัวเอง รพีพงษ์ก็ เคล็ดตัว เอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเขา และสอดมืออีกข้าง หนึ่งของเขาไว้ใต้รักแร้ จากนั้นใช้กำลัง เพื่อหักล้างแรงมือหลังจากการโจมตีอย่างหนัก แล้วยกขึ้นเหวี่ยง และสะบัด ล้มลงไปอีก าน

หัวของชายคนนั้นกระแทกพื้น และก็สลบไปทันที รพีพงษ์ เดินเข้าไปตรวจสอบ พบว่าชีพจรยังเต้นอยู่ บีบคอเขาด้วย มือข้างหนึ่ง ออกแรง ตัดโอกาสรอดชีวิตของเขา

รพีพงษ์ชำนาญในการฆ่าคน ตอนที่อยู่ในโลกภายนอก เพราะข้อจำกัดทางกฎหมาย เขาไม่สามารถทำตามใจได้ มี แต่ตอนที่ถูกบีบคั้นถึงจะจบชีวิตคนคนหนึ่ง แต่อยู่ในเทือก เขากิสนา เขาไม่ต้องกังวล

ถ้าสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบ หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ ที่อ่อนแอ รพีพงษ์สามารถคร่าชีวิตได้เลย

ตั้งแต่ที่คนห้องหมายเลขเจ็ดลงมือกับรพีพงษ์จนถึงร พงษ์โยนเขาลงพื้นแล้วจบชีวิต ใช้เวลาเพียงสามวินาที ทุก คนก็ยังรอให้คนของห้องหมายเลขเจ็ดจัดการคนฝ่ายห้อง หมายเลขสิบสามอย่างโหดๆ ปรากฏว่าเพียงครู่เดียวก็เกิด การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถตอบ สนองคืนกลับมาได้

ฝ่ายทุกคนในห้องหมายเลขเจ็ดดูตกตะลึง และฝ่ายห้อง หมายเลขสิบสามนั้นแย่ยิ่งกว่า หลายคนลูกตาเกือบจะหลุด ออกมาจากเบ้าตา

“นี่…เป็นไปได้ยังไง เขาใช้สองกระบวนท่าก็จัดการคนของพวกเราได้หนึ่งคน?”ฝ่ายคนในห้องหมายเลขเจ็ด พิมพ์ กับตัวเอง

สวิสที่ยืนอยู่ในเวทีประลองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ผู้มาใหม่คนนี้ดูแล้วเหมือนจะเป็นแค่ไก่ อ่อน แต่กลับมีความแข็งแกร่งเช่นนี้

บนชั้นสาม ธนเทพและฝนสุดาที่กำลังดูเวทีประลองด้าน ล่าง ธนเทพยังคงนิ่งนอนใจกับการเตรียมการของตัวเอง เขาได้บอกกับฝนสุดามาตั้งนานว่าสำหรับการพิจารณาการ แข่งขันบนเวทีประลองของตัวเอง เพียงแต่วิเคราะห์ สถานการณ์จากรัศมีจากการแข่งขัน ในระหว่างการแข่งขัน เขาแกล้งทำเป็นวิเคราะห์สาเหตุของการขาดความแข็งแกร่ง ตามการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์

ปรากฏว่าการแข่งขันเริ่ม รพีพงษ์ก็กำจัดหนึ่งคนได้ด้วย สองกระบวนท่า กล่าวได้ว่า เป็นการตบหน้าธนเทพได้อย่าง รวดเร็ว

การแสดงออกอย่างภาคภูมิใจบนใบหน้าก็แข็งที่อไปใน พริบตา และไม่ตอบสนองสักพัก

เดิมทีฝนสุดาที่ขมวดคิ้วที่รำคาญธนเทพอยู่ซึ่งกำลังจะ โมโหใส่ธนเทพ แต่ในพริบตาเดียว รพีพงษ์ก็เปลี่ยนรูปแบบ บนสนามกลับมา ทําให้ดวงตาของฝนสุดาเปล่งประกายขึ้น

มา
มีรอยยิ้มปรากฏออกมาอยู่บนใบหน้าของเธอ หันหน้าไป มองธนเทพ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าสิ่ง ที่นายพูดมาจะไม่มี ระดับ นายบอกว่าคนคนนั้นไม่ค่อยแข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ ตอนนี้จะอธิบายว่ายังไงดีล่ะ?

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของธนเทพแข็งทื่อ เมื่อคําถามฝน สุดาทําให้เขาพูดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นาน ไอเล็กน้อย และ พูดว่า: “เขาแค่กำจัดไปได้แค่คนเดียวเท่านั้นเอง การแข่งขัน รอบนี้ต้องดูทั้งหมด เขาคนเดียวคงไม่สามารถท้าทายห้าคน ได้ ผลลัพธ์ที่ฉันบอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่นอน”

ฝนสุดาไม่ได้สนใจเธอ หันกลับไป มองไปที่เวทีประลอง ต่อ แววตาที่จ้องไปที่รพีพงษ์ ก็มีความเจ้าเล่ห์

ห้องขังใต้ดิน

ทุกคนจ้องไปที่หน้าจอในห้อง

“ผู้มาใหม่คนนี้กล้าหาญมาก กล้าที่จะหนึ่งต่อหนึ่งกับคน ของห้องหมายเลขเจ็ด ไม่รู้จริงๆว่าเขามีความมั่นใจหรือน้ำ เข้าสมอง

ซินโตมองไปรพีพงษ์ที่อยู่บนหน้าจอ ก็ส่ายหัวอย่างช่วย ไม่ได้ และถอนหายใจ: “เด็กคนนี้โชคไม่ดีจริงๆ มาถึงก็ถูก แบ่งให้ไปอยู่ห้องหมายเลขสิบสาม แล้วตอนนี้ก็ต้องต่อสู้ ความเป็นความตายกับห้องหมายเลขเจ็ด เขาเพิ่งมาถึงวัน แรก ก็จะต้องตาย
ในอีกห้องหนึ่ง ชายคนหนึ่งที่มาพร้อมกับรพีพงษ์ มองไป ที่หน้าจอด้วยความตื่นเต้น และพึมพำากับตัวเอง: “สมควร แล้วจริงๆ แข็งแกร่งแล้วมีประโยชน์อะไร โชคชะตาเป็นสิ่งที่ สำคัญกว่า ที่สำคัญความแข็งแกร่งของไอ้เด็กนี่ก็แต่ แข็งแกร่งกว่าพวกเรา คงจะเทียบอะไรไม่ได้กับคนในห้อง หมายเลขเจ็ดอย่างแน่นอน เขาเพิ่งมาถึงวันแรกก็ถูกฆ่าตาย น่าข่า นดี”

ขณะที่พวกเขากำลังเยาะเย้ยรพีพงษ์อยู่ด้านใน รพีพงษ์ ในจอก็ออกมืออย่างรวดเร็ว และกำจัดคนที่พุ่งเข้าหาเขา

โดยมิได้นัดหมาย ทุกคนในห้องเงียบลงทันที

ที่ขอบเวทีประลอง จงจินตน์จ้องไปที่รพีพงษ์เป็นเวลานาน ถึงค่อยๆหายจากอาการตกใจ จากนั้น ความตื่นเต้นก็ ปรากฏอยู่บนใบหน้าเขา ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ที่ แสดงออกมา ทําให้เขามองเห็นความหวัง

ห้องหมายเลขเจ็ดมีความมั่นคงอยู่เสมอ ทุกครั้งพวกเขา จะส่งคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดขึ้นมาบนสนาม ดังนั้น ทั้งสี่คนจึงสุดยอดที่สุดในห้องหมายเลขเจ็ด

แม้ว่าจะเป็นสวิส อยากจะกำจัดยอดฝีมือของห้องพวกเขา ทิ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สองกระบวนท่

แต่ว่าตอนนี้รพีพงษ์ทำได้ หมายความว่า รพีพงษ์มีแนว โน้มที่จะเอาชนะสวิสได้ ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็มีความหวังที่จะชนะ

เขาเห็นว่าทั้งสี่คนฝ่ายพวกเขาที่อยู่บนเวทีประลองต่างก็ ตกตะลึง และก็ตะโกนใส่พวกเขา “พวกแกแม่งยั่งยืนเฉยอยู่ อีท่าไม รีบส่งเสียงเชียร์ลูกพี่เร็วๆ เป้าหมายที่พวกแกขึ้นเวที ประลองก็คือสิ่งนี้!”

ทั้งสี่คนมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา และเริ่มให้กำลังใจ รพีพงษ์ด้วยความตื่นเต้น

ห้าคนขึ้นเวทีประลอง สี่คนมาให้กำลังใจ และคนห้อง หมายเลขเจ็ดถึงกับตกตะลึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ