พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่807 หลบๆซ่อนๆ



บทที่807 หลบๆซ่อนๆ

“คุณชาย ฉันเชื่อก็ได้ว่าคุณไม่คิดร้าย กรุณาปล่อยเขาก่อนได้ ไหม” อุเอสึงกล่าวต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์ปล่อยมือ กล่าว “เชื่อว่าตอนนี้พวกคุณน่าจะรู้ถึง เหตุการณ์ในตอนนี้แล้ว เพียงแค่พวกคุณให้ความร่วมมือ ผม ไม่มีทางทําอะไรพวกคุณแน่นอน แต่ถ้าพวกคุณไม่ทำตามล่ะก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน

ในเมื่อเล่นละครไม่สำเร็จ รพีพงษ์ทำได้เพียงใช้ไม้แข็งเท่านั้น

ผู้เฒ่ารู้ว่ารพีพงษ์ไม่ล้อเล่น ดังนั้นหลังจากที่ยืนขึ้นแล้ว ก็ไม่ มบ่าม

“แม้พวกเราจะยินยอมให้คุณไปสำนักเทพยาเซียนด้วย คิดว่า พอไปถึงแล้วคุณจะมีโอกาสเข้าไปได้งั้นหรอ? คนของสำนักเทพ ยาเซียนดูไม่ออกว่าคุณปลอมตัวมาหรอ?” ผู้เฒ่ากล่าวอย่าง เหยียดหยามรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ รอให้ถึงสำนัก เทพยาเซียน ผมมีวิธี”

ผู้เฒ่าดูแคลน ไม่พูดอะไรต่อ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมจะถือว่าพวกคุณยินยอมไปสำนัก เทพยาเซียนกับผมแล้วนะ เพราะผมสนใจมันจริงๆ ที่ไปกับพวก คุณ ก็แค่จะได้สะดวกต่อการเข้าไป ผมไม่ยุ่งเรื่องการแลกเปลี่ยนของพวกคุณ หวังว่าพวกเราจะเดินทางอย่างปรองดองได้

“ขอถามอะไรหน่อย พวกคุณกับสำนักเทพยาเซียนแลกเปลี่ยน อะไรกัน ผมไม่ยุ่ง แต่ถามก็ไม่น่าจะเป็นไรหรอกมั้ง?”

อุเอสึงิ ฮารุจะพูด แต่ผู้เฒ่าเห็นดังนั้น จึงรั้งเธอไว้กล่าว “ขอโทษนะ นี่เกี่ยวข้องกับความลับของตระกูลอุเอสึงิ ขอไม่ บอก”

ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่า รพีพงษ์ก็ทำได้แค่หัวเราะพวกเขายังไม่ พูด รพีพงษ์ยิ่งสงสัย แต่เขาก็ไม่สามารถบังคับให้ทั้งสองพูดออก มาได้

ยังไงโอกาสก็ยังมีอีกเยอะ ไม่รีบ

ไม่ชักช้า หลังจากที่ตกลงเสร็จ ทั้งสามก็เดินทางไปยังสำนัก เทพเขียนยา

ตามที่ชายชุดดำพูด สำนักเทพยาเซียนอยู่ในหุบเขาอันไกล โพ้นทางตอนใต้ พวกเขาต้องผ่านเมืองเล็กๆนี้ไปก่อน ผ่านเขา หลายยอด ผ่านป่าหลายที่ จึงจะถึงที่ตั้งของสำนักเทพยาเซียน

ดีที่ฝีมือของทั้งสามแข็งแกร่ง การเดินทางแบบนี้จึงไม่เป็น

ปัญหาใดๆ

จากการพูดคุย รพีพงษ์ได้รู้ว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง ถ้าตามวิถีของประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นนินจาระดับเนยจึงขั้นกลาง

ฝีมือแบบนี้ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว พรสวรรค์ของเธอ เก่งกว่าชาลิสาอีก
และอุเอสึงิ ฮารุไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือพฤติกรรม ท่าที ก็ อ่อนโยน ดูๆไปกับคุณหนูตระกูลใหญ่ เหมือนกับความ สวยงามของเธอ จนดูไม่ออกว่าเป็นยอดฝีมือเนี่ยจิ้งชั้นกลาง

แน่นอนว่าในสายตาของรพีพงษ์หรือคนทั่วไปเนยจึงขั้นกลาง ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันมาก ดังนั้นเขาปฏิบัติต่ออุเอสึงิ ฮารุ ด้วยความอ่อนโยนได้เลย

ระหว่างทางไป รพีพงษ์กับอุเอสึงคุยกันค่อนข้างถูกคอ รพี พงษ์คิดเสมอว่าจะฉวยโอกาสนี้ถามอุเอสึงเกี่ยวกับการแลก เปลี่ยนกันระหว่างตระกูลอุเอสึงกับสำนักเทพยาเซียนว่าคืออะไร แต่ทุกครั้งก็จะถูกผู้เฒ่าขัดจังหวะตลอด เขายังเตือนอุเอสึงิ ฮารุ ให้คุยกับรพีพงษ์น้อยๆหน่อย

ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้อุเอสึงิ ฮารมักจะผิดหวัง นี่ทำให้รพีพงษ์ได้ กลิ่นตุๆ ราวกับว่าอุเอสึงิ ฮารซ่อนความในใจอะไรเอาไว้

ผู้เฒ่าที่อยู่กับอุเอสึงิ ฮารุชื่ออุเอสึงิ ยูกิ ถือว่าเป็นลุงของอุเอง

ฮารุ

ครั้งนี้มาเพื่อปกป้องอุเอสึงิ ฮารุโดยเฉพาะ

แต่จากการสังเกต รพีพงษ์พบว่าอุเอสึงิ ฮารุกับอุเอสึงิ ยูกิไม่ ได้สนิทกัน ราวกับห่างกันมาก เหมือนกับถ้าไม่ใช่เพราะจะต้อง ไปสำนักเทพยาเซียน พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่มีทางได้สื่อสารกัน

และทุกครั้งที่อุเอสึงิยูกิขัดขวางอุเอสึงิ ฮารุ ก็เป็นแค่ข้อห้าม จากผู้ที่อาวุโสกว่า และการส่งเท่านั้น ดูแล้วไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

รพีพงษ์รู้ดีสำหรับความสัมพันธ์ในตระกูล ตอนนั้นแม่ของเขา ก็ทำแบบนี้กับเขาเช่นกัน ลุงที่ปฏิบัติตัวแบบนี้ต่อผู้ที่อ่อนกว่า ก็ไม่แปลกอะไร

การเดินทาง ได้เปลี่ยนพาหนะมาหลายอย่าง สุดท้ายทั้งสามก็ ถึงเขาที่สำนักเทพยาเซียนตั้งอยู่เสียที

พวกเขาเพียงแค่ขึ้นเขานี้ไป ก็จะเห็นสำนักเทพยาเซียนแล้ว

ในระหว่างทาง สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์แปลกใจก็คือ ผ่านไปสักพัก อุเอสึงิ ยูกิ จะใช้ข้ออ้างของเข้าห้องน้ำแล้วปลีกตัวออกไปสักพัก ความจริงนี้ก็เป็นเรื่องทั่วไป แต่การเข้าห้องน้ำของอุเอสึงิ ยูกิมัน เป็นเวลาเกินไป แทบจะทุกๆหกชั่วโมงจะปลีกตัวสักครั้ง

ดูๆไป เขาไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่แล้ว

ก่อนหน้าที่จะขึ้นเขา อุเอสึงิ ยูกิได้ขอไปเข้าห้องน้ำอีกครั้ง จาก นั้นก็เดินเข้าไปในป่าลึก

รพีพงษ์เห็นดังนี้ กล่าว “ผมไปด้วย”

อุเอสึงิ ยูกิไม่คิดแต่อย่างใดแล้วตอบกลับในทันทีว่า “ขอโทษ

นะ ผมไม่ค่อยถนัดไปพร้อมกับคนอื่น”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “งั้นคุณไปเถอะ ผมไปจุดอื่น อุเอสึงิ ยูกิออกไปจากจุดนี้ทันที รพีพงษ์แกล้งทำเป็นเลี้ยวไป ทางอื่น

เดินออกไปไม่นาน รพีพงษ์ก็รีบอ้อมตามอุเอสึงิ ยูกิไปอย่าง เร็ว เดินตามอุเอสึงิ ยูกิ เขาได้เรียนรู้การพรางตัวจากครองภพ แล้วบ้าง ด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้ อุเอสึงิ ยูกิไม่มีทางรู้แน่นอนว่ารพีพงษ์สะกดรอยตามเขาอยู่

เดินตรงไปด้านหน้าห่างกันประมาณหนึ่งพันเมตร รพีพงษ์เห็น อุเอสึงิ ยูกิหยุดตรงที่พงหญ้าสูงนั้น จากนั้นก็หลบหลังพงหญ้า

รพีพงษ์แปลกใจกับการปลีกตัวทุกครั้งของอุเอสึงิ ยูกิ ว่าทำ อะไรกันแน่ ถ้าพูดว่าทุกครั้งเขามาเข้าห้องน้ำจริงๆ ให้ตายรพี พงษ์ก็ไม่เชื่อ

เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างเงียบๆ บนต้นไม้นี้สามารถมอง เห็นตำแหน่งหลังพุ่มหญ้านั้นได้พอดี

เมื่อรพีพงษ์ขึ้นไปถึงยอดไม้แล้วนั้น เห็นอุเอสึงิ ยูกิกำลังนั่งลง กับพื้น ด้านหน้ากำลังวางภาชนะไว้ในภาชนะ เต็มไปด้วย ของเหลวสีแดง จากประสบการณ์ของรพีพงษ์ ของเหลวสีแดงนี้ แปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือเลือด

เห็นอุเอสึงิ ยูกิกำลังท่อง เพราะอยู่ห่างไกล รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่า เขากำลังท่องอะไร มองๆไปเหมือนกำลังสาปแช่ง

ท่องอยู่นาน อุเอสึงิ ยูกิเย็บภาชนะนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ยกทูลหัว แล้วกินของเหลวนั้นเข้าไป

รพีพงษ์ชะงัก แม้เขาไม่รู้ว่าอุเอง ยกกำลังทำอะไร แต่ดูจาก การกระทำก็พอจะดูออกว่าเขากำลังเล่นไสยศาสตร์ หรือทำเรื่อง ไม่ดีอยู่

ไม่พูดก่อนแล้วกันว่านี่มันจริงหรือไม่ ในเมื่ออุเอสึงิ ยูกิทำเรื่อง แบบนี้ได้ นั่นก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร
ถ้าเมื่อสิ่งที่อุเอสึงิ ยูกิดื่มเข้าไปเป็นเลือดคนล่ะก็ งั้นก็ชั่วร้าย เข้าไปอีก

ยังไงรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึง คนของตระกูลอุเอสึงิ จะมีงานอดิเรก แบบนี้

เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ จะไปถามอุเอสึงิ ยูกิให้มันรู้แล้วรู้

รอด

ในขณะที่เขากำลังกระโดดลงมา อุเอสึงิ ยูกิได้รู้สึกไม่ชอบมา พากล รีบยืนขึ้น มองไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นท่าทีของอุเอสึงิ ยูกิ ก็ตื่นเต้น

เห็นเพียงผมของอุเอสึงิ ยูกิ รอบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด มองไปราวกับกำลังบ้าคลั่ง น่ากลัวถึงขีดสุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ