พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่943 เยาะเย้ย



บทที่943 เยาะเย้ย

ณ ที่โล่งของฐานฝึกทหารมังกร

หลังจากที่ธีรนัยพาคนกลับมาแล้ว ก็ได้เป่านกหวีดเรียกรวม ตัว ขณะนี้สมาชิกของทหารมังกรทุกคนได้มารวมตัวกันที่นี่ทุกคน แล้ว รอการมาของหัวหน้าครูฝึกคนใหม่

เฮลิคอปเตอร์หยุดอยู่ไม่ไกล รพีพงษ์และชนสรณ์ทัตดาทั้ง สามลงมาจากข้างบน รพีพงษ์มองมาที่ทหารมังกร เห็นเหล่า ทหารที่ขมักเขม่น ก็ตกใจ

ชนสรณ์มองไปที่หน้าผาตรงนั้น เห็นธงรบของทหารมังกรได้ ปักไว้บนหน้าผาแล้วนั้น ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

เขาหันไปมองรพีพงษ์ จากนั้นก็ยิ้ม “หัวหน้าครูฝึก ตรงนั้นคือ สมาชิกทุกคนของทหารมังกร พวกเขาคือผู้นำในผู้นำ เชื่อว่าหลัง จากที่คุณเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรแล้วนั้น จะทำให้พวกเขา ก้าวข้ามขึ้นไปอีกระดับ

รพีพงษ์ไม่สนใจคำชมของชนสรณ์ แล้วเดินไปที่เหล่าทหาร

มังกร

ธีรนัยเห็นดังนี้ก็รีบตะโกนนำ “ยินดีต้อนรับหัวหน้าครูฝึก ผู้คนที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนตาม “ยินดีต้อนรับหัวหน้าครูฝึก พลังเสียงดังสนั่น ผู้ฟังฟังแล้วดังเข้าไปในโสตประสาท นี่คือกองทัพอันดับหนึ่งของเปร์คิงที่มีพลัง

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็มองชนสรณ์ที่อยู่หลังตัวเอง แล้ว

ถาม “มีพิธีรับมอบไม่ใช่หรอ? รีบทำเถอะ

ชนสร้รีบกล่าว “หัวหน้าครูฝึก ตำแหน่งคุณคือหัวหน้าครูฝึก คนใหม่ของทหารมังกร มีงานรับมอบจริงๆ พิธีนี้คือคุณต้องหยิบ ธงรบของทหารมังกร แล้วนำพี่น้องชาวทหารมังกรสาบานตน แต่ตอนนี้ธงรบของทหารมังกรปักอยู่ที่หน้าผา ตามกฎของกอง ทัพ พิธีรับมอบธงรบ มีเพียงหัวหน้าครูฝึกเท่านั้นที่แตะต้องได้

รพีพงษ์หันไปมองหน้าผานั่น เห็นธงรบกำลังพริ้วไปตามลม แล้วเหลือบไปมองชนสรณ์

ชนสรณ์รีบหลบตาทันที ราวกับไม่เห็นสายตาของรพีพงษ์

รพีพงษ์รู้ในทันทีว่านี่เป็นแผนการที่ชนสรณ์จัดเตรียมไว้ ให้ตัว

เองอับอาย

ทัตดาก็จ้องไปที่หน้าผา จากนั้นก็กล่าว “สูงจัง จะเอาลงมาได้ ไงเนี่ย”

ทุกคนของทหารมังกรล้วนจ้องไปที่รพีพงษ์ อยากดูว่าเขาจะ จัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

ชนสรณ์มองไปรอบๆ จากนั้นก็ยิ้มให้รพีพงษ์แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก นี่เป็นแค่พิธีการนะ แม้ตามกฎจะมีแค่หัวหน้าครู ฝึกเท่นั้นที่จับได้ แต่ถ้าหัวหน้าครูฝึกไม่สามารถเอาธงลงมาได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถช่วยได้

เขาคิดไว้ตั้งนานแล้ว ที่เอาธงรบปักไว้ที่หน้าผา หนึ่งคือให้ร พงษ์ยอมรับว่าขี้ขลาด เมื่อเขาแสดงท่าทีว่าตัวเองไม่สามารถเอา ธงรบลงมาได้ งั้นวันข้างหน้าจะให้เหล่าทัพทหารมังกรเคารพตน ก็ยากมากแล้ว

และเขายังสามารถฉวยโอกาสนี้เอาดีเอาเด่นได้ แม้หน้าผาที่มี ความสูงกว่าร้อยเมตรนั้นยากที่จะปืน แต่ถ้าใช้เครื่องมือเข้ามา ช่วย จะปีนขึ้นไปก็ไม่ยาก

ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือมวยไทย สำหรับการปีนหน้าผาชน สรณ์ที่มีประสบการณ์อยู่บ้าง เขายังเตรียมอุปกรณ์ในการปีน หน้าผาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ก็เพื่อใช้ในงานวันนี้

เขามั่นใจอย่างมาก ตัวเองใช้เวลาภายในสามสิบนาที ก็ สามารถเอาธงรบลงมาได้

เมื่อเหตุการณ์แบบนี้ เชื่อว่าเหล่าทหารมังกรจะต้องเอาตนไป เทียบกับรพีพงษ์ ถึงเวลานั้นทุกคนจะต้องคิดว่าตนต่างหาก เหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกในการเป็นหัวหน้าครูฝึก

“ไม่จําเป็น ผมขึ้นไปเอาเองก็ได้” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบต่อ ชนสรณ์

ชนสรณ์ชะงัก เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะพูดว่าจะขึ้นไปเอาด้วยตัว เอง เพราะหน้าผาความสูงเป็นร้อยเมตร ต่อให้เป็นยอดฝีมือ วงการบู๊ ก็ไม่ใช่จะขึ้นไปได้ง่ายๆ
ชนสรณ์ได้ยินมาว่าปรมาจารย์ในวงการมีวิชาที่ค่อนข้างน่า เกรงขาม บางทีพวกเขาเตรียมตัวนิดหน่อย แล้วปีนขึ้นหน้าผาสูง ร้อยเมตร แต่ชนสรณ์ได้ยินว่าปรมาจารย์นั้นล้วนเป็นคนที่ มีอายุ เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์วัยรุ่นที่อายุยี่สิบกว่าปีจะมีฝีมือแดน ปรมาจารย์

“หัวหน้าครูฝึก หน้าผาที่มีความสูงประมาณร้อยเมตร จะขึ้นไป ได้นั้นไม่ง่ายเลย และถ้าคุณคิดจะปีนขึ้นไป ทำได้เพียงขึ้นจาก ทางลาดชันด้านหลัง ตอนนี้ใกล้พลบค่ำแล้ว รอให้คุณปืนขึ้นไป ก็เกรงว่าจะมืดเสียก่อน” ชนสรณ์กล่าว

ทัตดามองรพีพงษ์อย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก เพื่อความปลอดภัย คุณอย่าฝืนจะดีกว่า ชนสรณ์เป็นยอดฝีมือ มวยไทย ให้เขาขึ้นไปเอาจะได้ประหยัดเวลา”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับพวกเขาทั้งสอง แล้วกล่าว “พวกคุณคิดมาก ไป จะเอาธงรบลงมา ไม่น่าจะถึงหนึ่งนาที

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปที่หน้าผา มาถึงข้างๆหน้าผา กวาง กระเป๋าของตัวเองลง

มุรามาสะยังคงอยู่ในมือของเขา เดี๋ยวตอนปีนขึ้นไปเอาธงรบ เขาจะต้องใช้มีดเล่มนี้

ทุกคนล้วนหันไปมองที่หน้าผานั้น ดวงตาของชนสรณ์ก็ปิดตา เขาก็อยากรู้ว่ารพีพงษ์จะเอาธงรบลงมาโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่ง นาทีได้ยังไงกัน

เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ชนสรณ์ คุณไปบอกไอ้โง่นั่นเถอะ ถึงเวลานั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นมา จะแย่นะ” ขณะนีรพีพงษ์เดินไปไกลแล้ว ทัตตาไม่กลัวร พงษ์ได้ยิน ดังนั้นจึงเรียกรพีพงษ์ว่าไอ้โง่

ชนสรณ์ส่ายหน้า แล้วกล่าว “ไม่จำเป็น ในเมื่อมันพูดแล้วว่า จะเอาลงมาเอง งั้นก็ดูว่ามันจะเอาลงมายังไง ถ้าเอาลงมาไม่ได้ ถึงตอนนั้นคนที่ขายหน้าก็เป็นมันเองนั่นแหละ

เห็นชนสรณ์พูดแบบนี้ ทัตตาก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วหันไปมองที่ รพีพงษ์

“ซี ไอ้คนน่าขยะแขยง ลงโทษฉันวิดพื้น เดี๋ยวขายหน้าก็ สมควรแล้ว” ทัตดาบ่นในใจ

เหล่าทหารมังกรที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา

“คิดไม่ถึงว่าครูฝึกคนใหม่ของเราก็ขี้โม้เหมือนกันนะ พูดว่า ตัวเองสามารถเอาธงรบลงมาได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ต่อให้ เป็นชนสรณ์ก็ไม่กล้าคุยโวขนาดนี้” เฮียเบิดพิมพ์

“ใครว่า หน้าผาสูงขนาดนี้ ต่อให้ปืนจากทางลาดชันนั้นขึ้นไป ก็เกรงว่าต้องใช้เวลาสามสิบนาทีกว่าๆ เขาคิดจะใช้ไม่ถึงหนึ่ง นาทีแล้วเอาลงมา ฝันบ้าๆ” เฮียพูดตาม

“บางทีเขาก็แค่อยากโม้ต่อหน้าพวกเราล่ะมั้ง เสียดายที่ฝีมือ ในการโอ้อวดยังไม่พอ หาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ”

“รอดูเรื่องตลกได้เลย ถ้าเขาไม่สามารถเอาธงรบลงมาได้ ภายในหนึ่งนาที อนาคตเขา ในสายตาของพวกเราเหล่าทหารมังกร จะต้องไร้ซึ่งศักดิ์ศรีแน่นอน”

แม้จะเดินไปไกลแล้ว แต่ขณะนี้พลังจิตของรพีพงษ์กำลังปล่อย ออกมาอยู่ เขากำลังสังเกตพฤติกรรมของทุกคนอยู่ ได้ยินทุกคน เหยียดหยามตัวเอง เขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

“อยากเยาะเย้ยฉันงั้นหรือ? วันนี้เกรงว่าพวกคุณจะไม่สมหวังแล้วล่ะ”

พึมพำกับตัวเอง รพีพงษ์ได้ถอดมุรามาสะออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ