พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่818 ไม่อาจทนดูคนแย่ๆอย่างแกได้



บทที่818 ไม่อาจทนดูคนแย่ๆอย่างแกได้

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมไอ้หมอนั่นถึงได้ขึ้นไปบนหลังคา ล่ะ?”เพ็ญรตีจ้องมองไปที่รพีพงษ์พวกเขาทั้งสองคนที่อยู่บน หลังคาแล้วพึมพำกับตัวเอง

ดรักก็มองไปที่คนทั้งสองที่อยู่บนหลังคาด้วยใบหน้าที่ เคร่งขรึม การเคลื่อนไหวเมื่อกี้นี้ของพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เป็น เรื่องเล็กน้อย ทะลุ โผล่มาบนหลังโดยตรง วิธีการแบบนี้ ต่อให้ เป็นเนยจิ้งขั้นกลางก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ

ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหลังคามีแนวโน้ม ที่จะเป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์

ในเวลานี้ลูกศิษย์หลายคนของสำนักเทพยาเซียนก็สังเกตเห็น

การเคลื่อนไหวที่นี่ และวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

“ดูสิ นั่นมันผู้อาวุโสใหญ่ เขาทำไมถึงได้ต่อสู้กับคนอื่น!”

“คนที่อยู่ตรงข้ามกับผู้อาวุโสใหญ่เป็นใคร ดูไม่เหมือนคน ของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ที่สำคัญยังอายุน้อยมากด้วย กลับกล้าเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่ มีความกล้าหาญมากเกิน ไปแล้ว?”

“ทำไมดูเหมือนผู้อาวุโสใหญ่จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบล่ะ? หรือฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่า?”
เมื่อเพ็ญรที่ได้ยินเสียงของคนรอบข้าง การแสดงออกบน ใบหน้าเปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นสยองขวัญ

“ผู้….ผู้อาวุโสใหญ่ คนที่อยู่ตรงข้ามกับไอ้หมอนั่นคือผู้อาวุโส ใหญ่ของสำนักเทพยาเซียน เขาบ้าไปแล้วเหรอ ต่อสู้กับผู้อาวุโส ใหญ่จริงๆ น้ำเสียงของเพ็ญรก็สั่นเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงเมื่อกี้นี้หล่อนยังเยาะเย้ยว่าให้รพีพงษ์ต่อให้มีความ กล้าหนึ่งร้อยเท่าก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่ แต่ในวินาที ต่อมาก็เห็นคนสองคนต่อสู้กันมาถึงบนหลังคา ความรู้สึกที่ถูก ตบหน้ารวดเร็วแบบนี้ ทำให้หล่อนอายจนจะแทรกแผ่นดินหนี แทบไม่ทัน

“เขาเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ต่อสู้กับผู้ อาวุโสของสำนักเทพยาเซียนขึ้นมา ที่สำคัญดูเหมือนว่า ผู้ อาวุโสท่านนั้นจะหวาดกลัวเขามาก” ดรัณขมวดคิ้วและกล่าว

“ไม่ ไม่แน่เขาอาจถูกผู้อาวุโสใหญ่โยนขึ้นไปถึงขนาดนี้แล้ว เพ็ญรตี ก็ยังคงไม่เชื่อว่าคนที่หล่อนว่าเห็นขัดหูขัดตาจะเป็นยอด ฝีมือที่สามารถต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่ได้

แต่ถึงกระนั้นตัวหล่อนเองก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นเป็น เรื่องปลอมเกินไป

บนหลังคา ดวงตาทั้งสองข้างของปัณณธรจ้องมองไปที่รพ พงษ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และพูดอย่างเย็นชา “ฉันกับแกไม่ได้เป็น ศัตรูคู่แค้นกัน ทำไมแกต้องวิ่งมาหาเรื่องฉันด้วย?

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป็นเพราะฉันไม่อาจทนดูคนแย่ๆอย่างแกทําร้ายเด็กที่ไร้เดียงสาเหล่านั้นได้! แม้แต่เรื่องแบบ นี้ฉันยังสามารถไม่ความสำคัญได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะกลายเป็น เดรัจฉานเหมือนกับแกไม่ใช่เหรอ?”

ในฐานะคนที่เพิ่งเป็นพ่อมือใหม่ได้ไม่นาน รพีพงษ์ก็เป็นคนรัก เด็กมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นเด็กๆ ที่ถูกปัณณธรขังไว้ในห้องลับ เขาก็ห้ามความโกรธในใจไว้ไม่อยู่

ถ้าวันนี้เขาเห็นเรื่องแบบนี้แล้วไม่ให้ความสำคัญ ถ้าหนูลินเจอ สถานการณ์แบบนี้ในอนาคต ก็คงจะไม่มีใครลงมือช่วยเหลือ

ความชั่วร้ายในโลกนี้ไม่มีที่สิ้นสุด รพีพงษ์ไม่สามารถทำถึง ระดับที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่อย่างน้อยก็จะไม่อาจปล่อยให้ความชั่วร้าย แพร่พันธุ์ขยายอยู่ตรงหน้าตัวเอง

ไม่วอนขอให้ช่วยรักษาโลกไว้ได้ หวังเพียงแต่ไม่รู้สึกละอาย ใจในการตรวจสอบตนเอง

นี่คือคุณธรรมในใจของรพีพงษ์

หลังจากที่ปัณณธรได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็แอบสบถอย่าง ลับๆ ในใจ เขาคาดไม่ถึง ผู้ชายที่อยู่อยู่ห่างไกลถึงเกียวโต กลับ จะวิ่งมายุ่งเรื่องของเขาถึงสำนักเทพยาเซียน แม้แต่เขาก็รู้สึก เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อ

ถ้าเขารู้ว่าเหตุผลที่เรื่องนี้เลยเถิดมาถึงขั้นนี้ เป็นเพราะชายใน เสื้อคลุมด่าคนนั้นเพื่อที่จะล้างแค้นให้กับชินาธิป ตอนนั้นคงจะ ไม่มีทางปล่อยให้ชายในเสื้อคลุมด่าคนนั้นไปพบกับคนของ ตระกูลอุเอสึงิ
เขากำลังว่ามีคนรู้เรื่องเกินไป ดังนั้นจึงหาที่ สันโดษ ไม่เพื่อนอย่างชายเสื้อคลุมใครจะไปว่าเขา ทำให้ตัวเองเดือดร้อนมากมาย

แกกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร นี่คือสำนักเทพยาเซียนของ เรา ไม่ที่แกจะมาอะไรตามอำเภอใจแล้วมาพูดจาใส่ ร้ายส่งเดชปัณณธรตะโกนใส่รพีพงษ์

ตอนที่ด้านล่างมีผู้คนมากมายจากสำนักเทพยาเซียนมุงแน่นอนไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่รพีพงษ์พูดได้

รพีพงษ์เบะปาก ต้องการจะจัดการกับปัณณธรต่อไป

ในขณะเสียงอันน่าเกรงขามดังมาจากระยะไกล ซึ่งทำให้ ผู้คนต้องให้ความสนใจไม่ได้

“ใครกล้ามาอะไรอำเภอใจที่สำนักเทพยาเซียนของ

ฉัน! ว่าสํานักเซียน

กลุ่มคนความครึกครื้นด้านของเสียง จากต่างอุทานออกมา

“คือเจ้าสำนักและยังอาวุโสใหญ่ท่านด้วย คาดไม่ ถึงว่ายอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหมดสำนักจะมา ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา

จู่ๆ สามารถทำให้ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์หลายคนใน สำนักออกโรงพร้อมกันได้ เด็กผู้ชายอยู่ตรงข้ามกับอาวุโส ใหญ่ก็พอใช้แต่ก็น่าเพียงแค่นั้น ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ร่วมมือกันมากมายขนาดนี้ แม้แต่เทพก็ยากที่จะต้านทานได้

เมื่อเพ็ญรที่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบข้าง บน ใบหน้า แสดงสีหน้ายินดีด้วยกับความโชคร้ายของคนอื่น พิมพ์ว่า: “ใครให้แกอวดดี บีบคั้นให้ยอดฝีมือสำนักเทพยา เซียนของคนอื่นเขาออกมาทั้งหมด เดี๋ยวแกก็จะได้รู้ซึ้งถึงความ ทรมาน”

ในพริบตาเดียว จิรภัทรพาผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งไปยังที่ตำแหน่ง ของรพีพงษ์ พวกเขาค่อยๆกระโดดขึ้นบนหลังคาทีละคน ล้อม รอบรพีพงษ์และปัณณธรทั้งสองคนไว้

จิรภัทรอยู่ข้างๆปัณณธร มองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะคาดไม่ถึงว่ายอดฝีมือระดับสูงที่เข้ามาที่ สำนักเทพยาเซียนคนนี้ กลับเป็นชายหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่า

“อยู่ในสำนักเทพยาเซียนของเจ้าสำนักจิรภัทร กล้าที่จะถาม ว่าคุณเป็นใคร ทําไมต้องมาหาเรื่องสำนักเทพยาเซียนของฉัน ด้วย?”จิรภัทรไม่ระเบิดปะทะกับรพีพงษ์ทันที อย่างน้อย เขาก็ ต้องรู้ตัวตนของคนที่มาให้แน่ชัด

รพีพงษ์มองไปที่จิรภัทรแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดจาไร้สาระ เอ่ยปาก

ว่า: “เกียวโต รพีพงษ์

เมื่อจิรภัทรได้ยินชื่อของรพีพงษ์ ดวงตาเบิกกว้าง ช่วงนี้เรื่อง ราวที่รพีพงษ์ท้าทายแวดวงศิลปะการต่อสู้ยังคงมีชื่อเสียงมาก แม้ว่าสํานักเทพยาเซียนจะอยู่ห่างไกล พวกเขาก็เคยได้ยินข่าว คราวมาบ้าง
เป็นความจริงที่ว่าสํานักเทพยาเซียนไม่ชอบตระกูลนักต่อสู้ โบราณเหล่านั้น แต่สำหรับคนคนนี้ที่ใช้ความแข็งแกร่งของตัว เอง ต่อสู้กับห้าตระกูลใหญ่ ในท้ายที่สุดนายใหญ่ของสอง ตระกูลถูกสังหารในการต่อสู้ ชายหนุ่มที่บีบคั้นให้ห้าตระกูล ใหญ่หมดหนทาง พวกเขาก็ยังค่อนข้างรู้สึกสนใจ

สาเหตุหลักประการหนึ่ง คือรพีพงษ์อายุยังมากเกินไป

สำนักเทพยาเซียนมีคนมีความสามารถมากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งยังมียาหลากหลายชนิดช่วยเหลือ เป็นเวลาหลายปีที่ผ่าน มา ไม่เคยมีปรมาจารย์ในวัยยี่สิบกว่ามาก่อน แต่รพีพงษ์ไม่ เพียงแต่บรรลุความแข็งแกร่งถึงแดนปรมาจารย์ แต่ยังสามารถ ต่อสู้กับศัตรูสี่คนด้วยตัวคนเดียวได้ เรียกได้ว่าน่ากลัว

จิรภัทรก็คิดอยากที่จะไปเชิญชวนรพีพงษ์ ทำให้คนที่มีความ สามารถมาเป็นผู้สมัครคัดเลือกของเจ้าสำนักสำนักเทพยาเซียน เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความสามารถของเขา เหมาะสมกับยาของสํานักเทพยาเซียน คงจะสามารถทำให้ความ แข็งแกร่งของเขาเหนือจินตนาการได้

อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้ไปเชิญชวนรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็มา ถึงที่ด้วยตัวเอง

หลังจากที่ลูกศิษย์ที่อยู่ด้านล่างของสำนักเทพยาเซียนได้ยิน ค่าประกาศตัวตนของรพีพงษ์ ต่างก็แตกตื่นกันทันที ชื่อนี้ ช่วงนี้ ถือได้ว่าเป็นประเด็นร้อนของสำนักเทพยาเซียน

ดรัณจ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่บนหลังคาอย่างเหลือเชื่อพูดกับเพ็ญรติว่า: “เขาก็คือรพีพงษ์ น้องสาว เธอติดตามข่าวคราว ของรพีพงษ์มาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมระหว่างการเดินมา โดยตลอดของพวกเรา เธอถึงจําไม่ได้

ไม่มีเสียงตอบรับ

ครัณรู้สึกแปลกเล็กน้อย หันหน้าไปมอง พบว่าเพ็ญรที่ไม่เมื่อ ไหร่ แข็งทื่อกลายเป็นหิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ