พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 105 กูธฤตญาณคนที่เก่งตัวพ่อซะขนาดนี้



บทที่ 105 กูธฤตญาณคนที่เก่งตัวพ่อซะขนาดนี้

บทที่ 105 กูธฤตญาณคนที่เก่งกาจซะขนาดนี้

ณ สนามชกมวยของพิชญุตม์

รพีพงษ์กับธฤตญาณยืนอยู่ด้านหน้าประตู

ธฤตญาณยังกังวลอยู่บ้างเลยหันไปมองรพีพงษ์อยู่แวบ หนึ่ง พร้อมทั้งอ้าปากพูด “ไม่เรียกพี่น้องเรามาที่นี่เหรอ ที่นี่ เป็นรังของพิชญุตม์เลยนะ เราสองคนเดินเข้าไปแล้ว เหมือนว่าเดินเข้าไปในรังของจิ้งจอกเลย”

รพีพงษ์ยิ้มให้ทันที แล้วพูดขึ้นมา “เมื่อเอาแกมาเทียบกับ ปีนั้น แกขี้ขลาดไปเยอะว่ะ ปีนั้นที่ทั้งถนนมีแต่การต่อสู้กัน เลือดสาดกระเด็น ดูเหมือนว่าไม่ใช่ท่าทางแบบนี้เลย”

ธฤตญาณได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย พร้อมทั้ง เอ่ยปากพูด “เพราะว่าผ่านเรื่องราวในปีนั้นมาไง ฉันถึงได้ เข้าใจว่าชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว ถ้าไม่ใช่อาศัยความ โชคดี ฉันก็คงตายอยู่ข้างถนนนั่นแล้วแหละ”

รพีพงษ์เข้าใจธฤตญาณเป็นอย่างดี เขาสร้างฐานะขึ้นมา ด้วยสองมือของตนเอง จนสามารถมีอำนาจที่เข้มแข็งได้ใน เมืองกรีนโคล ความกล้าบ้าบินไม่ได้ขาดหายไปเลยสักนิด

แต่ว่าธฤตญาณเคยถูกหักหลังมาก่อน เลยค่อนข้างระ

แวดระวังตัวเยอะมากขึ้น ความยากลำบากที่เคยผ่านความ

เป็นความตายมาแล้วทำให้เขาไม่มีวิธีไหนที่จะลบล้าง

ความหวาดกลัวนั้นไปได้
“ในปีนั้นแกต้องใช้โชคเข้าช่วย แต่วันนี้แกมากับฉัน ไม่ ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว มีฉันอยู่ด้วย แกไม่มีวันตายอยู่ แล้ว”

รพีพงษ์พูดไปก็ยิ้มไป จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในของ สนามต่อสู้ชกมวยของพิชญุตม์

ธฤตญาณใช้สายตาที่สับสนจ้องมองรพีพงษ์ เขาไม่

แน่ใจว่า คนคนเดียวตกลงว่ามีพละกำลังมากมายขนาด ไหนกัน ถึงได้กล้าพูดประโยคนี้ออกมา คนคนนี้ก็เหมือนวัยรุ่นที่ไม่มีพิษมีภัยกับใครเขา มันไม่

สามารถคาดเดาได้จริงๆ

เขาได้แต่ยิ้มให้พร้อมกับสายหน้าไป ไม่คิดอะไรต่ออีก เขาเชื่อมั่นในฝีมือของตนเองที่ผ่านมา ตอนนี้เขายิ่งเชื่อใจ ในตัวรพีพงษ์มากกว่าเดิม

คนสองคนเดินเข้าไปด้านในสนามมวย ชั้นหนึ่งเป็นยิม เอาไว้ออกกำลังกาย ชั้นสองเป็นที่รวมพลของบรรดานัก ชกทั้งหลาย

พิชญุตม์ทำสังเวียนมวยเพิ่มที่บริเวณชั้นสอง ทุกคืนก็จะ

จัดคนให้ขึ้นไปแข่งขันชกมวยบนสังเวียน

สังเวียนมวยของที่นี่เป็นสังเวียนมวยการต่อสู้ชกมวยที่ ไม่ได้มาตรฐาน สนามชกมวยที่พูดกัน ก็แค่สิ่งที่พิชญุตม์ ทำขึ้นมาบังหน้าเท่านั้นแหละ

เพราะว่าบนสังเวียนนั้นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่มี คำร้องขอ แค่ขึ้นไปบนสังเวียน มีแค่แพ้กับชนะเท่านั้นเองไม่ว่าจะใช้วิธีก็ตาม ขอแค่ชนะฝ่ายตรงข้าม ก็ถือว่าเป็น ฝ่ายชนะ

เพราะว่าไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว คนที่อยู่บนสังเวียนเลย ใช้วิธีการที่รุนแรงดุดันมาก หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันแล้ว การที่แขนหักขาหักนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ที่นี่ยังเคยมีคนตายบนสังเวียนมวยมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ ไม่มีใครมาสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ดี เพราะว่าคนที่มาที่นี่ต่างรู้ ดีว่า การที่จะเอาตัวเองขึ้นไปบนสังเวียนมวยนั้นเป็นสิทธิ์ที่ ตนเองเลือกเอง ตนเองไม่เก่งพอเหมือนคนอื่น ก็เสียชีวิตก็ แค่นี้ และไม่มีทางไปโทษคนอื่นได้

ด้วยเหตุการณ์ใช้กำลังความรุนแรงบนสังเวียนมวยของ พิชญุตม์ มันลงหมัดได้หนักกว่าบนหน้าจอโทรทัศน์เสียอีก เพราะฉะนั้นเลยทำให้คนวัยกลางคนที่มีพละกำลังมากมาย มาที่นี่เพื่อดูการแข่งขัน

พิชญุตม์อาศัยหาเงินจากบัตรค่าเข้าชมเหล่านี้ ทุกวันจะ มีคนเข้าชมทยอยกันมาไม่ขาดสาย พิชญุตม์ก็ได้เงินมาไม่ น้อยจากการอาศัยค่าบัตรนี้แหละ

หลังจากที่รพีพงษ์กับธฤตญาณเดินเข้าไปแล้ว ก็มุ่งหน้า เดินไปยังชั้นสองทันที ทางเข้าบริเวณชั้นสอง ก็มีผู้ชาย กล้ามโตเป็นมัดๆ ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นหลายคน พอเห็นว่ารพี พงษ์กับธฤตญาณเดินเข้าไป ก็ยื่นมือออกมาขวางเอาไว้ ก่อน

“อยากเข้าไปก็จ่ายมาคนละ500”
รพีพงษ์เดาะลิ้นอยู่เงียบๆ ในใจคิดว่าพืชญุตมนีหาเงิน เก่งมาก อยากจะเข้าไปด้านในสนามยังต้องจ่าย 500 ค่อน ข้างเขี้ยวลากดินไปนิด

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ลังเล แล้วยื่นเงินให้คนนั้นไปหนึ่งพัน

พอได้เงินมาแล้ว ผู้ชายกล้ามโตหลายคนนั้นก็ปล่อยตัว รพีพงษ์กับธฤตญาณให้เข้าไป

“ไปอยู่ข้างในก็ทำตัวดีๆ เข้าไว้ อย่าไปหาเรื่องใส่ตัว ทาง เราไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น” คนคนหนึ่งพูดออกมา

รพีพงษ์ยิ้มให้ และก็ได้คิดอยู่ในใจว่าถ้าตนเองหาเรื่อง ขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าพวกเขาก็ไม่สามารถรับมือกับความรับ ผิดชอบนี้ได้

บริเวณชั้นสองคนเยอะมาก พอมองไปรอบๆ ก็เห็นคน เต็มแน่น ต่างล้อมรอบสังเวียนมวยเอาไว้รอบทิศทาง

ในเวลานั้นเองบนสังเวียนมวยก็มีคนที่กำลังต่อสู้กันอย่าง เอาเป็นเอาตายอยู่บนนั้น คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ดูลักษณะ ท่าทางแล้วมีพละกำลังมากมาย แต่ฝ่ายตรงข้าม เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว คนที่เข้ามาต่อสู้กับเขาถึง แม้ว่าไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบทิศทางต่างสนุกสนานกันยกใหญ่ ตะโกนโห่ร้องไม่หยุด

รพีพงษ์ยังเห็นว่าด้านข้างสังเวียนมีเดิมพันอีกด้วย ดูท่า แล้วพิชญุตม์อาศัยเงินที่ได้มาจากการแข่งขันบนสังเวียน มวยได้มาเป็นกอบเป็นกำ
“ราชาวาโยคนสุดยอด! ฆ่ามันซะ!”

“ดึงแขนมันให้หัก! ให้มันได้เห็นความบ้าคลั่งของราชา วาโย”

“ไอ้สัตว์ ถือว่าราชาวาโยยังคงออกหมัดได้สบาย หมัดนี้ คงต่อยกระแทกเนื้อได้”

รพีพงษ์เดาได้ว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คงจะเป็นคนพวก นั้นเรียกกันติดปากว่าราชาวาโย

ถ้าต้องลงมือจริง รพีพงษ์แค่ต่อยหมัดเดียวก็สามารถทำ เขาให้ล้มกองกับพื้นได้

“เราจะทำยังไงดี? วันนี้พิชญุตม์วางแผนจะไปลงมือกับ พวกเรา ตอนนี้มันคงไม่ได้มาสนใจกับที่นี่หรอก ถ้าให้ฉัน เดาไม่ผิดนะ มันกำลังรวบรวมคน ไม่น่าจะมาที่นี่” ธฤต ญาณพูดออกมา

รพีพงษ์คิดอยู่ชั่วครู่ นี่เป็นปัญหาจริง ถ้าพิชญุตม์ไม่ได้ มาที่นี่ เขากับธฤตญาณมาที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย

เวลานั้นราชาวาโยที่อยู่บนสังเวียนคว้าแขนข้างหนึ่งของ คู่ต่อสู้เอาไว้ได้ จากนั้นก็ได้แรง จัดการแขนของเขาจนหัก

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น มือทั้งสองของราชา วาโยก็ยกคนคนนั้นขึ้นมาด้วย จากนั้นก็ขว้างไปยังด้าน ข้างของเวที

ผู้คนที่อยู่โดยรอบสังเวียนมวยต่างตะโกนโห่ร้องกันขึ้นส่วนใหญ่เป็นเสียงเรียกชื่อราชาวาโย

ราชาวาโยกตะโกนส่งเสียงคำรามออกไปครั้งหนึ่ง ดวงตาดุดัน ทอประกายความโหดร้ายของเขา

รพีพงษ์ยิ้มให้ธฤตญาณ จากนั้นก็อ้าปากพูดว่า “แม้ว่า เราหาพิชญุตม์ไม่เจอ งั้นก็ให้มันมาหาพวกเราสิ”

ธฤตญาณตกใจ พร้อมทั้งอ้าปากถาม “จะให้มันมาหา พวกเรายังไง?”

รพีพงษ์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่หันหลังไป จากนั้นก็ กระโดดตัวลอย แล้วก็อยู่บนสังเวียนมวยทันที

ธฤตญาณเห็นภาพนั้น เข้าใจทันที ว่ารพีพงษ์คงกำลังไป สร้างเรื่องอยู่ เพื่อให้พิชญุตม์ยอมโผล่หน้าออกมา

แต่ว่า ถึงแม้ว่ารพีพงษ์จะชนะราชาวาโยก็ตาม แต่ก็ไม่ สามารถให้ลูกหน้าฝีมือดีคนนั้นมาที่นี่แน่ การที่รพีพงษ์ทำ แบบนี้เหมือนขาดความคิดให้รอบคอบ

ทุกคนที่เห็นรพีพงษ์ขึ้นไปบนสังเวียนมวยนั้น ต่างเงียบ สนิท เพราะไม่รู้ว่าคนครนนี้อยากทำอะไรกันแน่

ส่วนราชาวาโยเองก็มองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง แววตาทอ ประกายการดูถูกออกมา พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงแข็ง “ไอ้ น้อง มิ้งมาทำอะไร?”

“ขึ้นมาบนสังเวียน ก็ต้องมาต่อยกับถึงไง” รพีพงษ์พูด

เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมานั้น ราชาวาโยหัวเราะ เสียงดังลั่น พร้อมทั้งอ้าปากพูด “ไอ้เหี้ยนี่มึงกำลังล้อกูเล่นอยู่ใช่ไหม? ตัวแห้งยังกับไม้เสียบผี ยังอยากจะมาสู้กับกูเห รอ?”

คนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนต่างหัวเราะกัน หัวเราะที่รพีพงษ์ ไม่มีแรงจะยืนด้วยซ้ำ

“ไอ้คนนี้น่าจะน้ำไหลเข้าสมองไปแล้วมั้ง ราชาวาโยเป็น

ถึงเทพผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ของที่นี่ คนที่สามารถจะต่อยเขาได้

มีไม่กี่คน”

“เขาก็ไม่มองสารรูปตัวเองเอาซะเลย ขาเล็กแขนเล็ก ของเขานั่น เกรงว่าแค่ราชาวาโยออกแรงมือเดียวก็คง ทำให้เขาตายไปแล้ว”

“ปีนี้มีคนกล้ามาสู้กับราชาวาโย ดูท่าแล้วคงเบื่อที่จะให้ ตัวเองมีชีวิตที่ยาวนานแหละ”

“หรือว่าถึงกลัว?” รพีพงษ์พูดไปยิ้มไป

ราชาวาโยได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ถึงกลับต้องหัวเราะ ออกมา เลยเอ่ยปากพูด “แม่ง ถือว่ามึงเป็นคนขี้คุยที่สุดเท่า ที่กูเคยเจอมา ถือว่าไม่มีใครกล้ามาก่อนเลย”

คนที่อยู่ด้านล่างต่างหัวเราะเยาะเย้ยไปตามๆ กัน เพราะ รู้สึกว่าสิ่งที่รพีพงษ์กำลังพูดอยู่นั้น เหมือนว่ากำลังขี้โม้อยู่

“อยากจะสู้กับกู งั้นมึงก็บอกชื่อมึงมาเถอะ อีกเดี่ยวถูกก็

ต่อยจนตาย ก็จะได้รู้ว่ามึงเป็นลูกใคร” ราชาวาโยอ้าปาก

พูด
“ธฤตญาณ!” รพีพงษ์ตอบ

น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่หนักแน่น คน ที่อยู่ในสนามนั้นต่างได้ยินในสิ่งที่เขาพูดออกมา

คนครึ่งสนามแข่งมวยต่างเงียบฉี่

เพราะว่าธฤตญาณค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในระยะนี้ คน ที่เข้ามาดูการแข่งขันที่นี่ ก็เข้าใจถึงอำนาจที่อยู่ในมือใน เมืองริเวอร์อยู่บ้าง และรู้ว่าระยะนี้ชื่อธฤตญาณเป็นคนที่มี อำนาจและชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดคนหนึ่ง

ตัวจริงของธฤตญาณที่ยืนอยู่ด้านล่างตกตะลึงจน ตาค้างพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดเลยว่ารพีพงษ์จะปลอมเป็น เขา เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงเอาจริงของรพีพงษ์แล้ว ธฤต ญาณไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี

แต่ว่าเขาก็เข้าใจรพีพงษ์ดีที่ต้องการหาวิธีให้พิชญุตม์มา

หา คนที่อยู่ในสนามแข่งมีลูกน้องของพิชญุตม์อยู่ไม่น้อย

ถ้าพวกเขารู้ว่าธฤตญาณได้มาที่นี่ ต้องไปบอกกับพิชญุตม์ แน่ เพราะว่าเป้าหมายของพิชญุตม์ในคืนนี้ก็คือธฤตญาณ พอรู้ว่าธฤตญาณมาถึงที่ ก็คงไม่ไปที่สถานบันเทิงสตาร์

กายแล้ว

ราชาวาโยใช้สายตาประเมินรพีพงษ์อยู่ จากนั้นก็หัวเราะ ให้ทันที เลยอ้าปากพูดออกมาว่า “ที่แท้ถึงก็คือธฤตญาณ ไม่คิดว่าธฤตญาณจะอ่อนปวกเปียกผอมแห้งแรงน้อยเป็น ไม้เสียบผี วันนี้จึงมารนหาที่ตายเอง งั้นก็จะจัดการมึงแทนพี่พิชญุตม์ของกูเอง ต่อไปกูราชาวาโย ก็กลายเป็นผู้ทรง อิทธิพลที่สุดในเมืองริเวอร์แล้ว!”

ในเวลานั้นเองลูกน้องของพิชญุตม์ก็หันมาทางด้านนี้เพื่อ ประเมินสถานการณ์ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้ว จัดการโทรศัพท์หาพิชญุตม์ทันที

รพีพงษ์จ้องมองและยิ้มให้ราชาวาโย จากนั้นก็พูดออก มา “ความคิดถึงก็ไม่เลวทีเดียว แต่ช่างน่าเสียดายที่ กู ธฤต ญาณเก่งตัวพ่อขนาดนี้ ถึงจะมาสู้กับกูได้ยังไง”

ธฤตญาณถึงกับต้องเอามือปิดหน้าของตนเอง เพราะว่า

รพีพงษ์แอบอ้างชื่อเขา แถมยังอ้างได้จนเขาเขินอายซะ

ขนาดนี้ ถ้าข่าวแพร่สะพัดออกไป กลัวว่าคงมีคนไม่น้อย

หัวเราะเขาเป็นแน่

สีหน้าของทุกคนจ้องมารพีพงษ์ที่อยู่บนสังเวียนอย่าง สงสัยใคร่รู้ พวกเขาเคยได้ยินเรื่องของธฤตญาณมาไม่ มากไม่น้อย ต่างรู้ดีว่าธฤตญาณเป็นคนสุขุมที่บ้าดีเดือด แต่ว่าตอนนี้ทำไมรู้สึกว่าเหมือนกำลังเสแสร้งว่าเก่งอยู่ล่ะ?

“ไอ้สัตว์ ถึงตอแหลเก่งจริงๆ มึงเก่งหรือไม่เก่ง สู้กันสักตั้ง เดี๋ยวก็รู้เอง! ดูจากสภาพร่างกายถึงแล้ว แค่กออกหมัดไม่ ถึงสิบหมัดถึงก็เสร็จแล้ว!” ราชาวาโยพูดอย่างเย็นชา

รพีพงษ์หัวเราะทันที พร้อมทั้งเอ่ยปากพูด “กูธฤตญาณ คนที่เก่งตัวพ่อ ไม่ใช่คนที่มึงจะมาจินตนาการเอาได้ แค่สู้ กับคนอย่างมึง กูให้หมัดเดียวมึงก็จอดแล้ว”

ธฤตญาณที่อยู่ด้านล่างสังเวียนถึงกับต้องปิดหน้าปิดหน้าทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาอยากจะไปจากที่นี่เดียวนี้ เลย

ราชาวาโยเห็นรพีพงษ์พูดเพ้อเจ้อแบบนี้ ได้แต่หัวเราอยู่ ในลำคอ แล้วก็ไม่อยากพูดให้เสียน้ำลายกับเขาอีกแล้ว เลยพุ่งหน้ามาหาเขาทันที

เขากำหมัดของตนเอง จากนั้นก็เล็งไปต่อยยังบริเวณหัว ของรพีพงษ์

“ไอ้สัตว์ กูจะดูว่ามึงจะสู้กับกูยังไง ธฤตญาณที่คนเขา กล่าวถึง น่ากลัวว่าจะเป็นไอ้โง่ที่ขี้อวดล่ะมั้ง!”

รพีพงษ์แสยะยิ้มบริเวณมุมปาก ตอนที่กำปั้นของราชา วาโยใกล้จะมาถึงร่างกายของเขานั้น ร่างกายก็พลิกตัว ทันที จากนั้น กลับเตะไปทางบริเวณช่วงท้องของราชา วาโยแทน

การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก ราชาวาโยไม่ สามารถเทียบเคียงได้เลย เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของรพี พงษ์แล้ว ราชาวาโยถึงกับตกใจทันที

วินาที่ต่อมาเท้าของรพีพงษ์ก็ประทับรอยเท้าบริเวณท้อง ของราชาวาโย ส่วนร่างกายของราชาวาโยก็ลอยละล่อง ออกไป จนชนกับหัวเสาบนสังเวียน เสาบนสังเวียนนั่นหัก ทันที

คนที่อยู่ในสนามแข่งขันต่างเงียบสนิท


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ