พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 402 ความมืด



บทที่ 402 ความมืด

“นายว่าอะไรนะ!” หลังจากที่ได้ยินสองคนนั้นพูด คนที่มีสติ ก่อนเพื่อนคือมรรษกร เขาเบิกตาโพลงแล้วจ้องไปที่ร่างของ หมาป่าบนพื้น เขามีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

“เขาตายแล้ว หมดลมหายใจแล้ว หัวใจก็หยุดเต้นด้วย ถึงจะส่งไปโรงพยาบาลก็ช่วยไม่ทันแล้ว!” คนคนนั้นตะโกน ออกมาอย่างเสียงดัง จากนั้นก็มองไปบนเวทีด้วยแววตา หวาดกลัว เขาถอยหลัง โดยไม่รู้ตัว

สนามมวยใต้ดินที่เงียบลงเพราะพีพงษ์กับหมาป่าจนลง ไปนอนกองกับพื้นกลับมีเสียงโหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง มีคน ส่วนหนึ่งตกใจจนวิ่งออกไปจากสนามมวยเพราะมีคนตาย ส่วนคนอีกจํานวนหนึ่งกลับมีสีหน้าตื่นเต้น เพราะพวกเขา ชอบดูคนตายบนเวที มันทำให้พวกเขารู้สึกเร้าใจ

เวลานี้ในสนามมวยใต้ดินเต็มไปด้วยเสียงอึกทึก เหมือน น้ำที่กำลังเดือดอย่างไรอย่างนั้น มันวุ่นวายไปหมด

มีคนจำนวนไม่น้อยวิ่งไปที่เวทีมวย แล้วมองรพีพงษ์อย่าง เลื่อมใส ผู้หญิงพากันตะโกนว่าอยากมีลูกกับรพีพงษ์

หมาป่าเป็นนักชกระดับเทพของสนามมวยแห่งนี้ เขาเป็น หนึ่งเดียวในใต้หล้า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครเคยชนะเขาได้ เลย เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นที่นิยมมาก

ทุกคนต่างพากันคิดว่าหมาป่าเป็นนักชกที่เก่งมาก ที่มรรษ กรมาหาหมาป่าก็เพราะพีพงษ์

ตอนนี้เขาเห็นกับตาตัวเองว่ารพีพงษ์กับนักชกระดับเทพ เพียงที่เดียวจนถึงกับตาย ภาพเมื่อครู่ทำให้พวกเขาตกใจ เป็นอย่างมาก แถมยังทำให้เขารู้ว่าคนที่มีฝีมือจริงๆ เป็น แบบไหน

มรรษกรยืนอึ้งอยู่กับที่อยู่นาน กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ เขา พูดออกมาเสียงดัง “มันทำคนตาย พวกแกรีบจับมันไว้เร็ว!

ทุกคนต่างพากันมองมรรษกรเหมือนมองคนเสียสติ อย่างไรอย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกฎ จะเกิดจะตายแล้วแต่ ฟ้าลิขิต แต่เมื่อกีรพีพงษ์ถีบหมาป่าตายภายในครั้งเดียว ตอนนี้ใครจะกล้าขึ้นไปจับเขากันล่ะ

เมื่อมรรษกรเห็นว่าไม่มีใครกล้าขึ้นไปจับตัวรพีพงษ์ เขา จึงมองไปยังนักมวยที่นั่งดื่มกับตัวเองเมื่อครู่ “พวกแกรีบขึ้น ไปจับมันสิ หมาป่าไม่ใช่เพื่อนของพวกแกเหรอ อย่าบอกนะ ว่าพวกแกจะนั่งเฉยๆ โดยไม่สนใจอะไรเลย”

นักมวยพวกนั้นมองมรรษกร หนึ่งในนั้นแสยะยิ้มดูถูกออก มา แล้วพูดว่า “แกพูดง่ายสิ ถ้าแกอยากจับมันก็ขึ้นไปเอง แกไม่กลัวแต่พวกเรากลัวโว้ย!” มรรษกรพูดอะไรไม่ออกเพราะคำพูดของคนพวกนั้น ถ้า เขากล้าก็คงไม่ขอร้องคนอื่นหรอก

หลังจากที่จัดการกับหมาป่าเรียบร้อย รพีพงษ์จึงเดินลงมา จากเวที คนที่อยู่ข้างล่างต่างพากันเดินเข้ามาหาเข้า เพราะ อยากดูเท่าที่สามารถถีบคนให้ตายได้ภายในครั้งเดียวว่า เป็นอย่างไร

แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก เพราะพวกเขา กลัวว่ารพีพงษ์จะถีบพวกเขาเหมือนกัน พวกเขาสู้ไม่ไหว หรอก

รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าของมรรษกรแล้วพูดว่า “นายยัง อยากแก้แค้นฉันอีกไหม

มรรษกรเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามาตรงหน้าตัวเอง ตัวของเขา สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่เพราะไม่อยากให้รพีพงษ์ เห็นว่าเขากลัว เขาจึงรวบรวมความกล้าแล้วกลอกตาไปมา เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองไม่ได้กลัวอีกฝ่าย

แต่ท่าทางของเขาเป็นสิ่งตลกในสายตาของผู้คนโดยรอบ ดูก็รู้ว่าว่าเขาทำเป็นไม่กลัว

“กะ แกทําคนตาย แกคิดว่าตัวเองจะมีจุดจบที่ดีเหรอ?”

มรรษกรรวบรวมความกล้าพูดออกมา “เมื่อกี้ฉันถามเขาแล้วว่าสามารถทำให้คนตายบนเวทีได้ ไหม” รพีพงษ์พูดขึ้น

มรรษกรรู้ว่าที่เขาพูดไปมันไม่มีประโยชน์อะไร จู่ๆ เขาก็ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“ถ้านายยังอยากแก้แค้นฉัน ตอนนี้ฉันสามารถไปสู้กับ นายบนเวทีได้ หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องมาสร้างความวุ่นวาย อีก” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ มรรษกรตกใจจนแทบทรุดลง ไปกับพื้น ถ้าตอบตกลงขึ้นไปสู้กับรพีพงษ์บนเวที เขากลัวว่า จุดจบของตัวเองจะเหมือนกับหมาป่า ไม่แน่อาจจะน่าสังเวช กว่าหมาป่าด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาไม่ใช้นักชกของที่นี่ เขาเป็น แค่หมอที่เกียจคร้าน

หลังจากที่คนรอบๆ ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ต่างก็พากันส่ง เสียงเชียร์ขึ้นมาทันที พวกเขาชอบดูคนขึ้นไปต่อสู้กับรพีพงษ์

บนเวที

“อีกยก เมื่อกี้ยังดูไม่เต็มอิ่มเลย ครั้งนี้จัดหลายๆ ท่าเลย

รับคำท้าเขาสิ พวกเราอยากดู สุดยอดมาก ขออีกยก!

“ขึ้นเวที! ขึ้นเวที! ขึ้นเวที!

เมื่อมรรษกรได้ยินคน โดยรอบส่งเสียงเ เขารู้สึกกลัว ขึ้นมาในใจ เขาสั่นจนฟันกระทบกันดังกึกๆ

ขณะนั้นเองก็มีคนผลักมรรษกรเข้าไปหารพิพงษ์ มรรษกร ตกใจจนเกือบจะร้องออกมา จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงต่อหน้า ของรพีพงษ์ น้ำตาของเขาแทบจะไหลออกมา

“ฉันไม่แก้แค้นแล้ว ฉันไม่แก้แค้นแล้ว นายไว้ชีวิตฉันเถอะ จากนี้ฉันจะไม่ไปหาเรื่องนายอีกแล้ว นายอย่าถีบฉันเลยนะ ” เมื่อทุกคนเห็นมรรษกรกลัวจนมีสภาพแบบนั้น ต่างพากัน

หัวเราะออกมา

“กลัวจนหัวหด เมื่อกี้นายยังอวดเก่งกับเขาอยู่เลย ทำไม ตอนนี้ถึงกลัวจนสภาพเป็นอย่างนี้ล่ะ

“สวะ ไม่มีความกล้ายังจะไปแก้แค้นเขาอีก เขาขึ้นเวที อย่างสง่างาม ส่วนแกกลับกลัวจนเยี่ยวราด

“ถ้าเป็นผู้ชายก็ขึ้นเวทีไปซะ มายืนเป็นตุ๊ดอะไรอยู่ตรงนี้

ตอนนี้มรรษกรไม่ได้สนใจความคิดของคนอื่นอีกแล้ว เมื่อ มาเทียบดูแล้วชีวิตของเขาสำคัญกว่าเยอะ

รพีพงษ์เห็นว่ามรรษกรมาคุกเข่าต่อหน้าของตัวเอง เขาก้ม หน้ามองมรรษกร จากนั้นก็หมุนตัวเดินลงไปข้างล่าง และไม่ ได้เดินไปตรงจุดที่รับผิดชอบของสนามมวยแห่งนี้ ตอนที่ลงมาจากเวที มีคนใช้ช่วงชุลมุนขัดกระดาษใส่มือ เขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคนของเทือกเขาสนา

จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าการรักษาความลับของเทือกเขาสนา ค่อนข้างเข้มงวด อันที่จริงสำหรับรพีพงษ์มันไม่ใช่เรื่องที่ จําเป็นอะไร อีกอย่างถึงแม้ว่าพวกเขาจะปกปิดไว้ดีแค่ไหน แต่ก็ยังมีคนรู้อยู่

แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นเพราะคนในเทือกเขาสนาไม่ อยากให้เป็นที่สนใจของคนในสังคม เพราะสถานที่แบบนี้ไม่ เหมาะที่จะให้ผู้คนได้รับรู้

หลังจากที่รพีพงษ์ออกไป มรรษกรรีบลุกขึ้นแล้วตบ หน้าอกตัวเอง ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ทุกคนต่างพากันมองเขาด้วยสายตาเย็นชา หลังจากนั้นก็ มีคนถุยน้ำลายใส่เขา แล้วก่นด่าออกมาว่า “ไอ้ขี้ขลาด

คนที่เหลือก็ทําตามเช่นกัน ผ่านไปไม่นาน มรรษกรเกือบ จะจมไปกับกองน้ำลาย

หลังจากที่ลงมาจากเวที รพีพงษ์ไม่ได้รีบเดินออกไป ชาย หนุ่มเดินไปดื่มเหล้าที่บาร์

เขาเปิดกระดาษในมือออก เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ วันที่ 15 เดือนหน้า ในซอยหลังผับ ถ้าพลาดจะไม่มี

โอกาสอีกตลอดชีวิต” “รู้สึกเหมือนเป็นผู้ที่ถูกเลือก ถ้าเขาไม่ไปครั้งนี้ หลังจากนี้ เขาจะไม่มีโอกาสอีก แต่น่าเสียดายที่นั่นเป็นที่ที่ไม่เหมาะสม พนักงานของเทือกเขาสนากลัวว่าถูกเลือกแล้วจะเสียใจที่ ไปที่นั่นงั้นเหรอ” รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

รพีพงษ์เก็บกระดาษเอาไว้ เขาดื่มเหล้าที่อยู่ตรงหน้าไป หนึ่งอีก ในตาของเขาลุ่มลึก

ช่วงค่า ตอนทีรพีพงษ์กลับถึงห้อง เขาคุยกับบุณณดาว่าจะ ไปจากที่นี่พรุ่งนี้

พีรดาได้ยินเรื่องที่รพีพงษ์จะไปจากที่นี่จากบุณณดา เธอ กระวนกระวายใจ แล้วสวมชุดสุดเซ็กซี่ไปเคาะประตูห้องของ รพีพงษ์ ครั้งนี้รพีพงษ์ถามออกมาจากข้างใน เมื่อได้ยินว่า เป็นพีรดา เขาจึงไม่ได้เดินมาเปิดประตู

เมืองริเวอร์ในชุมชนคำแหง อารียานอนเอนอยู่บนเตียง เธอเอาแต่จ้องเพดานไม่ขยับไปไหน

เสียงของคนที่พูดเรื่องเธอยังวนเวียนอยู่ข้างหู ภายนอก เธอดูนิ่ง แต่ในใจกลับวุ่นวายไปหมด

ผ่านไปสักพัก เธอหันไปมองมือถือที่วางอยู่ข้างๆ แล้วโทร หารพีพงษ์

รพีพงษ์รับสายแล้วพูดว่า “คุณภรรยาประจำเดือนหมด แล้วหรือยัง กับข้าวที่พี่สาทำให้ทานคงจะถูกปากคุณนะ” อารียาองไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบออกมา ไอ้หมอนี่คิด ว่าที่เธอโทรไปโมโหใส่ครั้งที่แล้ว เพราะมีประจำเดือน

“นายสีมีประจำเดือน ไอ้อ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับนาย จริงๆ!” อารียาพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “คุณภรรยา เป็นอะไร” รพีพงษ์ถามด้วยความใส่ใจ

อารียาสูดหายใจลึกเพื่อที่จะสงบสติของตัวเอง จากนั้น เธอจึงถามขึ้นว่า “รพีพงษ์ นายว่าที่ฉันอยู่กับนาย เป็นเรื่องที่ เหมาะสมไหม

“เหมาะสมสิ เราอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องที่เหมาะสม ขอแค่ได้ อยู่กับคุณผมถึงจะมีความสุข ผมทำทุกอย่างในเมืองริเวอร์ เพราะคุณ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

แววตาของอารียาวูบไหว จู่ๆ เธอก็ไม่รู้จะตอบรพีพงษ์ อย่างไร

“คุณภรรยา ทำไมคุณถึงถามผมแบบนี้ล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดถึงนาย” อารียาเอ่ยขึ้น

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินว่าอารียาคิดถึงเขา ชายหนุ่มดีใจจนลืม สังเกตความผิดปกติของอารียา

ทั้งสองพูดคุยกันสองสามประโยค อารียาจึงวางสายลง เธอมองไปที่เตียง โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ วันต่อมา รพีพงษ์กะว่าจะกลับไปตอนเช้า แต่เมื่ออธิชนม์ ว่ารพีพงษ์จะกลับ เป็นตายร้ายดียังไงเขาก็จะต้องทานข้าว กับรพีพงษ์ กมื้อ

รพีพงษ์เห็นว่าอธิชนม์เป็นกันเองขนาดนี้ เขาจึงตอบ ตกลงและถือโอกาสเรียกภารจามาทานข้าวด้วยกันด้วย

อธิชนม์ดื่มกับรพีพงษ์เล็กน้อย ทานจนกระทั่งถึงช่วงบ่าย รพีพงศ์ไม่สามารถขับรถกลับไปได้ อธิชนม์จึงให้คนขับรถ โฟล์คสวาเก้นที่ทั้งเก่าและของรพีพงษ์พาเขากลับไป

ระหว่างทางคนที่อธิชนม์ให้มาขับรถเอาแต่มองรพีพงษ์ ผ่านกระจกหลังไม่หยุด เขาคิดไม่ออกว่าทําไมคนที่เก่งขนาด นี้ ถึงได้ขับรถเก่าๆ แบบนี้

อาจจะเป็นเพราะคนที่เก่ง คงไม่ได้มาสนใจวัตถุนอกกาย คนคนนั้นคิดในใจ

พลบค่ำศศินัดดาพาอารียามาที่โรงแรมบลูสกายอินเต อร์เนชันเนล

“วันนี้ลูกควรจะแต่งตัว แต่งหน้าให้สวยๆ สิ ทำไมลูกถึง มาแบบหน้าสดแบบนี้ ถึงจะสวยแต่นี่มันเหมือนไม่ให้เกียรติ เขานะ” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

วันนี้หนูมาหาหมอนะแม่ไม่ได้มานัดเดท แม่จะให้หนู แต่งตัวไปทำไม แม่อย่าบอกนะว่า ให้หนูมานัดเดท?” อารี ยามองศศินัดดาด้วยความสงสัย

จู่ๆ ศศินัดดารู้สึกประหม่า เธอรีบพูดอธิบาย “แม่แค่อยาก ให้ลูกมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าเขา ไม่ว่ายังไงเขาก็เรียนจบ เมืองนอก ไม่เหมือนหมอทั่วๆ ไปหรอก”

“ไม่ได้เกี่ยวกับการที่หนูมาหาหมอสักหน่อย แม่อย่าสร้าง ความวุ่นวายนะ” อารียาเอ่ยขึ้น

ทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน อารียาคิดถึงท่าทีของศศินัดดา

เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติ “แม่ให้หนูมาหาหมอ แล้วทำไมต้องมาที่แบบนี้ หนูว่าแม่

หลอกหนูมานัดเดทแล้วล่ะ” อารียาเอ่ยขึ้น

“ก็ที่นี่มันสะดวกนิ อีกอย่างฉันจะให้แกมานัดเดทท่าไม ในโลกนี้มีคนแบบรพีพงษ์ไม่กี่คน ทำไมฉันต้องให้แกไป แต่งงานกับคนอื่นล่ะ” ศศินัดดารีบพูดอธิบาย

เมื่อได้ยินที่ศศินัดดาพูด สีหน้าของอารียาหม่นลงเล็กน้อย เธอไม่พูดอะไรอีก

ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงแรม เมื่อเข้ามาได้ไม่นาน ผู้หญิง สวมชุดกระโปรงสีดำสมัยเก่า มีผ้าบางปิดบังส่วนล่างของ ใบหน้า ผู้หญิงที่ค่อนข้างโดดเด่นปรากฏตัวที่นี่ เหมือนจะ เห็นรางๆ ว่ามุมปากของเธอยิ้มอย่างมีเลศนัย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ