พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 412 ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้



บทที่ 412 ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้

ชานเมืองบาสแตร์

รพีพงษ์เดินไปตามถนนที่ครั้งก่อนเคยมา และสุดถนนก็ คือบาร์นั้นที่ครั้งก่อนเขาเคยมา

วันนี้เป็นวันที่สิบ บนกระดาษใบนั้นเขียนวันที่ที่จะมาถึง ด้านข้างไม่ได้มีเวลาที่ระบุ ถ้าเดาไม่ผิด คนของเทือกเขา สนาน่าจะรออยู่ที่นี่ทั้งวัน

หากพลาดวันนี้ไป แม้ว่ารพีพงษ์จะรู้ว่าคนของเทือกเขา สนาอยู่บาร์โหน พวกเขาก็จะไม่ให้โอกาสเขาอีกต่อไป ดัง นั้นเขาจึงต้องคว้าโอกาสนี้ไว้

ไม่นาน รพีพงษ์ก็เดินเข้าไปในซอยที่มีบาร์ บนกระดาษ โน้ตเขียนอยู่ที่ซอยด้านหลังบาร์ ดังนั้นเขาจึงเดินไปตาม ซอยนี้จนถึงสุดถนน เลี้ยวครั้งหนึ่ง ก็ถึงซอยด้านหลัง

ห่างออกไปไม่ไกล รพีพงษ์ก็เห็นรถตู้จอดอยู่ตรงนั้น และมี ชายคนหนึ่งสูบบุหรี่ยืนอยู่หน้ารถ ซึ่งเป็นคนดูแลเวทีมวย

ใต้ดินของบาร์

หลังจากทรพีพงษ์เดินไป คนที่รับผิดชอบคนนั้นก็จ้องมาที่ เขา ไม่พูดอะไร แต่ส่งสัญญาณให้เขาไปขึ้นรถ รพีพงษ์พยักหน้า เดินไปที่ด้านข้างของรถตู้ และทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นข้างในมีคนคนนั่งอยู่

เขามองสี่คนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า พบว่าคนเหล่านั้นมี ใบหน้าที่โหด แววตาที่สุขุม ดูจากหน้าตาแล้ว คนเหล่านี้ นำพาบรรยายที่เลวร้าย ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่เกิดจากการฆ่า คนบ่อยๆ

จากสิ่งเหล่านี้เพียงอย่างเดียว รพีพงษ์ก็สามารถตัดสินได้ ว่าคนเหล่านี้ น่าจะเป็นพวกเดนตาย หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ รพีพงษ์รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เหมือนว่าจะเคยเห็นออกหมาย จับตามข่าวมาก่อน

แน่นอน คนที่ต้องการไปเทือกเขาสนา ก็เป็นคนที่ไม่ สามารถอยู่ต่อในสังคมได้และเป็นคนที่ไม่มีลู่ทาง กล่าวได้ ว่ามีน้อยคนที่จะไปตามหาคนที่เทือกเขาสนาเหมือนกับร พงษ์

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังมองสี่คนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งสี่ คนก็มองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน เหมือนว่าพวกเขา จะประหลาดใจเล็กน้อยเพราะพีพงษ์ไม่เข้าเหมือนกับพวก เขาเลย

อย่างไรก็ตามไม่มีใครพูด ทุกคนรู้ดีว่า จุดประสงค์ของ พวกเขาคือการเข้าไปเทือกเขากิสนา หากในเวลานี้เกิด ปัญหาที่ไม่จำเป็น และทำให้คนที่รับผิดชอบเทือกเขาสนา โกรธ ก็จะคุ้มค่ากับการสูญเสียรพีพงษ์ขึ้นไปในรถโดยตรง และนั่งลงในที่ว่าง โดยไม่ สนใจสายตาของคนในรถ และหลับตาลงทันทีเพื่อพักผ่อน

หลังจากนั้นไม่นาน ในรถเต็มไปด้วยคนทั้งเจ็ดคน ผู้ที่รับ ผิดชอบก็นั่งในที่คนขับ และขับออกจากซอยไป

ในเวลา รพีพงษ์ลืมตาขึ้น และมองออกไปนอกหน้าต่าง รถ และพบว่าผู้รับผิดชอบกำลังขับรถลึกเข้าไปในเขต ชานเมือง

“หรือว่าเทือกเขาสนาจะอยู่บนหุบเขาลึกในซานเมือง ของเมืองบาสแตร์เหรอ?”รพีพงษ์สงสัยในใจ

อย่างไรก็ตามเขาล้มเลิกความคิดนี้อย่างรวดเร็ว หาก เทือกเขาสนาอยู่ในภูเขาลึก ในเขตชานเมืองของเมืองบาส แตร์จริงๆ ก็คงจะถูกคนค้นพบมานานแล้ว ข่าวลือเกี่ยวกับ เทือกเขาสนาในโลกภายนอก ก็ไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงเล็ก น้อยแบบนี้

ตอนนี้ที่พวกเขาจะไป มีแนวโน้มที่จะเป็นเปลี่ยนจุดรับ

สำหรับวิธีการเปลี่ยนจุดรับ รพีพงษ์ก็ไม่รู้แน่ชัด ถือได้ว่า ตอนนี้เขาขึ้นเรือโจรมาแล้ว หากว่าตอนนี้ใครอยากจะ เปลี่ยนใจ ผู้รับผิดชอบในรถจะหันหัวมาก็ฆ่าคนคนนั้นทิ้ง

แน่นอนว่า ถ้ารพีพงษ์เปลี่ยนใจ ก็ยังมีความมั่นใจอย่าง มากที่จะหลบหนีกลับไป สุดท้ายแล้วความแข็งแกร่งของผู้รับผิดชอบคนนี้อาจไม่แกร่งเท่ารพีพงษ์

เนื่องจากออกจากสถานที่ที่มีผู้คน และเข้าสู่สภาวะไร้ผู้คน อย่างช้าๆ คนไม่กี่คนที่นั่งอยู่ในรถก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ในฐานะที่เป็นพวกเดนตาย คนเหล่านี้จึงไม่สามารถ ปรากฏตัวในสถานที่แออัดมากเกินไป หากไม่ระวัง อาจจะ ถูกตำรวจพบเห็นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ชีวิตอย่าง ระมัดระวัง

มีเพียงเฉพาะในสถานที่แบบนี้ที่มองไม่เห็นผู้คน พวกเขา ถึงจะสามารถผ่อนคลายได้ และไม่ต้องกังวลว่าจะมีกลุ่มคน ปรากฏตัวที่ไหนสักแห่ง และจับกุมพวกเขาไป

“ทุกคน พวกเราสามารถมาอยู่พบกันได้ ก็ถือว่าเป็นโชค ชะตา หลังจากวันนี้ไปทุกคนจะเป็นคนที่เข้าไปที่เทือกเขา สนา ทำความรู้จักกันก่อน หลังจากเข้าไปแล้ว เกิดเรื่องอะไร ขึ้น ก็สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ง่าย ก่อนอื่นฉันขอ แนะน่าตัวเองก่อน พวกนายสามารถเรียกฉันว่าชินโต เพราะ ฆ่าคนข้างนอกไปไม่กี่คน ถูกออกหมายจับ ถูกบีบบังคับ จนหมดหนทาง ได้ยินเรื่องเทือกเขาสนาจากเพื่อน ดังนั้นจึง ตัดสินใจเข้าไปดู”ชายคนหนึ่งที่นั่งข้างๆรพีพงษ์กล่าวขึ้น

หลังจากที่คนที่ชื่อว่าซินโตพูด คนที่เหลือก็เริ่มแนะนำตัว ตามขึ้นมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพวกเดนตายทั้งหมด บนมือแปดเปื้อนไปด้วยชีวิตมนุษย์ ถูกออกหมายจับ ไม่มีทางที่จะอยู่ในสังคมต่อไปได้

เมื่อตอนที่คนเหล่านี้แนะนำตัว พวกเขาจะแนะนำความผิด ที่ตัวเองได้ทำอย่างชัดเจน ราวกับถือว่าเป็นทุนในการอวด

รพีพงษ์หลับตาลง หลังจากที่ได้ยินการก่ออาชญากรรมที่ พวกเขาพูดมา มีความรู้สึกตอนนี้ก็อยากจะจัดการคนเหล่า นี้ ใจร้อนทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

แน่นอนว่า จุดประสงค์หลักของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่การทวง คืนความยุติธรรมแทนสวรรค์ และการลงมืออาจส่งผลกระ ทบให้ต่อการที่เขาจะเข้าไปที่เทือกเขาสนา ดังนั้นจึงไม่ ได้ใจร้อน

บางทีผู้คนในเทือกเขาสนาก็รู้ว่าคนพวกนี้ก็เป็นคนที่มือ แปดเปื้อนเต็มไปด้วยบาปกรรม ดังนั้นจึงมองหาแต่คนแบบ นี้เข้าไป เพื่อที่พวกเขาจะได้มีการแข่งขันที่โหดร้าย โดยไม่ ต้องมีภาระมากเกินไป

ท้ายที่สุดสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการสะสางความหายนะให้กับ สังคม

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์กลับรู้สึกว่าเทือกเขาสนายังคง เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความยุติธรรม

หลังจากที่ทุกคนแนะนำกันเสร็จหมด ชายที่ชื่อชินโตก เหลือบมองไปที่รพีพงษ์ เอื้อมมือไปตบบ่าเขา แล้วพูดอย่างไม่เกรงใจ “ไอ้น้อง อย่านอน ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ นาย แกล้งตายที่นี่คืออะไรนะ”

“เล่าให้พวกเราฟังบ้างว่าทำไมนายถึงเข้าไปที่เทือกเขา สนา ดูท่าทางของนาย ก็ไม่เหมือนกับคนโหดร้ายเลย หรือ ว่านายจะทำเรื่องที่น่าอับอาย ทางเลือกสุดท้ายถึงต้องเข้าไป ที่เทือกเขากิสนาเหรอ?”

หลายคนรอบข้างหัวเราะขึ้นมา ตั้งแต่ที่รพีพงษ์ขึ้นรถมา พวกเขา ก็รู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นชายหนุ่มที่สามารถรังแกได้ ง่ายๆ แม้ว่าเขาจะผ่านการคัดกรองจากบุคคลที่รับผิดชอบ ของเทือกเขากิสนา หรืออาจจะโชคดี

“อยากจะเข้าไปที่เทือกเขาสนาคนไหนบ้างที่ไม่เคยทำ เรื่องน่าอับอาย เขาดูเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก และส่วนตัว เป็นแบบไหนก็ยังไม่แน่นอน บ่อยครั้งคนที่เอาจริงเอาจังมาก เช่นนี้ ภายในจิตใจก็ยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นเท่านั้น” ชายคนหนึ่งที่ นั่งอยู่ข้างหลังพูด

รพีพงษ์ลืมตาขึ้น มองไปที่แถวที่สามที่อยู่ด้านข้าง และพูด เบาๆว่า “เข้าไปตามหาคน

ทุกคนในรถนิ่งอึ้ง และเงียบไปชั่วครู่

จากนั้น ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา พร้อมกับเสียงถากถาง อย่างไร้ความปรานีเริ่มแรกพวกเขาไม่ได้เอารพีพงษ์ไว้ในสายตา เพียงแค่ ตัดสินรพีพงษ์จากรัศมีบนตัว ก็คิดว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ไม่คุ้ม ค่าที่จะให้ความสำคัญด้วย ตอนนี้รพีพงษ์บอกว่าตัวเอง เข้าไปที่เทือกเขาสนาเพื่อตามหาคน ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึก ตลก

ยังไม่เคยได้ยินมาว่า มีใครที่เพื่อตามหาคน เข้าไปที่ เทือกเขาสนา

พวกเดนตายพวกนี้ก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเทือกเขา สนา รู้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่เข้าไปแล้วไม่มีทางสามารถออกมา ได้อีก พวกเขาปรากฏตัวในรถคันนี้ ก็ทำใจไว้แล้วว่าชาตินี้ จะออกมาไม่ได้

พวกเขาคิดว่า ตายในเทือกเขาสนานั้น ก็ยังสบายกว่า การอยู่ข้างนอกอย่างหลบๆซ่อนๆ ด้วยความหวาดกลัว

ดังนั้น ในความคิดของพวกเขา รพีพงษ์บอกว่าเข้าไป เทือกเขาสนาเพื่อตามหาคน ก็เป็นเรื่องตลก เข้าไปแล้วไม่ สามารถออกมาได้ แม้ว่าจะเจอคนที่เขาต้องการจะตามหา จริงๆมันจะมีประโยชน์อะไร

“ไอ้น้อง นายคงไม่ใช่ว่าเข้าสมองนะ นายจะเข้าไป เทือกเขาสนาเพื่อตามหาคน นายรู้ไหมว่าเทือกเขาสนา เป็นสถานที่แบบไหน?”คนคนหนึ่งเยาะเย้ยมองไปที่รพีพงษ์

“เขาคงจะไม่รู้ว่าหลังจากที่เข้าไปเทือกเขาสนา ก็จะไม่มีทางออกมาได้ น่าเสียดาย ตอนนี้ก็สายไปแล้ว เสียใจใน เวลาตอนนี้ น่าจะมีทางตามทางเดียว อีกคนพูด จากนั้น ยัง เหลือบมองไปผู้รับผิดชอบที่กำลังขับรถ

ผู้รับผิดชอบดูราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากขับรถ อย่างตั้งใจ

“พวกนายออกมาไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าฉันออกมาไม่ ได้”รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น

“แม่งขี้โม้จริงๆ แกคิดว่าแกเป็นใคร ผ่านที่หลายปี ก็ไม่มี ใครสามารถรอดพ้นออกจากเทือกเขาสนาได้สักคน คน มากมายก่อนที่เข้าไปก็ความคิดเดียวกันกับนาย น่าเสียดาย ที่สุดท้ายตายอย่างไรก็ไม่รู้ชายคนหนึ่งเยาะเย้ย

คนที่เหลือยังมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความ ดูถูก คิดว่าเขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความสามารถ แต่ก็ยังเป็น คนที่ชอบอวดเก่ง

ซินโตเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “เขา คิดว่าออกมาได้ อาจจะมีอะไรเป็นพิเศษ พวกเรามาเปลี่ยน หัวข้อกันเถอะ พวกนายสามารถมานั่งอยู่ในรถนี้ได้ น่าจะ เสร็จภารกิจใช่ไหม ไม่รู้ว่าภารกิจของพวกนายคืออะไร เล่า ออกมาให้ฟังกันบ้าง ตอนนี้ก็ห่างไกลจากเมืองมามาก พูด คุยเรื่อง นี้ก็น่าจะไม่เป็นอะไร

เมื่อทุกคนเห็นซินโตเบี่ยงเบนหัวข้อการสนทนา ก็ไม่ได้สนใจรพีพงษ์ และเริ่มคุยภารกิจก่อนหน้านั้นที่พวกเขาได้ทำ

มา

“ตอนนั้นฉันไปหาผู้รับผิดชอบที่บาร์ เขาให้กระดาษโน้ต ฉันมาหนึ่งแผ่น ให้ฉันไปหาผู้ชายคนหนึ่งในบาร์เพื่อต่อสู้ ถ้า สู้ชนะก็ถือว่าผ่าน ฉันก็ยังเจอคนที่แข็งแรงพอสมควร แต่น่า เสียดายคนคนนั้นเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ยังไม่ทันได้สู้ ก็กลัว ฉันจนฉี่ราดกางเกง ก็ผ่านเข้ามาได้อย่างราบรื่น “ซินโตพูด สีหน้าก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ข้อกําหนดของฉันคือภายในครึ่งชั่วโมงคือล้มผู้ใหญ่สอง ให้ได้ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉัน ไม่มีอะไรยาก ผู้ชาย กล้ามโตอวดกล้ามของตัวเอง

ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังที่ดูถูกรพีพงษ์อย่างผิดปกติยิ้มแล้ว พูดว่า: “พวกนายง่ายดายเกินไป ภารกิจตอนนั้นของฉันคือ การท้าทายนักมวยในเวทีประลอง แม่งเอ๊ย มันเป็นการต่อสู้ ที่ยากลำบาก แต่ว่ายังดีฉันว่าก็เคยฝึกฝน และในที่สุดคว้า

ชัยชนะมาได้”

ทุกคนต่างจ้องมองชายคนนั้นอย่างชื่นชม แม้ว่ามือของ พวกเขาต่างก็แปดเปื้อนไปด้วยชีวิตของคน แต่ต่างก็รู้ดีว่า นักมวยในสนามมวยใต้ดินนั้นทรงพลัง หากนักมวยเหล่านี้ ต้องสังหารผู้คน จะต้องเก่งกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้น สามารถเอาชนะนักมวยหนึ่งคนได้ ยังเป็นความสำเร็จที่ยิ่ง ใหญ่สําหรับพวกเขาในเวลานี้ซินโดมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดว่า “ภารกิจของ นายคืออะไร ฉันรู้สึกว่าภารกิจดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ของบุคคล ยิ่งอ่อนแอภารกิจยิ่งง่าย ภารกิจของ นายคงจะไม่ใช่ว่าหาผู้หญิงคนหนึ่งมาต่อสู้ด้วยนะ ผู้ชนะ พอใช่มั้ย?”

หลังจากพูดจบ ทุกคนในรถก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“นายก็ประเมินเขาสูงไป ภารกิจของเขาน่าจะหาเด็กผู้ หญิงคนหนึ่งสู้ตัวต่อตัว ชนะก็ถือว่าผ่าน นี่ก็น่าจะยากสำหรับ เขามาก”ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะและจับท้องของตัวเอง ไว้

รพีพงษ์รู้สึกว่าคนเหล่านี้น่าเบื่อเล็กน้อย พวกเขาและตัว เองไม่ใช่คนในระดับเดียวกัน การมีส่วนร่วมในการสนทนา เหล่านี้ ไม่มีความหมายอะไรเลย

ในขณะ ที่คนเหล่านี้ยังคงภาคภูมิใจในการเอาชนะนัก มวย รพีพงษ์ก็สามารถจัดการกับยอดฝีมือระดับแนวหน้า ของเกียวโตได้

แม้แต่จันทร์ไชย ก็ยอมออกมาเองว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ ความน่ากลัวของรพีพงษ์ คนเหล่านี้ไม่สามารถจินตนาการ ได้เลย

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่พูด ชายที่นั่งข้างหลังก็พูดขึ้นมาทันที ว่า “ฉันคิดว่าเขาถูกฉันพูดแทงใจดำ ไม่โต้แย้ง ไม่มีหน้าโต้แย้ง ไม่รู้ว่าคนไม่เอาไหนแบบนี้ ทำไมถึงมีสิทธิ์เข้าไปที่ เทือกเขาก็สนา”

ทันทีที่เสียงของเขาลดลง คนที่ขับรถอยู่ตลอด ผู้รับผิด ชอบที่ไม่พูดจากกระแอมเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาว่า “เขาฆ่าหมาป่าตาย”

ทันทีที่พูดออกมาภายในรถก็เงียบลงอีกครั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ