พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่813 ไม่เกรงใจ



บทที่813 ไม่เกรงใจ

เมื่อครัณได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนทันที พวกเขาเดินทางมาไกลขนาดนี้ เพื่อที่จะเข้าไปที่สำนักเทพยา เซียน ในตอนนี้ แต่กลับไม่ไปเป็นตามที่คิดคำพูดของคนอื่นเขา ประโยคเดียวก็ทำให้พวกเขาต้องกลับไป

“น้องชาย นายก็รู้ ด้านนอกของสำนักเทพยาเซียน ต่างก็เป็น ป่าไม้ และไม่มีสถานที่ให้พัก น้องชายให้พวกเราเข้าไปดีกว่า พวกเราพักผ่อนข้างในคืนหนึ่ง พวกเรายินดีจ่ายเงินให้เป็นค่า ตอบแทน”ดรัณพูดต่อประโยคหนึ่ง เป็นเพราะรู้ถึงความ แข็งแกร่งของสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นจึงไม่กล้าแสดงน้ำเสียง ที่ไม่พอใจ

ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ครันอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง เอ่ยปาก ว่า “ด้านนอกไม่มีที่พักเกี่ยวอะไรกับฉัน ใครให้พวกนายมา มืดค่ำขนาดนี้ ฉันบอกแล้วว่าไม่ให้เข้าก็คือไม่ให้เข้าไป ประตูนี้ ฉันใหญ่สุด ถ้าพวกคุณรู้สึกไม่พอใจ ชาตินี้ก็อย่าคิดที่จะได้เข้า สํานักเทพยาเซียนของเรา”

เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะว่าชื่อเสียงของสำนักเทพยาเซียนรวม ทั้งลักษณะท่าทีของคนที่มาขอยากวางตัวได้ ดังนั้นจึงทำให้ บ่มเพาะจนมีนิสัยที่ไม่เอาใครไว้ในสายตา เขาไม่ให้ครับพวก เขาเข้าไปไม่ได้เป็นเพราะมืดค่ำเกินไป ทั้งหมดก็แค่อยากจะ สัมผัสรับรู้กับความสุขของการเป็นคนออกคำสั่งให้กับคนอื่นเท่านั้นเอง

เมื่อครัณเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป ก็จนปัญญา ทำได้เพียงถอนหายใจ หันหน้ามองไปที่เพ็ญรตีแล้วพูดว่า “ใน เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาสถานที่ด้านนอกค้าง คืนกันเถอะ”

แม้ว่าเพ็ญรตีจะค่อนข้างไม่พอใจ แต่อยู่ต่อหน้าสำนักเทพยา เซียนหล่อนก็ไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงทำได้ เพียงพยักหน้า

เป็นเพราะข้อตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างชายในเสื้อคลุมและ ตระกูลพิมลนัทชากับสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์ที่เดิมทีก็ไม่มี ภาพอะไรที่ดีกับสำนักเทพยาเซียน ตอนนี้เมื่อเห็นเด็กที่เฝ้าประตู ของสํานักเทพยาเซียนอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไป ทั่ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

ครั้งนี้เขาไม่ได้มาขอรับยาที่สำนักเทพยาเซียน ถ้าตรวจสอบ ออกมาว่า นักเทพยาเซียนลงมือกับเด็กเหล่านั้นจริงๆ เขาจะ ล้มล้างสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนของ สํานักเทพยาเซียน

เขาจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นแวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา: “ตอนนี้ เหลือเวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงก่อนที่ฟ้าจะมืด ยังไม่ถือว่า มืดค่ำเกินไป ทำไมไม่ปล่อยให้พวกเราเข้าไป?”

ชายหนุ่มเขม็งตาใส่รพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากว่า “สมองของ นายมีปัญหาหรือว่าฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจกันแน่? ฉันไม่สนใจว่ามีอีกกี่ชั่วโมงที่ฟ้ามันจะมืด ถ้าพวกคุณยังไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้อีก พรุ่งนี้ฉันก็จะไม่ยอมให้พวกคุณเข้าไป

เมื่อครัณและเพ็ญรตีได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของสีหน้าก็ เปลี่ยนไป ถ้าหากพวกเขาเป็นเพราะมีเรื่องขุ่นเคืองใจกับชาย หนุ่มแล้วไม่สามารถเข้าไปในที่สำนักเทพยาเซียนได้ ถ้าอย่างนั้น ครั้งนี้พวกเขาก็ถือได้ว่ามาเสียเที่ยว

เพ็ญรตีตะโกนใส่รพีพงษ์อย่างไม่เกรงใจว่า: “แกโง่หรือเปล่า คนอื่นเขาก็บอกอยู่ว่าให้มาพรุ่งนี้ แกยังจะมาต่อปากต่อคำที่นี่ อยู่อีก ถ้าหากพวกเราเป็นเพราะแกเข้าไปไม่ได้ ฉันไม่มีทาง ปล่อยแกไว้แน่!”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเพ็ญรตีแม้แต่น้อย แต่กลับมองไปที่ชาย หนุ่มคนนั้น เอ่ยปากว่า “ฉันจะเข้าไปตอนนี้ ถ้านายยังขวางไว้ อยู่ ฉันก็จะไม่เกรงใจนายแล้ว

เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะเยาะทันที แล้ว พูดว่า: “ตลกสิ้นดี คนที่มาก่อกวนแผลงฤทธิ์ที่สำนักเทพยาเซียน ของพวกเราเหมือนอย่างนาย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยพบเห็น คน ทางโลกอย่างพวกนายกล้าหาญถึงขั้นนี้แล้วเหรอ? กล้าไม่เอา สํานักเทพยาเซียนของเราไว้ในสายตาเหรอ? อย่างนายเหรอจะ คู่ควร!”

เมื่อครัณเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเตือนรพีพงษ์ ว่า: “รพีพงษ์ นายอย่าดื้อรั้นแบบนี้เลย ในเมื่อคนอื่นเขาบอกให้ มาพรุ่งนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ค่อยมาพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเรามาเพื่อขอยๆ อย่าได้ทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โตไป

เพ็ญรตีดึงตรัณ แล้วพูดว่า “พี่ชาย ถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยังจะ เตือนเขาอีกทำไม เขาเป็นคนหาเหาใส่หัวตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไร กับพวกเราเลย”

หลังจากที่พูดเสร็จ หล่อนก็รีบมองไปที่ชายหนุ่ม และพูดว่า: “พี่ชาย พวกเราและพวกเขาสองคนไม่รู้จักกันเลย พบเจอกัน ระหว่างทางที่มา พวกเราเชื่อฟังพี่ พรุ่งนี้ค่อยมา พวกเขามีอะไร ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา พี่โปรดอย่าได้เป็นเพราะพวกเขาแล้วไม่ ให้พวกเราเข้าไปในสำนักเทพยาเซียน”

“เหอะ ฉันไม่สนว่าพวกคุณจะรู้จักกันหรือไม่รู้จัก ไอ้หมอนี่กลับ กล้าอยากที่จะไม่เกรงใจฉัน ฉันอยากจะดูว่าเขาจะไม่เกรงใจฉัน ยังไง! สำนักเทพยาเซียนของเรา ไม่เอาพวกมดอย่างพวกนายไว้ ในสายตา! ชายหนุ่มตะโกนใส่รพีพงษ์

ทั้งสองฝั่งก็เกิดสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา มองดูเหมือน กำลังจะต่อสู้กันขึ้นมา

“ศิษย์น้อง นายสร้างความลำบากใจให้กับแขกผู้มาเยือนอีก แล้วใช่มั้ย” ในขณะนี้ เสียงหนึ่งเสียงดังขึ้น ทุกคนมองไปด้าน หลังประตู พบว่ามีชายสูงวัยกำลังเดินมาทางด้านนี้

หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าก็ถอดสี จากนั้นก็หัน กลับมา และพูดกับชายคนนั้นว่า “ศิษย์พี่ ฉันไม่ได้สร้างความ ล่าบากใจให้พวกเขา คนคนนี้คุยโวโอ้อวดบอกว่าจะไม่เกรงใจ สํานักเทพยาเซียนของพวกเรา ฉันถึงได้ห้ามพวกเขาไว้”
เมื่อผู้มาได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม คิ้วขมวดสายตาจับจ้อง มองไปที่บนตัวรพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า “พวกคุณเป็นใคร ทำไม ถึงจะไม่เกรงใจสำนักเทพยาเซียนของเราด้วย?

เพ็ญรตีรีบเอ่ยปาก: “พวกเราเป็นคนของตระกูลพิมลนัทชามา จากเกาะทองขาว มาที่สำนักเทพยาเซียนเพื่อขอยา พวกเราไม่มี อะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคน พวกเขาทั้งสองคนมาจาก ประเทศญี่ปุ่น ใครจะรู้ว่าเป้าหมายที่มาที่นี่คืออะไร ดังนั้นคุณได้ โปรดอย่าเอาพวกเราไปปะปนรวมกับพวกเขาทั้งสองคน

หลังจากที่ชายคนนั้นได้ยินว่ามาจากประเทศญี่ปุ่น ก็นิ่งอึ้งไป ชั่วขณะ มองตามไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า “พวกคุณมาหาผู้ อาวุโสใหญ่เหรอ?”

“ถูกต้อง รพีพงษ์เอ่ยปาก

คนคนนั้นยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ทราบ ว่าพอจะสามารถที่จะเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดที่นี่ให้ฉันฟังได้มั้ย?”

รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล เล่าเรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวก เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ให้ศิษย์พี่คนนั้นฟังหนึ่งรอบ

หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินเรื่องราวที่รพีพงษ์เล่าใบหน้าก็เต็ม ไปด้วยความกังวล รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ศิษย์พี่ เขาพูดจา เหลวไหล อย่าได้ฟัง ทั้งหมดนี้เขาโกหกส่งเดช เขามาถึงก็ไม่ เกรงใจฉันตั้งแต่แรกแล้ว”

ศิษย์พี่คนนั้นเขม็ง ใส่ชายหนุ่มทันที ตะโกนใส่ว่า “นายเป็น คนแบบไหนทำไมฉันจะไม่รู้ ทั้งสองคนนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติของผู้อาวุโสใหญ่ ยังดีที่ฉันมาทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นนายอาจจะ สร้างความหายนะอะไรออกมาแน่ๆ!

สีหน้าของชายหนุ่มถอดสีทันที คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนนี้กลับ เป็นแขกผู้มีเกียรติของผู้อาวุโสใหญ่ ในใจก็เกิดความหวาดกลัว ขึ้นทันที

สีหน้าของครัณและเพ็ญรตีทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาด ใจเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าภูมิหลังของรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุจะมี อำนาจมากขึ้นนี้ กลับกลายเป็นแขกเกียรติของผู้อาวุโสใหญ่ของ สํานักเทพยาเซียน

“ขอโทษด้วยจริงๆ เดี๋ยวฉันจะลงโทษเด็กคนนี้เอง เรียนเชิญ ทั้งสองท่านตามฉันมาเถอะ”ศิษย์พี่คนนั้นสองมือประสานเคารพ ให้กับรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยคำขอโทษแล้วพูด

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ได้ถือสาอะไร

“พวกคุณก็เข้ามาพร้อมกันเถอะ”คนคนนั้นมองไปที่ครันและ เพ็ญรตีแวบหนึ่ง

ทั้งคู่ถอนหายใจโล่งอกทันที พร้อมกับความตื่นเต้นบน ใบหน้า

ทุกคนเดินเข้าไปในส่วนลึกของสำนักเทพยาเซียน เพ็ญรที่จ้อง มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนที่จะสามารถเป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนัก เทพยาเซียนได้
เป็นเวลานานแล้ว หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า “ห์ มีอะไร วิเศษ บางทีอาจจะโชคดีอะไร ไม่แน่อาจจะพึ่งพาอาศัยผู้หญิงคน นี้ขายตัวแลกเปลี่ยนมาก็ได้ น่าขยะแขยง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ