บทที่ 421 ฝนสุดา
“เรียกผมเหรอ” รพีพงษ์ยืนหน้าประตูแล้วเอ่ยถามขึ้น
“เข้ามาสิ” ฝนสุดาชงชา โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองร พงษ์เรียวแขนของเธอเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม ท่วงท่า งดงามราวกับกำลังแสดงศิลปะ
สมกับเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง นี่คือความ รู้สึกแรก หลังจากที่รพีพงษ์ได้เห็นผู้หญิงคนนี้
รพีพงษ์เดินเข้าไป เขาจ้องไปยังเธอ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่าย เรียกเขามาเพราะอะไร
หลังจากที่รพีพงษ์เดินเข้ามา หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร เพราะใจจดใจจ่อกับการชงชาให้เสร็จ รพีพงษ์อดทนรอหญิง สาวชงชา เขาเหมือนได้ชมสิ่งสวยงามอย่างไม่รู้ตัว
ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากที่หญิงสาวชงชาเสร็จเรียบร้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองรพีพงษ์ แววตาเธอดูมีเลศนัย “คิดไม่ ถึงว่าคุณจะมีความอดทน ฉันนึกว่าพวกคนที่อยู่ในสนา จะ เป็นพวกบ้าระห่ำ”
รพีพงษ์ยิ้มให้หญิงสาว จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผมเพิ่งมาที่นี่ เป็นวันแรก ถ้าอยู่ที่นี่นานๆ ผมอาจจะเป็นเหมือนพวกเขา ก็ได้”
ฝนสุดา งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่านี่เป็นวันแรกที่รพีพงษ์มา
กิสนา “นายมาได้ยังไง ถูกจับเข้ามาเหรอ” ฝนสุดาเอ่ยถามขึ้น
รพีพงษ์ส่ายหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมเข้ามา
เอง”
“ต๊ะ?” ฝนสุดามองรพีพงษ์อย่างประเมิน “เข้ามาเอง ทำไม ข้างนอกมันวุ่นวายมากเหรอ ฉันได้ยินว่าคนที่อยู่ใน สนา ส่วนใหญ่เป็นพวกเดนตาย
“ผมมาหาคน” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ฝนสุดามีสีหน้าแปลกใจ แล้วถามขึ้นว่า “หาใคร?”
“ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ผมยังไม่รู้จักคุณ ผมจึงไม่ สามารถบอกเรื่องนี้กับคุณได้” รพีพงษ์พูด
เหตุที่เขาบอกฝนสุดาว่ามาตามหาคนอย่างตรงไปตรงมา เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น เขาเพิ่งมา ถึงที่นี่ ยังไม่คุ้นชินกับทุกสิ่งทุกอย่าง อยากหาเบาะแสของน นทภู เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
เพราะฉะนั้นการที่เขาใกล้ชิดกับคนที่นี่ เขาถึงจะมีโอกาสรู้ ถึงเบาะแสของนนทภู
แต่ว่าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่เข้ามาตามหาคือใคร เพราะเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใครกันแน่ และเธอมีจุดประสงค์อะไรที่เรียกเขามา
“นายกล้ามาทำให้ฉันอยากรู้แล้วไม่บอกฉันเนี่ยนะ นาย ไหมว่าที่นี่ ฉันสามารถซื้อชีวิตของนายได้ด้วยเงิน ถ้านายไม่ อยากพูด ฉันจะให้คนมาง้างปากให้นายพูดออกมา” ฝนสุดา ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“งั้นคุณก็ลองดูสิ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ฝนสุดาจ้องรพีพงษ์อยู่นาน จากนั้นเธอจึงแบะปากแล้วพูด ว่า “คิดไม่ถึงว่านายจะตีเบลอขนาดนี้
รพีพงษ์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะ ใช้คำว่าตีเบลอกับเขา นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคาดไว้
หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้น เธอสวมชุดกิโมโน อธิบายสิ่งที่ เรียกว่าสง่างามได้อย่างสมบูรณ์แบบ รพีพงษ์สัมผัสได้ว่ามี วิญญาณแห่งความบ้าคลั่งซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าอันงดงาม มันเผยให้เห็นผ่านการเคลื่อนไหวของเธอ
หรือบางทีเธออาจจะไม่ชอบความเป็นกุลสตรี เวลาผ่านไป เธออาจจะทนไม่ไหวจนเผยธาตุแท้ออกมาก็เป็นได้
“คุณเรียกผมมาทำไมกันแน่ครับ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
หญิงสาวเดินเข้ามาหารพีพงษ์ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เห็นว่า นายน่าสนใจดี เลยอยากจะรู้จักว่านายเป็นคนยังไง นายน สนใจกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเจอคนอย่างนายที ”
พูดจบ เธอก็ยื่นมือไปแตะที่คางของรพีพงษ์
ขณะนั้นมีเงาหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง เขาขวางหน้าร พงษ์ แล้วดันเขาไปข้างหลัง
รพีพงษ์แววตาเยือกเย็น เขารับรู้ได้ว่าคนที่โผล่มาคือคนมี ฝีมือ ฝีมือยิ่งกว่าสวิส
“คุณผู้หญิง มันเป็นแค่คนที่มาแสดงตลก ในสนาเท่านั้น
ไม่ได้มีอะไรพิเศษ คุณไม่ควรให้มันเข้ามาในห้องของคุณ คนที่มายืนขวางหน้ารพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ครั้งนี้รพีพงษ์เห็นคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน เขาเป็นคน หนุ่มที่อายุไม่ต่างจากเขาเท่าไร เขาสวมชุดกีฬาสีดำ ดู ท่าทางจะไม่ธรรมดา ถ้าเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นบอดี้การ์ด ส่วนตัวของผู้หญิงคนนี้
ฝนสุดาเห็นบอดี้การ์ดยืนขวางระหว่างเธอกับรพีพงษ์ เธอ จึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง อย่าลืมว่าฉันมาพักผ่อนวันหยุด นายไม่มี สิทธิ์ไปรายงานพ่อของฉัน
“คุณผู้หญิง ผมทำเพื่อความปลอดภัยของคุณ มันไม่ใช่แค่ หมาที่อยู่ในสนาเท่านั้น วันนี้มันยังชนะเวทีการประลอง ด้วย คุณเลยสนใจเขา ถ้าคุณผู้หญิงชอบ ผมสามารถบอกให้ทางฝั่งสนาเลือกคนที่ดีกว่ามันร้อยเท่ามารับใช้คุณผู้หญิง บอดี้การ์ตเอ่ย น
ดูเหมือนว่าฝนสุดาจะไม่พอใจบอดี้การ์ดคนนี้เป็นอย่าง มาก เธอยกมือขึ้นตบหน้าของบอดี้การ์ดแล้วกัดฟันพูดว่า “ตอนอยู่ข้างนอกนายสามารถดูแลฉันแทนพ่อได้ แต่นาย ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นที่นี่ ฉันจะสนใจใคร นายไม่ต้องมาสั่ง สอน ออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะบอกพ่อว่านายไม่มีมารยาทกับ ฉัน เมื่อถึงตอนนั้นนายรอโดนถลกหนังได้เลย!
บอดี้การ์ดเห็นว่าเธอไม่สนใจคำพูดของเขา เขาก็ กระวนกระวายแล้วหันไปมองรพีพงษ์ “แกมันก็แค่หมาตัว หนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องคุณผู้หญิง รีบไสหัวไป ซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ
รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “รู้สึกว่าบอดี้การ์ดอย่างนายจะ ยุ่งเยอะไปหน่อยนะ ฉันว่านายชอบคุณผู้หญิงของนาย ถึงได้ กระวนกระวายขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ”
บอดี้การ์ดถึงกับโมโห เมื่อถูกรพีพงษ์มองออก เขาลงมือ ทำร้ายรพีพงษ์โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“แกนสมควรตายจริงๆ หมาที่เอามาแสดงอย่างแก กล้า
มาหัวเราะเยาะฉันเหรอ” เขาใช้มือข้างหนึ่งคว้าไปที่ตัวรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก้าวถอย
ไปข้างหลัง และหลบการโจมตีของเขาได้
บอดี้การ์ดเปลี่ยนการจู่โจม เขากำลังจะทำร้ายรพีพงษ์อีก ครั้ง ขณะนั้นเองฝนสุดามายืนขวางรพีพงษ์ แววตาของเธอ เย็นยะเยือก หญิงสาวขบริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไสหัวไป!”
ทันใดนั้นบอดี้การ์ดถึงกับชะงักมือลง เขาพูดกับฝนสุดา ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจว่า “คุณผู้หญิง ผม…
“ถ้านายพูดอีกคำเดียว นายก็ออกไปจากตระกูลก้องวณิช กุลตลอดชีวิต” ฝนสุดาไม่อยากให้บอดี้การ์ดมาควบคุมเธอ ในตระกูลนอกจากพ่อ คนอื่นก็ห้ามมาก้าวก่ายการตัดสินใจ
ของเธอ
การที่บอดี้การ์ดทำแบบนี้ เหมือนรนหาที่ตายชัดๆ ความ ห่วงใยและการเตือนสติของเขาไม่ได้ทำให้ฝนสุดาเกิดความ รู้ดีๆ ต่อเขา
บอดี้การ์ดได้ยินที่ฝนสุดาพูด สุดท้ายเขาทำได้เพียงถอน หายใจอย่างเหนื่อยใจ และหันหลังเดินออกจากห้องไป
ฝนสุดาเดินไปปิดประตู จากนั้นเธอเหมือนจงใจพูดให้ บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกได้ยินว่า “ฉันจะทำอะไร ทำไมต้อง ให้พวกนายเข้ามาแสด้วย พวกนายคิดว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาอยู่ ที่นี่ ฉันยิ่งอยากมีอะไรกับเขา
“คืนนี้ต้องเป็นค่ำคืนที่เร่าร้อนจนไม่สามารถหยุดได้อย่าง
แน่นอน”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ