บทที่413 จุดเปลี่ยนการรับระหว่างทาง
“เขา….เขาฆ่าหมาป่าตายเหรอ? แชมป์มวยในสนามมวย ใต้ดินเหรอ? ประหลาดใจ “หลังจากนั้นไม่นาน ซินโตก็พูดด้วยความ
ผู้รับผิดชอบยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันก็แค่ เบื่อๆ เขียนไปมั่วๆ ตั้งใจว่าจะล้อเล่น ถ้าหากว่าตอนนั้นเขา รู้สึกว่าภารกิจนี้ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ ฉันก็จะเปลี่ยนใหม่ ให้เขา ใครจะคิดว่าเขาทำได้จริง ที่สำคัญหลังจากที่ขึ้นเวที ประลองก็เตะหมาป่าจนตายด้วยลูกเตะเพียงครั้งเดียว
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนในรถต้องหยุดหายใจอีกครั้ง ซินโตที่นั่งอยู่ข้างๆรพีพงษ์ย้ายตรงไปอีกด้านหนึ่ง โดยรู้ตัว ว่าต้องออกห่างจากรพีพงษ์ในระยะหนึ่ง
คนที่นั่งอยู่ข้างหลังตัวสั่น โดยไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์ที่ดู เหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย ลูกเตะเพียงครั้งเดียวก็เตะ แชมป์สนามมวยใต้ดินตายได้ คนที่มีความสามารถแบบนี้ เขาไม่สามารถมีปัญหาด้วยได้เลย
เมื่อหลังจากรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของผู้รับผิดชอบบน ใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในเวลานั้น เขาคิดเพียงแต่ว่าอยากจะเข้าไปที่เทือกเขาสนา ต้องทำ ภารกิจฆ่าแชมป์มวยให้สำเร็จตอนนี้ถึงค่อยรู้ ที่แท้นี่เป็นเพียงเรื่องตลกที่ผู้รับผิดชอบทำ ขึ้น มีเพียงภารกิจของเขาดูเหมือนจะยาก แต่จริงๆแล้ว ภารกิจของคนอื่นค่อนข้างง่าย
ชินโตกลืนน้ำลาย และหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงกล่าว กับรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เคารพ: “คือว่า พี่ คำพูดก่อนหน้านั้น ที่ผมพูดอาจทําให้ไม่พอใจ พี่เป็นคนใจกว้าง เท้าของพี่ อย่า ได้เตะมาที่ผมนะครับ”
เมื่อเห็นซิน โตเริ่มขอโทษรพีพงษ์ คนที่เหลือในรถก็ทนไม่ ไหว พวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่อาศัยอยู่บนปลายมีด รู้ว่าคน แบบไหนสามารถมีเรื่องด้วยได้คนแบบไหนไม่ควรมีเรื่อง ด้วย เหมือนกับรพีพงษ์ที่สามารถเตะแชมป์มวยตายด้วยลูก เตะเพียงครั้งเดียว ถ้าโกรธจริงๆ วันนี้พวกเขาอาจจะไม่ สามารถมีชีวิตเข้าไปถึงเทือกเขาสนาได้
คนที่นั่งข้างหลังรู้สึกกังวลที่สุด เมื่อเขาถากถางเยาะเย้ย รพีพงษ์ได้มากที่สุด หลังจากที่รู้ความน่ากลัวของรพีพงษ์ ก็ หวาดกลัวมาก
“พี่ ลูกพี่ก่อนหน้านั้นผมปากเสีย ผมเป็นแค่กบในกะลา ผมมีตาหามีแววไม่ ลูกพี่ใหญ่ใจเย็นๆก่อน อย่าให้ลูกเตะกับ ผม”
รพีพงษ์มองไปที่ท่าทีของคนเหล่านี้ในรถที่เปลี่ยนไปอย่าง รวดเร็ว ในใจรู้สึกตลก แต่เขาไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนเหล่านี้มากนัก
เมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่พูดไม่จา ในรถก็สงบลงทันที และ บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนไปหดหูเล็กน้อย ซินโตที่นั่งด้าน ข้างรพีพงษ์กระสับกระส่ายเล็กน้อย ถ้าไม่รถอยู่ระหว่างการ ขับเคลื่อน เขาคงจะขอเปลี่ยนที่นั่งกับคนอื่นอย่างแน่นอน
ผู้รับผิดชอบหันหน้าเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ ดูแววตาของ รพีพงษ์แม้ว่าจะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษเกินไป เห็นได้ชัดว่า คนแบบซินโตที่อยู่บนรถนี่เป็นครั้งแรกที่เห็น คนที่เก่งกาจอย่างรพีพงษ์ แต่ว่าคนที่รับผิดชอบคนนี้ไม่ใช่
ตามข่าวลือจากโลกภายนอก พวกคนรวยในเทือกเขา สนา ชอบดูมากที่สุด คือยอดฝีมือเข่นฆ่ากัน ดังนั้นจึงไม่มี ปัญหาการขาดแคลนยอดฝีมือ คนอย่างชินโตพวกเขา เข้าไปที่เทือกเขาสนา อย่างมากก็เป็นได้แค่ตัวรับกระสุน
ความแข็งแกร่งที่รพีพงษ์แสดงให้เห็นนั้น ทำให้คนตกใจ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นกว่าในเทือกเขาสนา
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งที่รพีพงษ์แสดงออก มาให้เห็นเท่านั้น ตั้งแต่หลังจากที่รพีพงษ์กราบไหว้ให้กับผู้
อาวุโส รพีพงษ์ยังไม่เคยเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่ตัวเองต้องใช้พลัง
ทั้งหมด ชายหนุ่มที่ถูกวีธราวางยาครั้งนั้นไม่นับ
ดูการตอบสนองของผู้รับผิดชอบ ในใจรพีพงษ์เริ่มสงสัย ว่าเทือกเขาสนาเป็นสถานที่แบบไหน ถ้ามียอดฝีมือรวมตัวอยู่กันจริงๆ อย่างนั้นเขาก็จะสามารถแสดงมือของตัวเองได้ อย่างเต็มที่
ตอนนี้รพีพงษ์อายุยี่สิบกว่าๆเท่านั้น และยังเป็นช่วงที่ จิตใจกำลังฮึกเหิม สำหรับในการต่อสู้ ยังมีความ กระตือรือร้นอย่างมาก หากสามารถวิ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ที่ฝีมือ พอๆกัน สำหรับเขามันก็เป็นตื่นเต้นที่คุ้มค่า
ขับรถต่อไปประมาณสองชั่วโมง ก็เข้าสู่ป่าเขารกร้างได้ ผู้คน ผู้รับผิดชอบหยุดรถ และให้ทุกคนลงจากรถ จากนั้นพา พวกเขาเดินเท้าเข้าไปยังป่าบนภูเขา
“เทือกเขาสนาคงจะไม่ใช่ว่าอยู่ในหุบเขาลึกลับนี้นะ ถ้า เป็นที่นี่จริงๆ ฉันก็สามารถหาทางมาเองได้ ซินโตพิมพ์กับ
ตัวเอง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นฉันเคยมาที่หุบเขานี้ ใน ตอนนั้นฉันถูกคนไล่ฆ่า ไม่มีทางเลือกเลยต้องมาซ่อนตัวเอง ในหุบเขา นั่นหมายความว่าตอนนั้นฉันก็เข้าใกล้เทือกเขา สนามากเหรอ?”อีกคนพูด
เห็นได้ชัดว่า ถ้าหากว่าเทือกเขาสนาอยู่ในหุบเขาของ ชานเมืองบาสแตร์จริงๆ คนเหล่านี้ก็ผิดหวังเล็กน้อย ใน ความคิดของพวกเขา เทือกเขาสนาที่มีข่าวลือสุดยอดมาก ขนาดนี้ ไม่ควรอยู่ในสถานที่ธรรมดาเช่นนี้
ผู้รับผิดชอบไม่ได้พูดจา แต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปด้านหน้าและเดินลึกขึ้นไปเรื่อยๆ รพีพงษ์ก็ค่อยๆพบว่ารอบๆ มีกล้อง วงจรที่ซ่อนอยู่เริ่มปรากฏขึ้นบนต้นไม้บางต้น และดูเหมือน ว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาจะอยู่ไม่ไกล
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็เดินผ่านป่ามาถึง พื้นที่โล่ง มองจากระยะไกล มีบ้านอยู่เป็นแถวๆ ข้างหน้า บ้านเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ และมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ระยะทางห่างกันสามทางพอ ในเวลานี้มีเฮลิคอปเตอร์สาม ล่าจอดอยู่ที่นั่น
แน่นอน เป็นอย่างที่รพีพงษ์คาดเดา สถานที่แห่งนี้เป็น เพียงจุดเปลี่ยนการรับระหว่างทางไปยันเทือกเขาสนา ไม่ใช่อย่างชนโดพวกเขาคาดเดา
หลังจากที่ซินโตเห็นสถานการณ์ที่นั่น ก็ตกตะลึง และจาก นั้นก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ที่นี่มันไม่มีทางเป็นเทือกเขาสนาได้ พวกเขายังคงต้องเปลี่ยนเครื่องที่นี่ ถึงค่อยไปยังสถานที่ที่ พวกเขาต้องการไป
ผู้รับผิดชอบพาทุกคนไปที่ห้องแถวคุณ จะเห็นว่ามี พนักงานหลายคนสวมเครื่องแบบ และหลายคนก็เป็นเหมือน
กับชินโตพวกเขา
แม้ว่าจะมีน้อยคนที่รู้จักเทือกเขาสนา แต่ภายใต้ฐานใน จำนวนมากมายของประชากร มักจะมีคนที่รู้เรื่องนี้ผ่านช่อง ทางต่างๆ และเกิดความคิดที่จะเข้ามาดังนั้นหากผู้คนจากทุกภูมิภาครวมตัวขึ้นมา จำนวนคนจึง
ไม่น้อย
ผู้รับผิดชอบพารพีพงษ์พวกเขาเหล่านั้น เข้าไปในบ้าน หลังหนึ่ง มีเตียงเจ็ด
เตียงและโต๊ะเจ็ดตัวในบ้านหลังนี้ บนโต๊ะวางแก้วไว้หนึ่ง ใบ ข้างในไม่รู้ว่าเป็นน้ำหรือของอย่างอื่น
หลังจากหยุดอยู่ในบ้านหลังนี้ ผู้รับผิดชอบกล่าวกับทุกคน ว่า “ตอนนี้พวกนายทุกคนไปเอาแก้วบนโต๊ะ ดื่มน้ำในนั้นลง ไป แล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นจะมีคนมาพาพวกนายไปขึ้น เฮลิคอปเตอร์โดยเฉพาะ รอเมื่อพวกนายฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พวกนายจะพบว่า พวกนายได้เข้าไปที่เทือกเขาสนาแล้ว
“ในแก้วใบนั้น ใส่อะไร พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจาก ดื่มน้ำในนั้นลงไปแล้ว จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหรือเปล่า มีคน ถาม
ผู้รับผิดชอบแสดงรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า และพูดว่า “น้ำในแก้วนี้จะทำให้พวกนายนอนหลับเท่านั้น ตอนนี้พวก นายมีสองทางเลือก ทางที่หนึ่งคือดื่มน้ำไปอย่างดีๆ และ นอนลงบนเตียง และอีกอย่างคือ เดินออกไปตอนนี้เลย ฉัน เชื่อว่าภายในสิบวินาที พวกนายก็จะไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกเลย จริงๆ”
ในใจทุกคนก็เต้นรัว แต่ในไม่ช้าก็เข้าใจว่า ตั้งแต่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ชีวิตของพวกเขา ก็ไม่ได้อยู่ในมือของพวก เขาอีกต่อไป
รพีพงษ์กลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย ในเมื่อเทือกเขาสนาไม่ ต้องการให้คนเหล่านี้รู้วิธีเข้าไปเทือกเขาสนา ก่อนที่จะ เข้าไป ให้พวกเขานอนก่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างอ่อนอยู่แล้ว
แต่เพื่อความปลอดภัย เขาก็ไม่ได้ไปดื่มน้ำบนโต๊ะก่อน
คนแรก
ในเวลาซินโตเหมือนจะรวบรวมความกล้า เดินไปที่หน้า โต๊ะหนึ่ง หยิบน้ำบนโต๊ะขึ้นมา ดื่มรวดเดียว จากนั้นนอนบน เตียง
“เชีย ถึงยังไงก็ตายอยู่ดี ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้อง กลัว”ชินโตกล่าว
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ล้มนอนลงบนเตียง และจากนั้นก็กรน
ขึ้นมา
จนถึงเวลานี้ ทุกคนก็สบายใจ เดินไปที่โต๊ะทีละคน หยิบ น้ำบนโต๊ะขึ้นมา ดื่มลงไป และนอนบนเตียง
เมื่อรพีพงษ์เห็น ก็เดินเข้าไป หลังจากที่ดื่มน้ำลงไป นอน บนเตียง จากนั้นไม่นาน อาการวิงเวียนศีรษะอย่างแรงก็แผ่ กระจายไปทั่วศีรษะ จากนั้น เขาไม่สามารถควบคุมเปลือกตา ได้ ค่อยๆหลับลึกลงไปเมืองริเวอร์
ในร้านอาหารลึกลับที่อยู่ในซอย ผู้ที่ผ่านการปลอมตัว ปกปิดตัวตน โยษิตาที่เปลี่ยนรูปลักษณ์การแต่งหน้าของตัว เองกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ยิ้มให้กับคนตรงข้าม
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโยษิตา คือเพื่อนที่ดีที่สุดของอารียา
บุษบากร
นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งที่แล้ว การติดต่อระหว่างบุษบากร อารียา ก็เปลี่ยนไปน้อยมาก อย่างแรกคือรู้ว่ารพีพงษ์ไม่มี ทางที่จะรู้สึกอะไรกับเธอ ไม่ว่าเธอจะทำยังไงก็ไร้ประโยชน์ อีกหนึ่งอย่างคือรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ตัวเองเคยทำลงไปกับอารี ยา ดังนั้นตอนที่เจอหน้าอารียา จึงมีความรู้สึกผิดอยู่เสมอ
ในตอนนี้ใบหน้าของโยษิตาดูเคร่งขรึม ยังนำพาความ กังวลและหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่า เธอกลัวโยษิตาที่นั่งอยู่ตรง ข้าม
“คุณเอาพ่อแม่ฉันไปไว้ที่ไหน? ต่อให้เรื่องครั้งก่อนฉันไม่ ได้ทำ คุณก็ไม่ควรที่จะลงมือกับพ่อแม่ฉันไม่ใช่เหรอ?”บุษบา กรจ้องไปที่โยษิตาแล้วถาม
โยษิตายิ้มให้เธอเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า ฉันมาหา เธอ ไม่ใช่เพราะเรื่องครั้งก่อน ตอนนี้พ่อแม่ของเธอยัง ปลอดภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะสามารถกลับมาได้หรือ เปล่า ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะให้ความร่วมมือกับฉันหรือเปล่า”บุษบากรนิ่งอึ้ง แล้วรีบถามทันทีว่า “ร่วมมือกับคุณเหรอ? คุณจะทำอะไรอีกเนี่ย? ครั้งก่อนฉันก็ทําร้ายอาร์ไปแล้วหนึ่ง ครั้งแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะทำเรื่องอะไรที่ผิดต่ออารีอีก
“หือ? พูดแบบนี้ เธอคิดว่าชีวิตของพ่อแม่เธอ เทียบกับนั่ง สารเลวอารียาคนนั้นไม่ได้เลยเหรอ?” โยษิตาหรี่ตา ระเบิด รัศมีความอาฆาตที่มองไม่เห็นออกมา
ร่างกายของบุษบากรสั่นสะท้าน หลังจากกัดฟัน แล้วก็พูด ว่า “คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่?
“เรื่องที่ฉันอยากให้เธอทำเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตอนนี้ร พงษ์เป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของฉัน เขาไม่อยู่เมืองริเวอร์แล้ว ฉันอยากให้หลังจากที่เขากลับมา พบว่าผู้หญิงที่เขารักมาก ที่สุด หายไปแล้ว เพียงแค่เธอร่วมมือกับฉัน หลอกให้หล่อน ออกมา ส่งให้กับพวกค้ามนุษย์ เสร็จสิ้นพวกนี้แล้ว ฉันจะส่ง พ่อแม่ของเธอไปถึงตรงหน้าเธออย่างสมบูรณ์” โยษิดากล่าว ด้วยรอยยิ้ม
บุษบากรลังเลอยู่นาน หน้าหงิกหน้างอ สามารถมองออก ได้ว่าเธอเจ็บปวดมาก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เงยหน้าขึ้น หายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องสัญญาว่า จะไม่แตะต้องพ่อแม่ฉันแม้แต่ปลายผม
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ