บทที่325 เขาเป็นดวงหายนะ
“พวกคุณ….พวกคุณมันจะมากเกินไปแล้วนะ เห็นได้ ชัดว่านายเอากระเป๋าของฉันไป ตอนนี้ยังจะให้พวกเรา เอาเงินให้นายอีก พวกคุณไม่มีเหตุผลเลย”ชนิสราจ้องไป ที่พ่อค้าด้วยความโกรธ
จากเดิมที่กระเป๋าของเธอหายไปทำให้กังวลมาก แต่ พ่อค้ากลับให้เธอเสียเงินอีก แม้ว่าจะชนิสราจะเป็นคน อ่อนโยน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่น
พ่อค้าจ้องไปที่ชนิสราอย่างดูถูกเหยียดหยาม และพูด ว่า: “จะบอกเธอให้ อยู่ในตลาดผักนี้ อาของฉันก็คือ เหตุผล อาของฉันบอกว่าอะไรก็คืออะไร หรือว่าเธอกล้า ที่จะไม่เชื่อฟังเหรอ?”
บนใบหน้าของนวัชหัวล้านก็ปรากฏร่องรอยความมีชัย เห็นได้ชัดว่าการได้รับคำชมจากพ่อค้า ทำให้เขารู้สึกมี ความสุข
รพีพงษ์จ้องไปที่นวัชหัวล้าน แล้วถาม: “นายเป็นคน ของธฤตญาณเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อนายรู้เบื้องหลังของฉัน ยังไม่รีบชดใช้ เงินคืนให้หลานชายของฉันอีกเหรอ ยังเซ้าซื้อยู่ได้”นวัช หัวล้านพูดมุ่งไปที่รพีพงษ์
“หลานชายของนายเอากระเป๋าของพี่สาไป เห็นแก่ หน้าของธฤตญาณ ตอนนี้ให้เขาเอากระเป๋าคืนกลับมา ฉันก็จะไม่ถือสาพวกนาย”รพีพงษ์ก็มีรัศมีที่ไม่อ่อนลง แต่ว่าเมื่อคำพูดนี้ของเขาพูดออกไป ฝั่งคนของนวัช หัวล้านก็หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังขึ้นมา ราวกับว่ารพีพงษ์ กำลังเล่าเรื่องตลก
“ตลกจริงๆ เมื่อกี้เขาบอกว่าเห็นแก่หน้าธฤตญาณจะ ไม่ถือสาพวกเรา เขาคิดว่าเขาเป็นใคร พูดราวว่าเขาและ ธฤตญาณสนิทกัน”พ่อค้าพูดอย่างเย้ยหยัน
“ไอ้หมอนี่ ความเข้าใจของนายมีปัญหาหรือเปล่า? ฉันเป็นคนของธฤตญาณ นายคิดว่าธฤตญาณเป็นคน ระดับแบบไหนกัน ถึงจะให้เกียรติกับขยะอย่างนาย หา?”นวัชหัวล้านก็แสยะยิ้มแล้วจ้องมองไปที่รพีพงษ์
“ฉันบอกธฤตญาณไปแล้ว แล้วเขาจะมาถึงที่นี่เร็วๆนี้ ถึงเวลานายก็จะรู้ว่าเขาจะให้เกียรติฉันหรือเปล่า”รพีพงษ์ พูดเบาๆ
นวัชหัวล้านก็ยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมาทันที แล้วพูด: “อยาก มาทำเป็นกล้าหาญไปหน่อยเลย กลอุบายของนาย ฉัน เห็นมามากมาย ธฤตญาณไม่ใช่ว่าใครอยากจะเจอก็ สามารถเจอได้ แม้แต่ฉันอยากจะเจอเขาก็ยังยากมาก นับประสาอะไรกับนายคงไม่ต้องพูดถึง”
“อา อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระกับมันเลย นี่ก็ล่าช้าอีก แล้ว เขาต้องชดใช้ให้ฉันสองหมื่นหยวน เรื่องวันนี้ก็จะ จบลง รีบให้เขาจ่ายเงินมาเถอะ ถ้าเขาไม่ให้อาก็ให้เขา ลิ้นลองความสุดยอดของอา”พ่อค้ากล่าว
“ไอ้เด็กน้อย ได้ยินหรือยัง นายจะชดใช้เงินหรือไม่ ชดใช้ ถ้าไม่ชดใช้ ก็อย่าโทษที่หมัดของลูกน้องฉันหนัก ไปหน่อยนะ”นวัชหัวล้านกล่าวอย่างเย็นชา
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย มองไปที่ฟอค้า แล้วพูด : “ก็ได้ ฉัน ชดใช้คืนให้นายสองหมื่น แต่ว่าสองหมื่นนี้บนตัวของฉัน ไม่มี กระเป๋าเมื่อกี้ที่นายเอาไปมีบัตรเอทีเอ็มของธนาคาร อยู่ นายเอากระเป๋าคืนมาให้ฉัน ตอนนี้ฉันก็ไปถอนเงินมา ให้นาย”
“จริงเหรอ?”สายตาของพ่อค้าเหลือบมองไปที่ แผงลอยของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ชนิสราไม่เข้าใจว่ารพีพงษ์ต้องการจะทำอะไร ใน กระเป๋าของเธอมีบัตรเอทีเอ็มธนาคารที่ไหนกันล่ะ เธอก็ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะรับปากยอมชดใช้เงินได้ง่ายดาย ขนาดนี้
“จริงแน่นอนสิ ดังนั้น กระเป๋าก็อยู่ที่นายใช่มั้ย?”บน ใบหน้าของรพีพงษ์ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“แก…แกแม่งอย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ กระเป๋าใบนั้น ฉันไม่ได้เอา แต่ว่านายสามารถบอกรหัสของบัตรเอทีเอ็ม ธนาคารให้ฉันได้ ฉันจะช่วยพวกแกหากระเป๋าใบนั้นเอง ถ้าฉันหาเจอ ฉันจะไปถอนเงินออกมาเอง ที่เหลือก็ยัง คืนให้พวกแก”พ่อค้ากล่าว
รพีพงษ์แสยะยิ้ม พ่อค้าก็พูดเช่นนี้แล้ว กระเป๋าใบนั้น อยู่ที่เขาอย่างแน่นอน รพีพงษ์พูดเช่นนี้ ก็เพียงเพื่อหลอก ล่อเขาเท่านั้นเอง จะไปรับปากให้เงินจริงๆได้ยังไง
“ไม่ต้องล่ะ ฉันรู้แล้วกระเป๋าอยู่ที่ไหน “รพีพงษ์เดินไป ยังสถานที่ที่พ่อค้าเพิ่งเหลือบไปมอง และเอื้อมมือไปหยิบ เสื้อผ้าที่อยู่ตรงนั้นขึ้นมา ข้างล่างมีกระเป๋าของชนิสราอยู่
ในเวลานี้ชนิสราถึงค่อยเข้าใจความหมายของรพีพงษ์ ในใจก็นับถือความเฉลียวฉลาดของรพีพงษ์ รีบพูดทันที: “นี่ก็คือกระเป๋าของฉัน ตอนนี้นายยังจะแก้ตัวยังไงอีกล่ะ?”
ฟอค้าคิดไม่ถึงว่ารฟีพงษ์พูดเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการ หลอกให้เขาเปิดเผยที่ซ่อนของกระเป๋า ก็ด่าในใจ และรีบ พุ่งเข้าไปแย่งกระเป๋าในมือของรพีพงษ์กลับมา
“เย็แม่ง กระเป๋าใบนั้นเป็นของฉัน แกปล่อยเดี่ยวนี้ นะ!”
รพีพงษ์เตะไปบนตัวพ่อค้าหนึ่งที แล้วพูดอย่างเย็น ชา: “ของนายเหรอ? นายสามารถบอกได้มั้ยว่าในกระเป๋า มีของอะไรบ้างล่ะ?”
พ่อค้าถูกรพีพงษ์เตะลงล้มอยู่บนพื้น เขาหันไปมอง นวัชหัวล้าน แล้วพูดว่า: “อา เขาลงมือกับผม แล้วทำไมอา ยังดูอยู่ได้โดยไม่สนใจอะไรเลยล่ะ?”
นวัชหัวล้านกำลังจะให้คนของตัวเองลงมือ สายตาก็ เหลือบมองไปที่ประตูของตลาดผัก ธฤตญาณพาคนกลุ่ม หนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าธฤต ญาณจะมาจริงๆด้วย อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองรพีพงษ์
หรือว่าเขาจะเรียกมาจริงๆเหรอ?
เพราะว่าเห็นธฤตญาณ นวัชหัวล้านเลยไม่กล้าลงมือ ถ้าหากว่าธฤตญาณมาเพื่อรพีพงษ์จริงๆ ถ้าตอนนี้เขา ลงมือ ธฤตญาณไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ในไม่ช้า ธฤตญาณก็นำพากลุ่มคนเข้ามาที่ฝูงชน ลูก
น้องของเขาเคลียร์ผู้คนออกไป ธฤตญาณเห็นพ่อค้าที่นั่ง อยู่บนพื้น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “นายมีปัญหากับรพี พงษ์เหรอ?”
พ่อค้าไม่เคยเจอธฤตญาณมาก่อน ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าธ ฤตญาณเป็นใคร จึงด่า: “แล้วแกแม่งเป็นใคร เป็นคนที่มา ช่วยที่ไอ้โง่นี้เชิญมาเหรอ? จะบอกแกให้นะ อาของฉัน เป็นคนของธฤตญาณ ถ้าแกรู้จัก ก็รีบไสหัวออกไปซะ”
ตอนแรกในวัชหัวล้านว่าจะทักทายธฤตญาณ และ อธิบายว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ใครจะไปคิดว่าเขายัง ไม่ทันได้พูด พ่อค้าก็ด่าว่าธฤตญาณออกมาซะก่อน
เขากลัวมากจนใบหน้าซีดเซียว จากนั้นก็รีบเดินไปที่ ตรงหน้าพ่อค้า แล้วตบลงไปบนหน้าของเขาหนึ่งครั้ง และ ด่าว่า: “แกแม่งจะให้ใครไสหัวหัวออกไป ท่านนี้ก็คือธฤต ญาณ แกไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วไปใช่มั้ย!”
คนรอบข้างก็ตกใจกับคำพูดของนวัชหัวล้าน คิดไม่ ถึงว่าธฤตญาณที่มีชื่อเสียง ตอนนี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ จริงๆ
หัวใจของพ่อก็เต้นแรงกึกๆ จากนั้นขนบนร่างกายลุก ขึ้นมา มองไปที่ธฤตญาณที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความ หวาดกลัว จากนั้นก็ลุกขึ้น ตรงไปคุกเข่าตรงหน้าธฤต ญาณ
“พี่ธฤต ผมมีตาหามีแววไม่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพี่ คำ พูดเมื่อกี้ของผมคือพูดจาเหลวไหล พี่อย่าได้ใส่ใจเลย ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมจะตบตัวเองเดี่ยวนี้แหละครับ” จากนั้น ฟอค้าก็ต้องไปที่ใบหน้าของตัวเอง
ธฤตญาณไม่ได้สนใจเขา แต่มองไปที่รพพงษ์ และ ถามอยากละอาย : “นี่….เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
รพีพงษ์กลอกตาไปที่เขา แล้วพูดว่า: “ฉันว่าหลังจาก ที่นายพาภรรยากลับมา ก็เริ่มไม่เอาการเอางานแล้วนะ ตลาดผักนี้เป็นที่ของนาย ยังมีคนประเภทนี้เข้ามาอยู่ด้วย นี่มันไม่ใช่สไตล์ของนายเลยนะ”
ธฤตญาณก็เกาหัวอย่างเขินอาย แล้วพูด: “นี่ก็เพิ่ง กลับมาไม่กี่วันเอง ทำไมล่ะ จะไม่ปล่อยให้ภรรยาของฉัน และฉันหวนคิดถึงความสัมพันธ์หน่อยเหรอ”
นวัชหัวล้านมองไปที่การพูดจาของทั้งสองคนราวกับ เป็นเพื่อนสนิทกัน ทันใดนั้นก็เกิดความวิตกกังวลในใจขึ้น มา ที่มาของไอ้เด็กนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่า วันนี้เขาจะโชคร้าย
รพีพงษ์บอกเรื่องราวทั้งหมดให้กับธฤตญาณ หลัง จากที่ธฤตญาณฟังจบ ก็หันหน้าไปมองนวัชหัวล้าน และ ถาม: “ตอนนั้นฉันเคยบอกแกแล้วใช่มั้ย ถ้าแกอยากให้ ญาติมาอยู่ทำมาหากินที่นี่ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของฉัน คำ พูดของฉันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของแกเหรอ?”
“พี่ธฤต นี่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผม ผมก็คิด ไม่ถึงว่าหลานชายของผมมันจะหน้าด้านขนาดนี้ ถึงขนาด ทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเช่นนี้ ผมก็เลยไม่ได้ช่วยไอ้ หลานชายเศษสวะนี้ พี่ธฤต กฎที่พี่พูดกับผมจำได้ ทั้งหมด”นวัชหัวล้านก็พูดทันที
ใจของฟอค้าด้านชาไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่าอาของตัว เองจะโยนความผิดเร็วขนาดนี้ วันนี้ตัวเองคงจะหนีไม่รอด แน่น
“เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้กับฉัน กระทืบ เขาให้ฉันซะ แผงลอยของเขาก็รื้อถอนออกไป หลังจากนี้ ห้ามไม่ให้ปรากฏตัวในตลาดผักแห่งนี้ เข้าใจไหม?”ธฤต ญาณกล่าว
“เข้าใจครับ เข้าใจแล้วครับ”เมื่อนวัชหัวล้านเห็นว่า ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ก็รีบตอบรับทันที
“พี่ใหญ่ ผลลัพธ์ที่ฉันจัดการแบบนี้ นายพอใจมั้ย?”ธ ฤตญาณยิ้มแล้วมองไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองไปที่ธฤตญาณ จากนั้นก็ หันหน้าไปมองนวัชหัวล้าน แล้วชี้ไปที่ชนิสรา และพูดว่า: “จำรูปร่างหน้าตาของพี่สาวท่านนี้ได้หรือยัง?”
“จำได้ครับ จำได้แล้วครับ !”นวัชหัวล้านก็ตอบกลับ
“ชื่อพี่สา”
“สวัสดีครับพี่สา!”นวัชหัวล้านร้องออกมาโดยไม่คิด อะไร
“ดีมาก ตั้งแต่วันนี้ไปแกก็คือลูกน้องของพี่สา หลัง จากนี้มาดูแลที่ตลาดผัก ต้องฟังพี่สา เธอก็คือลูกพี่ของ พวกแก ใครกล้ามีปัญหากับเธอ จุดจบคงไม่ต้องให้ฉัน บอกนะ พวกแกก็รู้ดีใช่มั้ย?”รพีพงษ์พูดต่อ นวัชหัวล้านนิ่งอึ้ง แต่ก็ไม่กล้าคัดค้าน แล้วตอบว่า: “เข้าใจครับ”
เขาหันหน้าไปมองลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง และตะโกนว่า: “ยังไม่รีบไปทักทายพี่สาอีก!”
กลุ่มคนไม่กล้าที่จะละเลย และกล่าวพร้อมเพรียงกัน ว่า: “สวัสดีครับพี่สา!”
สีหน้าชนิสราเต็มไปด้วยรู้สึกอาย และพูดว่า: “รพี พงษ์ อย่าก่อความวุ่นวายเลย ฉันจะเป็นลูกพี่ของพวกเขา ได้ยังไง”
“พี่สา อยู่ในสถานที่ตลาดผักแห่งนี้ ก็ควรให้คนที่ เข้าใจกับสถานการณ์ตรงนี้ และเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาดูแล พี่ก็ไม่ต้องเกรงใจพวกเขา อีกหน่อยในตลาดผักมีปัญหา อะไร พี่ก็บอกกับพวกเขาโดยตรงก็พอ พวกเขาไม่กล้า ฝ่าฝืนพี่หรอก”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน ที่ดงเย็น ท่ามกลางในคฤหาสน์
ศศินัดดาเคลื่อนย้ายสิ่งของในห้องของรพีพงษ์ออกมา ทีละนิด และทิ้งไว้ด้านนอกของคฤหาสน์
อารียาที่วิ่งออกกำลังกายในห้องออกกำลังกายชั้นบน ตึก เมื่อลงมาก็เห็นศศินัดดากำลังเคลื่อนย้ายสิ่งของของ รพีพงษ์ สีหน้าเต็มด้วยความสงสัย แล้วถาม: “แม่ค่ะ แม่ กำลังทำอะไรคะ?”
“ลูก แม่จะบอกกับลูกนะ ตอนนั้นแม่ให้เขาดูดวงบน โทรศัพท์ให้กับรพีพงษ์ เขาบอกรพีพงษ์เป็นดวงหายนะ บ้านใครอยู่กับเขา ชาตินี้ก็จะไม่มีความสุขสบายอีกเลย ทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องรีบขับไล่ความหายนะออกจาก บ้าน ลูกก็อย่ายืนอยู่เฉยๆเลย รีบมาช่วยแม่โยนสิ่งของ ของไอ้เศษสวะนี้ทิ้งซะ ความหายนะแบบนี้เราไม่สามารถ เก็บไว้ได้”ศศินัดดากล่าว
ศักดาอุ้มผ้าห่มของรพีพงษ์ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วย อย่างไม่ทางเลือกมองไปที่อารียา แล้วพูด: “พ่อพยายาม เกลี้ยกล่อมแม่แล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เขาก็บอกว่าฟอก็
เป็นความหายนะครึ่งหนึ่ง ถ้าพ่อไม่ช่วยแม่ขนของ แม่ก็
จะขับไล่พ่อออกไปพร้อมด้วยกัน”
อารียามองไปที่ศศินัดดาอย่างหมดหนทาง คิดไม่ ถึงว่าเธอจะเชื่อเรื่องหมอดูทางโทรศัพท์มือถือ แม่แท้ๆ ของเธอ ที่ทุกวันไม่มีอะไรทำ ก็จะสร้างปัญหาให้กับเธอ
“ถ้าแม่กล้าโยนสิ่งของของรพีพงษ์ออกไป อย่างนั้น หนูก็จะไปพร้อมกับเขา หนูเอาของหนูมาด้วย อีกหน่อยแม่ ก็เฝ้าคฤหาสน์นี้ไปด้วยตัวเองละกัน!”อารียากล่าว
“ลูก แม่ทำเช่นนี้ก็หวังดีกับลูกนะ รพีพงษ์เป็นดวง หายนะนะ มันจะนำหายนะมาสู่ผู้คน”ศศินัดดากล่าวอย่าง มั่นใจ
เมื่อตอนที่อารียาต้องการจะตอบโต้ เสียงกริ่งประตูก็ ดังขึ้น
คนที่มาคือวีธราที่เพิ่งถึงเมืองริเวอร์เมื่อคืนนี้และเป็น บอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ