พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่913 การแสดงอิทธิฤทธิ์



บทที่913 การแสดงอิทธิฤทธิ์

เรวัตกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับความสยดสยองบนใบหน้า การเตะเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์ นั้น น่ากลัวจริงๆ เขายังไม่ทันตอบสนองกลับคืนมา ร่างกายก็ยัง เข้าไปในกำแพงแล้ว

“เกิด….เกิดอะไรขึ้น? แกควรจะเชื่อฟังเป็นอย่างดีถึงจะถูก ทำไม….”

เสียงของเรวัตเล็กลงเรื่อยๆ การเตะของรพีพงษ์อาจทำให้ อวัยวะภายในของเขาแตกกระจาย เขาอยากมีชีวิตอยู่ คงต้อง รอให้เทพเจ้ามาช่วย

จิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนต่างก็ตกใจกับการเตะอย่างกะทันหัน ของรพีพงษ์ เมื่อเห็นเรวัตถูกเตะเข้ากำแพงไปทันที ทั้งสามคนก็รู้ ว่า ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ไม่ธรรมอย่างแน่นอน

“ให้ตายเถอะ เรวัตกลับพายอดฝีมือกลับมา รีบสร้างค่ายกล จัดการคนนี้ก่อน ค่อยจัดการกับเรื่องที่เหลือ

จิรัสย์ตะโกนเสียงดัง จากนั้นออกจากด้านข้างโต๊ะนั้นอย่าง รวดเร็ว บนมือก็ไม่หยุดที่จะจีบมือร่ายมนต์ ดูไปแล้วลึกลับผิด ปกติ

ธรณินทร์และนิรวิทย์ทั้งสองคนรีบไปยืนอยู่ข้างหลังของจิรัสย์ จีบมือร่ายมนต์ เหมือนกับจิรัสย์ ในพริบตาเดียว ทั่วร่างกายทั้งสามคนเปล่งแสงสีดำที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกมา ดูไปแล้ว แปลกเล็กน้อย

รพีพงษ์จับมุรามาสะด้วยมือข้างเดียว ดึงมันออกมาจากฝัก จากนั้นหรี่ตามองไปที่ทั้งสามคนแวบหนึ่ง แววตามาพร้อมกับ ความระมัดระวัง

ยอดฝีมือวิชาเวทย์เหล่านี้แตกต่างจากยอดฝีมือเนยจึงเป็น อย่างมาก การโจมตีของพวกเขามักจะจู่โจมอย่างฉับพลันขณะที่ อีกฝ่ายเผลอ ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่กล้าที่จะประมาท

จิรัสย์มองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชาว่า “เด็กน้อย แกเป็นใคร? จุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร?”

รพีพงษ์ส่งเสียงเย็นชา เอ่ยปากว่า “สิ่งนี้ฉันควรจะถามพวก แกมากกว่า ฉันได้รับให้มาร่วมงานเลี้ยงค็อกเทล แต่เกือบจะถูก ควบคุมจิตใจ แล้วจุดประสงค์ของพวกแกคืออะไร?”

“ฉันไม่ชอบวิธีการทางไสยศาสตร์ ในเมื่อวันนี้มาเจอเข้า ถ้า อย่างนั้นก็จะทวงความยุติแทนสวรรค์ เพื่อไม่ให้ผู้หญิงเหล่านี้ถูก พวกแกทําลาย”

จิรัสย์หรี่ตาลง พูดอย่างเย็นชาว่า “ความแข็งแกร่งของแกไม่ เลวจริงๆ สามารถรอดพ้นจากวิชาสะกดจิตของพวกเรามาได้ และสามารถเตะคนเข้ากำแพงได้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว แต่ พวกเราสามพี่น้องทะยานไปทั่วสารทิศมาหลายปีขนาดนี้ นักรบ ยอดฝีมือแดนดั่งเทพอย่างพวกแกก็เคยฆ่ามาแล้ว อย่างแก อยากจัดการพวกเรา แค่คนปัญญาอ่อนเพ้อฝันจริงๆ”
“พวกเรากลายเป็นค่ายผูกวิญญาณแล้ว ต่อให้แกจะความ สามารถที่มากมาย ก็อย่าได้คิดเข้าใกล้พวกเราได้แม้แต่ครึ่ง ก้าว!”

“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะประลองดูว่าพวกแกจะมี ความแข็งแกร่งแค่ไหน?”

ในขณะที่รพีพงษ์พูดอยู่ มุรามาสะเปล่งแสงออกมาอย่างฉับ พลัน ดูไปแล้วสามารถปลดปล่อยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ตลอด เวลา

จิรัสย์เห็นว่ารพีพงษ์สามารถทำให้ร่างของกระบี่เปล่งแสงได้ ในใจก็ตกใจ เดาได้ว่ารพีพงษ์ก็น่าเป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพคน หนึ่ง

เขาไม่กล้าละเลย จีบมือร่ายมนต์ในทันที ตะโกนเสียงดัง

“รวบรวม!”

ต่อจากนั้น แสงสีดำทั่วตัวทั้งสามคนหลอมรวมเข้ามาทางร พงษ์ในชั่วพริบตา จากนั้นบนพื้น ลวดลายที่คล้ายกับเวทมนตร์ คาถาสะกดก็ปรากฏขึ้น ล้อมรอบรพีพงษ์เข้าไป

รพีพงษ์ชักมุรามาสะในมือออกมา ฟันไปที่บนลวดลาย บนพื้น ปรากฏหลุมขึ้นมาหนึ่งบ่อ แต่ลวดลายกลับไม่ได้รับความเสีย หายแม้แต่น้อย

จิรัสย์หัวเราะเยาะรพีพงษ์ แล้วพูดว่า “เด็กน้อย ค่ายผูก วิญญาณของพวกเรามุ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณของมนุษย์ แกใช้ พลังทางกายภาพ ไม่สามารถทำลายกลยุทธ์ของพวกเราทั้งสามคนได้ แต่ยังมีบางอย่างที่เป็นไปได้ น่าเสียดายที่แกรอแต่ให้ พวกเราออกท่วงท่ามาโดยตลอด ตอนนี้ก่อตัวเป็นรูปร่างแล้ว แก ไม่มีโอกาสชนะแล้ว!”

เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็กำลังจะพุ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสาม คน แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว เวทมนตร์คาถาสะกดบนพื้นที่เปล่ง แสงออกมา ต่อจากนั้น ในหัวของรพีพงษ์ก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมา อย่างฉับพลัน

จากนั้นพลังสีดำก็โผล่ออกมาจากเวทมนตร์คาถาสะกดห่อหุ้ม ร่างกายของรพีพงษ์ไว้ พันรอบลำคอของเขาในทันที

แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่พันรอบลำคอของตัวเอง แต่ กลับเกิดความรู้สึกที่หายใจไม่ออก

ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนราวกับว่าทำให้ในหัวสมองของตัว เองเกิดภาพลวงตา หัวสมองจะคิดว่ามีคนกำลังบีบตัวเองอยู่ ร่างกายก็จะตอบสนองเองตามธรรมชาติ ถ้าหัวสมองคิดว่าตัว เองตายไปแล้ว ต่อให้ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บ คนก็จะมีอาการ สมองตายเกิดขึ้น

ถ้าหากจิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนจัดการกับยอดฝีมือแดนดั่ง เทพคนอื่น พบกับอำนาจจิตที่อ่อน อาจถูกสิ่งที่เรียกว่าค่ายผูก วิญญาณของพวกเขาฆ่าตายแบบนี้จริงๆ แต่รพีพงษ์เป็นคนที่มี พลังจิต จิตวิญญาณ ในหัวสมองเขาให้ความระวังกับจิตใจของ ตัวเองอยู่เสมอ แล้วจะปล่อยให้วิธีการแบบนี้คุกคามชีวิตตัวเอง ได้อย่างไร
เมื่อรพีพงษ์มองผ่านจากข้างใน แวบเดียวก็มองเห็นว่าพลังสี ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา จิตวิญญาณในสมองของเขา ลืมตาขึ้น และยื่นมือตรงออกไป คว้าพลังนั้นไว้ จากนั้นสะบัด เบาๆ คลื่นพลังนั้นก็สลายไป

จากนั้นมีแสงที่แผ่ออกมาจากบนตัวของจิตวิญญาณ ตรง เข้าไปแยกพลังสีดำทั้งหมดที่จะเข้าสู่ในสมองของรพีพงษ์อยู่ ภายนอก

ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่เรียกว่าค่ายผูกวิญญาณ ก็จะสูญเสียผลกระ ทบต่อรพีพงษ์ไปโดยสิ้นเชิง

ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิตวิญญาณในหัว สมองของตัวเองกลับแข็งแกร่งขนาดนี้ ตามที่จิรัสย์บอก ค่ายผูก วิญญาณของพวกเขาก็เคยฆ่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพมาก่อน คาด ไม่ถึงว่าจะอ่อนขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตวิญญาณของรพีพงษ์

ตัวเขาเองเริ่มสงสัยว่า ไม้เทพแดงไม่ได้ให้พลังจิตกับเขา แต่ ทำให้เขามีกลยุทธ์อัศจรรย์บางอย่างที่คนธรรมดาไม่มี

จิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนคิดว่ารพีพงษ์อยู่ภายใต้การควบคุม ของพวกเขาแล้ว บนใบหน้าต่างก็แสยะยิ้ม คิดในใจว่านักรบ เหล่านี้จองหองเกินไปแล้ว มักให้เวลาให้การจัดตั้งค่ายกลกับ พวกเขาตลอด

แต่ในวินาทีต่อมา พวกเขาก็เห็นรพีพงษ์เดินถือกระบี่มาทาง พวกเขา

“เกิดอะไรขึ้น รีบควบคุมเขา!
จิรัสย์ตะโกน ทั้งสามคนก็จีบมือร่ายมนต์พร้อมกัน พลังที่อยู่ เหนือเวทมนตร์คาถาสะกดครอบคลุมไปบนตัวของรพีพงษ์อย่าง ไม่หยุด แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์เก็บมุรามาสะกลับเข้าไปในฝัก กลยุทธ์ของทั้งสามคน ไม่มีผลกับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ก็ไม่ ต่างอะไรจากคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องใช้มุรามาสะมาจัดการ พวกเขา

เมื่อเห็นว่าค่อยผูกวิญญาณไม่มีผล เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาที่ หน้าผากของจิรัสย์พวกเขาทั้งสามคน

“ทำไม….ทำไมล่ะ? ค่ายผูกวิญญาณทำไมไม่มีผลกับเขา? ต่อ ให้เขาจะมีอำนาจจิตที่แข็งแกร่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปฏิ กิริยาใดๆเลย?”

รพีพงษ์มาถึงตรงหน้าจิรัสย์ กระตุกยิ้มมุมปากให้เขา และเอ่ย ปากพูดว่า “ฉันไม่เคยบอกว่านอกจากศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็ไม่มี กลยุทธ์อื่น”

หลังจากพูดจบ เขาก็ตบลงไปที่บนหน้าของจิรัสย์ทันที จิรัสย์ ล้มลงกับพื้น โดยที่ต้านทานไม่ได้

ธรณินทร์และนิรวิทย์ทั้งสองคนเห็นสิ่งนี้ หันกลับมากำลังจะวิ่ง หนี รพีพงษ์เตะออกไปสองอย่างรวดเร็ว ให้พวกเขาล้มลง เหมือนสุนัขกินอุจจาระ

พวกเขาทั้งสามล้มลงไป ค่ายผูกวิญญาณก็สลายไปในทันที จ รัสย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัว อยากจะให้วิชาสะกดจิตมาถ่วงเวลา

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาใช้วิชาสะกดจิต เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ มองไม่เห็นได้บุกเข้ามาในสมองของเขา ต่อจากนั้น จิรัสย์ก็ร้อง โอดโอย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันที คลานอาเจียน ฟองขาวออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ