พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่787 ท่าทีของรพีพงษ์



บทที่787 ท่าทีของรพีพงษ์

ในร้านราเม็งที่ไม่ใหญ่ร้านหนึ่ง

รพีพงษ์ ธฤตญาณ ฉายสุดาทั้งสามคนนั่งล้อมโต๊ะ บริกรเสิร์ฟราเม็งร้อนๆ ให้พวกเขา ด้านบนโรยต้นหอม กับ แผ่นเนื้อ

“ไหนว่ากันว่าเป็นราเม็งเนื้อไง ทำไมมีแต่เส้น ไม่มีเนื้อล่ะ ฉายสุดาถามประหลาดใจ

เธอเติบโตในบ้านวัชรชัย สัมผัสโลกภายนอกไม่มาก ร้านรา เม็งแบบนี้เธอไม่เคยกิน เมื่อกี้เห็นป้ายโฆษณาหน้าร้านช่างยั่ว น้ำลาย จนเธอกลืนน้ำลายไปสองสามคำ แต่ว่าราเม็งที่ยกมา ตอนนี้ ทำให้ได้แต่ยิ้มเก้อเขิน

รพีพงษ์กับธฤตญาณจ้องตากัน ต่างก็ยิ้มกันอย่างรู้ใจ ในใจ

คิดว่ายัยหนูนี่ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

“เธอไม่รู้เหรอว่านี่มันรูปโฆษณา? “ธฤตญาณเอ่ยปากถาม

“รู้สิ แต่มันไม่ใช่แบบนี้นี่นา แล้วจะไปใส่รูปนั้นทำไม แบบนี้ไม่ ถือว่าหลอกคนหรือไง”ฉายสุดายังคงจริงจัง

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด “เถ้าแก่เขาก็ไม่ง่ายหรอก ทำราเม็งก็มีกฎ เกณฑ์ ปีหนึ่ง ใช้เนื้อวัวได้ตัวเดียว ถ้าวันหนึ่งต้องขายออกไป หลายชาม แต่ละชามก็ใส่ได้แค่นี้แหละ”
ฉายสุดาส่ายหน้า พูด ที่แท้แบบนี้เอง ทำไมปีนึง ใช้วัวได้แค่ ตัวเดียวล่ะ เพราะการฆ่าวัวโหดร้ายเหรอ”

รพีพงษ์เห็นยัยหนูง่าย จึงพยักหน้า

“ไม่ต้องคิดเรื่องเนื้อวัวแล้ว ว่ามา มีอะไรจะบอก”รพีพงษ์เอ๋ย

ปาก

ฉายสุดารีบวางตะเกียบในมือลง มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้า ละอายใจ พูดขึ้นที่จริง วันนี้ฉันแอบหนีออกมา อีกอย่าง ที่ฉัน โดนพวกนั้นจ้อง เพราะฉันคอยสะกดรอยตามนาย พอพวกนาย เข้าไปในบาร์เหล้าฉันไม่กล้าเข้าไป ก็เลยรอข้างนอก ก็เลยเจอ อันธพาลพวกนั้นแหละ

รพีพงษ์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ สะกดรอยตามฉันทำไม

สีหน้าฉายสุดายิ่งสำนึกผิด ลังเลชั่วครู่ พูดออกมาอย่างๆ ….จากนั้น……….นายซะ อึ้งๆ สะกดรอยตามนาย……..

พอได้ยินคําพูดฉายสุดา รพีพงษ์กับธฤตญาณจึงแสดงสีหน้า ตกตะลึงทันที จากนั้น ธฤตญาณหัวเราะพรืดออกมา

ฉายสุดาเห็นธฤตญาณหัวเราะรุนแรง จึงหน้าแดงก่ำ จากนั้น มองเขาอย่างดุดัน หัวเราะอะไร ฉันตลกตรงไหน”

“เปล่าๆๆ พูดต่อๆ ไม่ขาละ”ธฤตญาณรีบหุบปาก

รพีพงษ์อดขำไม่ได้ แต่ก็กลั้นไว้

“จะฆ่าฉันทำไม”รพีพงษ์ถาม
“เพราะนายเป็นศัตรูของคุณนะ คุณปู่บอกนายเป็นวายร้าย ตัวฉกาจ จะเป็นอันตรายต่อตระกูลวัชรชัยของเรา ถ้าไม่ฆ่านาย คุณจะนอนไม่หลับ ตอนนี้พวกคุณกังวลเรื่องนี้มาก ฉันอยาก จะแบ่งเบาภาระคุณปู่ ก็เลยเกิดความคิดนี้” ฉายสุดาพูด

รพีพงษ์ยิ้ม คิดไม่ถึงว่ายัยหนูคิดถึงคนอื่นด้วย แต่ไร้เดียงสา ไปหน่อย

“แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความคิดแบบนี้แล้วล่ะ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึก ว่านายไม่ใช่วายร้ายอย่างที่คุณพูด ไม่งั้นนายไม่ช่วยฉันหรอก” ฉายสุดาพูดเสริม

“ฉันก็เลยอยากถามว่า ทำไมถึงช่วยฉัน ตอนนี้พวกเราต้อง เป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ นายช่วยฉัน ก็เท่ากับช่วยศัตรูสิ ฉายสุดา ถามคําถามในใจ

รพีพงษ์มองเธอเอ่ยปาก เธอก็บอกแล้ว ฉันเป็นศัตรูคุณปู่เธอ ไม่ใช่ศัตรูเธอ เธอก็เป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เธอไม่ควร ยื่นมือเข้ามาด้วย อีกอย่าง……..อให้ช่วยเธอ ก็ไม่ได้มีผล อะไรกับฉัน”

ฉายสุดาครุ่นคิดคำพูดรพีพงษ์ พอได้ยินคำพูดสุดท้าย รู้สึกไม่ สบอารมณ์ พูดขึ้น” ใครว่าฉันไม่มีผลกระทบกับนาย นายอย่า ดูถูกฉันเชียว ฉันร้ายกาจมากนะ”

“ในเมื่อเธอร้ายกาจขนาดนี้ ทำไมเอาอันธพาลพวกนั้นไม่อยู่ ล่ะ”รพีพงษ์ยิ้มถาม

“นั่น…..นั่นเป็นอุบัติเหตุ ที่ บอกให้ อย่าคิดว่าช่วยฉันแล้วนายจะดูถูกฉันได้นะ ถ้าฉันอาละวาด นายตกใจแน่”ฉายสุดา ตั้งใจจ้องเขม็งเพื่อให้ตัวเองดูน่าเกรงขาม

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร แต่แอบคิดว่าบดีศวรสั่งสอนหลานไม่เป็น

ดูจากฉายสุดาไร้เดียงสาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับการ ปกป้องอย่างดีตั้งแต่เด็ก จนเกือบจะกลายเป็นจารุณีอยู่แล้ว แต่ ว่าตอนนี้บดีศวรพาฉายสุดามาเกียวโต เพื่อมาดูการรบราฆ่าฟัน ถ้าเป็นไปตามคิดคงตั้งใจให้เธอมาฝึกปรือ

วิธีนี้ไม่ต่างอะไรกับการเร่งต้นกล้าให้โต สำหรับฉายสุดาแล้ว

ไม่ใช่เรื่องดี

ก็เหมือนกับผู้ปกครองที่ห้ามลูกมีความรักก่อนเรียน มหาวิทยาลัย แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัย ก็รีบเร่งให้ลูกหาแฟน

ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ฉายสุดาคงไม่คิดจะช่วยบดีควรแบ่งเบาภาระ

แล้วเกิดความคิดที่จะมาฆ่ารพีพงษ์โดยลำพัง

“แต่ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขอบใจนาย นายไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด ฉัน จะกลับไปบอก ไม่ให้พวกเขาดึงดันจะฆ่านาย” ฉายสุดากล่าว

รพีพงษ์ยื่นมือไปลูบหัวฉายสุดา พูด”อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลย ยัยหนู เธอไม่ฆ่าฉัน เกรงว่าคงนอนไม่หลับ แม้ว่าฉันจะไม่ได้มี บุญคุณความแค้นกับเขา แต่โลกของผู้ใหญ่ซับซ้อนนัก ทุกคน ต่างมีจุดประสงค์ของตัวเอง เวลานี้ ไม่มีการแยกแยะผิดชอบชั่ว ดีหรอ”

ฉายสุดาตะลึงงัน เธอไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดรพีพงษ์น่าตกตะลึงแต่ตอนทีรพีพงษ์ลูบหัว ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใย

แต่เด็กจนโต ไม่เคยมีใครลูบหัวเธอ

“ไม่ต้องตะลึงแล้ว รีบกินเร็ว เดี๋ยวเย็นหมด กินเสร็จฉันให้เขา ส่งเธอกลับ รพีพงษ์เอ่ยปาก

ฉายสุดาพยักหน้า ก้มหน้ากินราเม็ง จะว่าไป ราเม็งเนื้อน้อย

แต่รสชาติไม่เลว

ธฤตญาณจ้องฉายสุดา รู้สึกใจหาย คนที่ออกมาเตร่ตั้งแต่ อายุสิบกว่าอย่างเขา เคยได้ไร้เดียงสาแบบนี้ที่ไหน

แม้ว่าฉายสุดาเป็นคนตระกูลวัชรชัย แต่ความไร้เดียงสายังคง ไม่เปลี่ยนแปร

ในขณะเดียวกันเขารู้สึกโกรธในใจ ตระกูลวัชรชัยทำขนาดนี้

รพีพงษ์ไม่ปล่อยบดีศวรไว้แน่ และไม่รู้ว่าตอนที่บดีควรตายคา

มือรพีพงษ์ ยัยหนูนี่จะคิดยังไง

ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ธฤตญาณไม่คิดฟุ้งซ่านอีก หากแต่ยิ้ม ให้ฉายสุดา “จริงสิ เธออยากฆ่ารพีพงษ์ไม่ใช่เหรอ บอกได้มั้ยจะ ฆ่ายังไง”

ฉายสุดาได้ยินคำถามธฤตญาณ หน้าแดงก่ำ ค่อยๆ รวบรวม ความกล้าพูดขึ้นใช้กลยุทธ์สาวงาน เข้าใจยัง! ”

พอรพีพงษ์กับธฤตญาณได้ฟัง ก็หัวเราะฮากันขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ