พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่637 เดินเล่นในห้าง



บทที่637 เดินเล่นในห้าง

กลับมาถึงบ้าน รพีพงษ์เห็นฝนสุดาที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาใน ห้องรับแขก ก็รู้สึกแปลกใจ ความจริงเธอควรที่จะจับจ่ายใช้สอย อยู่ในห้างสรรพสินค้าเชร์สิงอย่างบ้าคลั่ง

“ทำไมคุณกลับมาเร็วขนาดนี้?” รพีพงษ์ถาม

ฝนสุดาเงยหน้าไปมองเขา แล้วกล่าวอย่างโมโหง่า “ไม่กลับ มาแล้วจะให้ยืนบ้าอยู่คนเดียวในห้างหรือไง”

“ก่อนหน้านี้คุณพูดว่าอยากซื้อของจนจะบ้าแล้วไม่ใช่หรอ ผม มอบห้างสรรพสินค้าเชร์สิง ให้คุณแล้ว คุณควรจะช็อปปิ้งอย่าง บ้าคลั่ง ถึงจะถูก?” รพีพงษ์ถามอย่างสงสัย

ฝนสุดายืนขึ้นมา กำหมัดอย่างโมโหแล้วชกไปที่รพีพงษ์

“ทำไมคุณถึงได้ขนาดนี้ คุณเคยเห็นการไปช็อปปิ้งคนเดียว ไหม งั้นฉันซื้อของออนไลน์ไม่ดีกว่าหรอ คุณเข้าใจถึงแก่นแท้ ของการช้อปปิ้งไหม คุณไปแล้ว ฉันเดินไปห้างคนเดียวไปมา อึดอัดไม่อึดอัด?” ฝนสุดาเกรี้ยวกราด

รพีพงษ์นึกได้ในทันที เขาไม่ได้คิดถึงปัญหานี้เลยจริงๆ ตอน นั้นคิดเพียงแค่ว่ารีบซื้อมือถือแล้วโทรหาอารียา

“คุณสามารถไปกับดาก็ได้หนิ ได้ซื้อชุดใหม่ให้เธอพอดีเลย ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยพวกเรา ในช่วงระยะเวลานี้” รพีพงษ์ กล่าว
ฝนสุดาได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ก็ยิ่งเพิ่มกำลังหมัดชกเข้าไป อีก

ไอ้เท่าไมโง่จัง สิ่งที่เธอให้ความสนใจไม่ใช่เรื่องการช็อปปิ้ง

แต่เป็นเรื่องที่ใครไปช็อปปิ้งกับเธอ คิดถึงการพีพงษ์อาจกำลังแกล้งทำเป็นโง่ ฝนสุดาก็รู้สึกหมด

เรี่ยวแรงขึ้นมา

สักพัก ฝนสุดาก็หยุดลง กลับไปนั่งที่โซฟา แล้วกล่าวอย่างไม่ พอใจว่า “บนโต๊ะนั่นคือโจ๊กรังนกที่ฉันทำเอง ทำครั้งแรก รสชาติอาจไม่ค่อยดีนัก แต่สารอาหารไม่น้อยไปกว่าที่คนอื่นทำ เลย คุณยังต้องรักษาบาดแผล รีบไปกินเถอะ”

รพีพงษ์หันไปมองที่โต๊ะอาหาร เห็นของเหนียวๆวางอยู่ตรง นั้น ในตอนที่เพิ่งเข้ามา เขาคิดว่าคืองาด่า ใครจะไปรู้ว่ามันคือ โจ๊กรังนก

เขายิ้มพลางเดินไป หยิบโจ๊กรังนกนั้นขึ้นมาคม แล้วถาม “เจ๊ คุณมั่นใจว่าโจ๊ก กินเข้าไป แล้วบาดแผลของผมจะไม่เจ็บมาก ขึ้น?”

“รพีพงษ์!!!” ฝนสุดาตะคอก อยากที่จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ

แม้วันนี้รพีพงษ์จะไม่ได้เป็นเพื่อนเธอช็อปปิ้ง แต่รีบโทรหาอารี ยาเพื่อแจ้งความปลอดภัย แต่ฝนสุดาคิดว่าไม่เป็นอะไร ถ้าร พงษ์เปลี่ยนใจง่ายขนาดนี้ เกรงว่าเธอก็คงจะไม่ชอบรพีพงษ์ไป นานแล้ว
ดังนั้นในตอนขากลับ เธอจึงคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างไรดี ให้รพีพงษ์เห็นข้อดีของตนเอง

สิ่งแรกที่เธอคิดได้ คือเปลี่ยนให้ตัวเองมีความสามารถมาก ขึ้น อย่างน้อย ต้องเข้าสังคมเป็น และทำอาหารเป็น เธอจึงดูตาม ในเว็บ ท่าโจ๊กรังนก

โจ๊กรังนกนี้เธอใช้ความพยายามอย่างหาที่เปรียบมิได้ หลาย ครั้งหลังจากที่ทำผิดพลาด ถึงได้ออกมาดีที่สุด ตอนนี้รพีพงษ์พูด ประโยคนี้ ทำเอาเธอโมโหอย่างมากจริงๆ

รพีพงษ์เห็นฝนสุดามีท่าทางจะระเบิดออกมา แล้วรีบกล่าว “ความจริงโจ๊กนี้เมื่อผมแล้วก็กลิ่นไม่เลวนะ ผมจะซึมเดี๋ยวนี้” รพี พงษ์รีบหยิบซ้อน กินไปหนึ่ง แล้วขมวดคิ้ว แต่ก็ทนกลืนมันลง ไปได้

“ไม่เลวไม่เลว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

“จริงหรอ?” ท่าทีของฝนสุดาดูซอฟท์ลงไปเยอะ

รพีพงษ์หลับตาแล้วพยักหน้า

“งั้นคุณรีบดื่มมันให้หมด ข้างในยังมีอีกถ้วย ของคุณทั้งหมด ฝนสุดาดีใจ

รพีพงษ์แข็งทื่อ ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ราวกับรูปปั้นอย่างไรอย่าง

ในขณะนี้เอง ประตูห้องถูกเปิดออก ดามาเดินออกมาจาก ด้านนอกด้วยสีหน้าบูดบึงแล้วยังใช้แรงปิดประตูอีก เห็นรพีพงษ์และฝนสุดาอยู่ในห้องรับแขก แค่ทักทายฝนสุดาเท่านั้น จากนั้น ก็กลับห้องตัวเองไป

รพีพงษ์ฉวยโอกาสนี้ รีบวางโจ๊กบนมือลง เดินไปที่ฝนสุดา แล้วถาม “เธอเป็นอะไร?” ฝนสุดาส่ายหน้า แล้วกล่าว “ดูเหมือนว่าจะไม่มีความสุขนะ

อาจเจอกับอุปสรรคอะไรสักอย่าง

พูดจบ ฝนสุดาก็เดินไปด้านหน้า แล้วถาม “ดา เธอเป็นอะไร?”

“พี่สุดา ฉันไม่เป็นอะไร อยู่คนเดียวสักพักก็จะดีขึ้นเอง” ดา มากล่าว จากนั้นก็เข้าไปในห้อง

ฝนสุดายักไหล่อย่างเซ็งๆ แสดงท่าที่ไม่รู้ว่าดามาเป็นอะไร ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ดามาออกมาจากห้อง ฝนสุดา รีบเดินไป สอบถามอย่างอดทนว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนแรกดา มาทําอย่างไรก็ไม่พูด แต่ฝนสุดาถามน้ำ ดา มาจึงค่อยๆพูดออกมา

ที่แท้วันนี้ตอนที่ดามาออกไปกับเพื่อนนั้น ถูกเพื่อนที่ความ สัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เยาะเย้ย เสื้อผ้าของเธอได้ใส่มาสองปี แล้ว เพราะซักบ่อย เสื้อผ้าเลยสีตก และกระดูกก็จะหลุด

วันนี้ตอนที่อยู่ด้านนอกเสื้อผ้าของดามา กระดุมหลุด จึงไม่ สามารถติดกระดุมได้ ทำเอาเธอขายหน้าอย่างมาก

ที่มาของรายได้ของครอบครัวดามามีเพียงที่เดียว ก็คือจากอาดุลและป้าพิชาออกหาปลา ช่วงสองปีมานี้ทะเลไม่ค่อยสงบ ดังนั้นรายได้ของอาดุลจึงน้อยมาก

มีเพื่อนนักเรียนจำนวนไม่น้อยรู้ถึงสภาวะการเงินของครอบ ครัวดามา คนส่วนมากเข้าใจ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็จะมีพวกที่ ครอบครัวมีฐานะ ชอบดูถูกคนอื่น

วันนี้ดามาโดนดูถูกอย่างรุนแรง ดังนั้นถึงได้โมโหมาก

ขนาดนี้

เมื่อได้ยินดามาพูด รพีพงษ์ก็รีบกล่าว “พี่ฝนสุดาของเธอ กำลังอยากไปช็อปปิ้งอยู่พอดี ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปห้างซื้อ เสื้อผ้ากับเธอ เพื่อนนักเรียนพวกนั้นของเธอไม่รู้เรื่อง อย่าใส่ใจ พวกเขาเลย”

ดามามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณพูดง่าย รายได้ เดือนๆหนึ่งที่พ่อแม่ฉันได้มาเพียงพอแค่ค่าใช้จ่ายประจำวันกับ ค่าเทอมเท่านั้น จะมีเงินให้ฉันซื้อเสื้อผ้าได้ไง แล้วตอนนี้เสื้อผ้าก็ แพง

คุณไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ ผมซื้อให้คุณเอง” รพีพงษ์ยิ้มพลาง กล่าว “ช่วงนี้คุณช่วยผมเอาไว้มาก จะซื้อเสื้อผ้าให้คุณก็ไม่ แปลก”

ดามามองไปที่รพีพงษ์อย่างสงสัย จากนั้นก็ใช้สายตากล่าว โทษจ้องไป แล้วกล่าว “นี่ คุณกรุณาอย่าทำให้พี่สุดาเครียดไป กว่านี้ได้ไหม คุณรู้ถึงค่าใช้จ่ายของพวกคุณในช่วงเวลานี้ไหม ล้วนเป็นพี่สุดาเอาเครื่องประดับตัวเองไปแลกทั้งนั้นนะเงินของคุณก็ไม่ได้มากไปกว่าฉัน ทำไมคุณพูดอย่างง่ายดายอย่างนั้น แม้คุณจะซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน แต่เงินก็ยังเป็นของพี่สุดา ฉันไม่เอา

รพีพงษ์รู้สึกเบื่อหน่าย ดูๆแล้วเด็กคนนี้อคติกับเขาไม่น้อยเลย มะ

ฝนสุดาเห็นดามาพูดแทนตน ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แล้ว กล่าว “ดา แม้จะไม่ซื้อเสื้อผ้า พวกเราไปเดินเล่นๆก็ได้หน พี่ อยากเดินห้างอยู่พอดี ถือว่าไปเดินผ่อนคลายล่ะกัน ว่าไง?

ดามายิ้มให้ฝนสุดา แล้วกล่าว “ได้สิ ถ้าแค่ไปเดินเล่น ก็ โอเค ยังไงก็เป็นพี่สุดาที่ดี ไม่เหมือนผู้ชายเลวๆบางคน คุยโว โอ้อวด”

รพีพงษ์รู้สึกเซ็ง เขาไม่เคยพูดโอ้อวด แล้วเขาก็รักเดียวใจ เดียว จะเป็นคนเลวได้ไง

“ใช่ วันนี้ฉันเพิ่งทำโจ๊กรังนก ทำนิดหน่อย ฉันรู้สึกไม่เลว ลอง

ดูสักหน่อยมั้ย?” ฝนสุดายิ้มพลางกล่าว

“ได้สิ แต่ฉันได้ยินมาว่ารังนกแพงมากเลยหนิ พี่สุดา คุณ ประหยัดหน่อย เพราะชายโฉดบางคนต้องการให้คุณดูแล ดาณิมากล่าว

“เฮ้อ นี่ไม่สำคัญ สำคัญคือฉันว่าฉันทำออกมาไม่เลว เธอรีบ มาซิมเถอะ” ฝนสุดารีบถือโจ๊กรังนกนั้นออกมาอย่างดีใจ

รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็ไอเบาๆสองครั้ง รีบหันหลังกลับห้องไป เขา ไม่อยากโดนบังคับไปกินโจ๊กรังนกนั้นอีกแล้ว
ประมาณสิบนาทีผ่านไป ตามามองไปที่โจ๊กนั้นอย่างสงสัย ในชีวิต ด้วยหน้าขาวซีด เมื่อเธอได้กลั้นใจกินโจ๊กถ้วยนั้น เข้าไปแล้ว

เพราะไม่อยากขัดจังหวะของฝนสุดา ดังนั้นเธอจึงพูดว่าโจ๊ก รังนก อร่อย

“ดา ในเมื่อเธอคิดว่าพี่ทำอร่อย งั้นทั้งหม้อนี้เป็นของเธอนะ ไม่ให้รพีพงษ์นั่นกินแล้ว รีบกิน ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเย็นนะ” ฝน สุดาได้รับความมั่นใจจากดาฌิมา จึงรู้สึกเชื่อมั่นอย่างมาก

ดามายิ้มแหยๆ รู้สึกว่าการที่ตัวเองตอบรับที่จะซึมโจ๊กรังนก ของฝนสุดานั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจริงๆ

เช้าของวันรุ่งขึ้น

ประตูของห้างสรรพสินค้าเซร์สิง รพีพงษ์และฝนสุดาพาดา มายืนที่นี่

ดามาจ้องไปยังอาคารสูงใหญ่อย่างแปลกใจ ในใจรู้สึกตื่น เต้น ตอนเด็กเธอเดินผ่านที่นี่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเดินเข้าไปเลย

ตอนนั้นพ่อของเธอบอกกับเธอว่าของด้านในแพงมาก พวก เขาซื้อไม่ไหว ดังนั้นดามาจึงไม่กล้ามาที่แบบนี้

ถ้าไม่ใช่รพีพงษ์กับฝนสุดาอยากพาเธอมาเดินเล่น เธอคิดว่า ต้องรอจนกว่าเธอทำงาน หาเงินได้แล้วจึงจะสามารถมาที่แบบนี้ ได้

“ไปกันเถอะ ไปเดินเล่นข้างใน ถ้าอยากได้อะไร ให้บอก ของข้างในนี้หยิบได้ตามใจชอบ ไม่ขี้โม้อย่างแน่นอน รพีพงษ์ยิ้ม พลางกล่าว

ดามามองบน แล้วกล่าว “พูดอย่างกับคุณเป็นเจ้าของที่นี่นั้น แหละ ไม่ละอายใจบ้างหรอ”

“ความจริง ผมก็คือเจ้าของที่นี่จริงๆนะ” รพีพงษ์กล่าว

“ผีเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ พี่สุดา พวกเราไปกันเถอะ ให้เขาฝัน

ต่อไป”

ดามาจูงมือฝนสุดา แล้วเดินเข้าไปในห้าง

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเบื่อหน่าย แล้วรีบเดินตามเข้าไป

ทั้งสามคนเดินเล่นในห้างด้วยกัน ดามาตื่นเต้น มองไป รอบๆ อย่างแปลกใจ

จากนั้นสามคนก็เดินไปชั้นสอง มองไปที่เสื้อผ้าที่วางอยู่เต็มไป

หมด ดามาเกิดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

สามคนมาถึงประตูร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่ง ดามา เห็นชุดชุดหนึ่ง จนเดินไปไหนไม่ได้

“ชอบก็ไปลองใส่ดู” ฝนสุดายิ้มแล้วกล่าว

“ได้ด้วยหรอ?” ดาณิมาลังเล

“แน่นอน ลองใส่ไม่คิดเงินสักหน่อย” ฝนสุดาลากดามาไป หยิบชุดนั้นลงมา

ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงประชดประชันดังขึ้นมา “เฮ้ย นี่มันดาณิมาลูกเป็ดขี้เหร่นี่หว่า ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าแกจะกล้ามาที่นี่ไง ยังจะกล้าลองชุดอีกหรอ? ฉันว่าแกวางมันลงดีกว่านะ นี่เป็นร้าน แบรนด์เนม ถ้าท่าสกปรก จะไม่มีปัญญาชดใช้นะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ