บทที่634 เขาให้ราคามากกว่าสามเท่า
ห้างสรรพสินค้าเซร์สิง
โซนทําการ ณ ห้องทํางานประธาน
เจ้าของห้างสรรพสินค้าเซร์สิงถรเจดกำลังนั่งอยู่กับชายหัว ล้าน นั่งยิ้มพลางฟังชายหัวล้านพูด คนนี้คือนายหน้าหลักของ ห้างสรรพสินค้าเชร์สิง คอนเน็คชั่นทั้งหมดของห้างสรรพสินค้า เชร์สิง ล้วนมาจากชายหัวล้านคนนี้ ถิรเจดมิกล้าเมินเฉยต่อเขา แน่นอน
“เจ้านายถิรเจด วางใจได้ ผมทำงานกับคุณมานาน ไม่มีทาง ให้ของขาดแน่นอน ในเรื่องของราคา เจ้านายอาจต้องยอมรับ มันหน่อยนะ” ชายหัวล้านกล่าว
ถิรเจดรีบกล่าว “แกสบายใจได้ ฉันรู้ว่าสถานการณ์ของเมือง ปากช่า ในตอนนี้ อยากที่จะหาของมา ฉันเพิ่มให้สักหน่อยก็ไม่ เป็นไร”
ปัจจุบันชายหัวล้านคนนี้ยึดตลาดสินค้าไว้ที่ตัวเองแต่เพียงผู้ เดียว แม้ว่าจะทําอะไรกับห้างสรรพสินค้าเชร์สิง แม้ถรเจดจะไม่ พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
ตอนนี้เขาเป็นหนี้ธนาคารอยู่ไม่น้อย ทุกๆวันที่ลืมตาขึ้นมา ก็ เต็มไปด้วยดอกเบี้ยเป็นแสนๆ ดังนั้นสินค้าของห้างขาดไม่ได้ เป็นอันขาด ถ้าสินค้าขาด แม้ห้างของเขาจะมีคนมากขนาดไหนแต่ไม่มีของขาย ก็จ่ายดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ดี
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอย่างมีความสุขอยู่นั้น ประตูของ ห้องทํางานถูกถีบออกทันใด เสียงดังปุง ทำเอาถรเจดและชาย หัวล้านตกใจกันเป็นแถวๆ
รพีพงษ์พารียะเข้าไปในห้องทำงาน แล้วมองไปรอบๆอย่าง สงบ กล่าว “ใครเป็นพ่อของมัน?”
ถิรเจดเห็นลูกชายตนเองถูกลากอย่างนกตัวน้อย ก็รีบยืนขึ้น แล้วกล่าว “แกเป็นใคร จับลูกฉันไว้ทำไม?”
รพีพงษ์มองไปที่ถรเจด แล้วกล่าว “ลูกชายแกทําผิด ฉันมา เอาค่าเสียหาย
ถิรเจดหลับตา มองไปที่ลูกชายของตน ถาม “แกไปทำอะไร
“พ่อ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พ่อรีบให้คนจับมันเอาไว้ มันเลว ตั้งใจมาหาเรื่องถึงที่!” ตุริยะรีบตะโกนออกมา
รพีพงษ์บีบแขนของดุริยะ ดุริยะเจ็บจนร้องออกมา แล้วร้องขอ ว่า “หยุดหยุดหยุด ฉันทำผิดไปแล้ว”
ถิรเจดเห็นลูกตัวเองถูกรังแก ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วกล่าว “แกเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไร?!”
รพีพงษ์เล่าเรื่องที่ดุริยะสร้างขึ้นที่โรงจำนำ
ถิรเจดได้ฟัง ก็ดูแคลน เขาทราบเรื่องเหล่านี้ของลูกชายดี แต่เขามองว่า ลูกชายเขามีสิทธิ์ทำแบบนี้ ใครก็ทำอะไรลูกชายเขา ไม่ได้ นั่นก็แสดงว่าคนอื่นไร้ศักยภาพ
แล้วถึงขึ้นไปโรงจำนำแล้ว ต้องเป็นคนที่ไร้ศักยภาพแน่นอน ถิรเจดกล่าวทันทีว่า “ลูกชายฉันชอบหญิงคนนั้น ถือว่าเธอโชคดี ท่าไม หรือแกจะมาหาความยุติธรรมที่ฉัน? รีบปล่อยลูกชายฉัน ซะ แล้วไสหัวไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!
รพีพงษ์เห็นท่าทางของถรเจด ก็รู้สึกบึงขึ้นมา แล้วกล่าว “ที่แท้ ก็ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ความจริงฉันยังคิดเลยนะว่าถ้าแกดีกว่านี้ สักหน่อย ฉันอาจจะเมตตากว่านี้ ตอนนี้ดูๆแล้ว ไม่จำเป็นแล้ว หล่ะ”
“แกจะทำอะไร?” ถิรเจดจ้องรพีพงษ์ มือข้างหนึ่งยื่นไปที่โต๊ะ กดไปที่ปุ่มสีแดง
“ความผิดของลูกชายแก ไม่ใช่แค่คำพูดคำแล้วจะหายนะ เอาห้างสรรพสินค้าเชร์สิง ให้ฉันซะ มิเช่นนั้น แกจะต้องแลก กับชี จิตลูกชายของแก!” น้ำเสียงของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความแค้น
หลังจากที่ถรเจดได้ยินแล้วนั้น ก็ตาค้าง แล้วแสดงท่าทางเยาะ เย้ย
“เด็กน้อย แกไม่ได้เสียสติ ใช่ไหม? แกจะให้ฉันเอาห้างสรรพ สินค้าเชร์สิงให้แก? แกคิดว่าแกเป็นใคร? อยู่กับความฝันมาก เกินไปเปล่า?” ถิรเจดประชด
ชายหัวล้านที่นั่งข้างๆหัวเราะขึ้นมา รู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ช่างตลกสิ้นดี
รพีพงษ์ส่ายหน้า แลดูแล้วถ้าไม่ทำอะไร พวกเขาน่าจะไม่รู้ว่า กำลังยั่วโมโห ใครอยู่
แต่รพีพงษ์ยังไม่ลงมือ ก็มีเสียงเดินทางมา จากนั้น ก็เป็นคนที่
สวมชุดรปภ.พุ่งเข้ามา
ถิรเจตเห็นคนพวกนั้น ก็รีบตะโกนว่า “ไอ้นี่มันจับลูกชายฉัน รีบจัดการมันซะ!”
รปภ.พวกนั้นพุ่งไปที่รพีพงษ์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมือในทันที รพีพงษ์ปล่อยรียะ ก่อนที่พวกรปภ. จะมาถึงตัวเขา ก็ได้ปล่อย หมัดออกไปแล้ว
รปภ.พวกนี้เก่งกว่าคนธรรมดานิดหน่อย หมัดของรพีพงษ์ ต่อยพวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ไม่นาน คนก็นอนเต็มใน ห้องทํางาน
ถิรเจดเพิ่งจะรู้ถึงความสำคัญของปัญหานี้ เขาไม่คาดคิดว่า รพีพงษ์จะเก่งขนาดนี้ รปภ.ที่เขาฝึกฝนมาจะมาพ่ายต่อหน้าร พงษ์ได้
รอยยิ้มของชายหัวล้านเริ่มหายไป จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมา เพื่อ จะออกไปจากที่นี่ เพื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้น
“น้องชาย ผมไม่ได้เป็นพวกเขา ผมเป็นแค่นายหน้าหาสินค้า ของห้างพวกเขาเท่านั้น วันนี้มาคุยงาน ในเมื่อพวกคุณมีธุระ งั้น ผมก็จะไม่ขัดขวางพวกคุณ แก้ไขกันดีๆนะ ผมไปก่อน
รพีพงษ์ยื่นมือไปขวางไว้ แล้วถาม “แกคือนายหน้าหาสินค้าห้างสรรพสินค้าเซร์สิง?” คนนั้นพยักหน้า
รพีพงษ์เกิดความคิดขึ้นมา ความจริงเขาคิดวิธีที่จะให้ถรเจต โอนห้างให้เขาได้แล้ว แต่หลังจากที่รู้ว่าคนนี้คือนายหน้าหา สินค้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงแล้วนั้น เขาจึงคิดวิธีที่ง่ายกว่า นั้นออก
รพีพงษ์มองไปที่ถรเจด ยิ้มแล้วถาม “ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ โอนห้าง ให้ฉัน แล้วฉันจะไม่ใส่ใจกับเรื่องในวันนี้อีก และฉันยัง ให้นอกอีกหนึ่งล้านสําหรับการซื้อห้างนี้ มิเช่นนั้น พวกแกจะต้อง ได้รับผลที่ยากเกินจะรับได้
แม้ถรเจดจะกลัวรพีพงษ์อยู่บ้าง แต่ห้างนี้ ราคาห้าสิบล้านอัพ หนึ่งล้านซื้อห้างนี้ ไม่ต่างอะไรกับแย่งไป
เขาดูแคลน แล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้ ซื้อห้างฉันในราคาหนึ่ง ล้าน ทำไมไม่แย่งไปเลยล่ะ? แม้ลูกชายฉันจะทำผิด แกก็ไม่มี สิทธิ์ขอมากขนาดนี้ ฉันให้แกหนึ่งล้าน จบเรื่อง ถ้าไม่ได้ แกอย่า ว่าฉันใช้อุบายล่ะกัน เด็กน้อย แกต้องรู้นะ ในสังคมนี้ แค่ชกต่อย เก่งหนะ ไม่พอ!”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วไม่พูดใดๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่ชายหัวล้าน แล้ว กล่าว “แกออกไปกับฉัน
ชายหัวล้านกลัวขึ้นมา แต่เขากลัวรพีพงษ์ลงมือ จึงทำได้เพียง ออกไปกับรพีพงษ์
รพีพงษ์ยื่นมือไปปิดประตู
ดุริยะเดินไปด้านหน้าของถรเจด มองไปที่พ่อของตัวเองอย่าง สงสัย แล้วกล่าว “พ่อ พ่อว่ามันคิดจะทำอะไร?
ถิรเจตมองมองเขาอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าว “ไม่ว่ามันติดจะ ทำอะไร ก็ไม่มีทางแย่งห้างสรรพสินค้าเชร์ส่งไปได้ ก็แค่คนโง่คน นึง จะรู้เรื่องธุรกิจได้ไงกัน น่าจะได้ยินเค้าพูดว่าเป็นนายหน้าหา สินค้า จึงได้ขอความช่วยเหลือเค้ามั้ง”
“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ งั้นวิธีที่เขาใช้ก็ยังงี่เง่าเหลือเกิน นาย หน้าคนนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางช่วยมึนต้องช่วยเราอยู่แล้ว ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” ตุริยะเหยียดหยาม
“พอล่ะ แกยังว่ามันอีก ถ้าไม่ใช่เพราะแก จะมีปัญหามาก ขนาดนี้หรอ” ถิรเจดชักตาไปที่ดุริยะ
ตรียะรีบกล่าว “พ่อ ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำอีกต่อไปแล้วเค
ไหม”
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ประตูของห้องทํางานถูกเปิดออก อีกครั้ง รพีพงษ์กับชายหัวล้านเดินเข้ามาอีกครั้ง
ขณะนี้ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มี ความเกรงกลัวต่อรพีพงษ์แต่อย่างใด
“ผู้จัดการถรยุทธ์ ไม่ว่าไอ้เด็กนี่จะพูดอะไรกับคุณ คุณอย่าถูก มันหลอกล่ะ ผมยอมเพิ่มสอบเปอร์เซ็นต์จากกำไรให้คุณ คุณคิด ว่ายังไง?” ถิรเจดมองไปที่ชายหัวล้านด้วยรอยยิ้ม รู้สึกมีอะไรไม่ เข้าท่า จึงรีบพูดออกมา
ขายหัวล้านยิ้ม แล้วกล่าว “เจ้านายกินเจต เอาจริงๆ คุณไม่รู้ ตัวตนของท่านเลยด้วยซ้ำ วันนี้ผมไม่มีทางช่วยคุณแน่นอน”
“ผมขอประกาศ การค้าระหว่างบริษัทของเรากับคุณ หยุดลง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สินค้าของห้างคุณ หาคนอื่นทำละกัน” ถิร เจตมึนงง เขาไม่คาดคิด แค่ช่วงเวลาสิบนาทีสั้นๆ นายหน้าคนนี้ จะหยุดการค้าเพื่อรพีพงษ์ได้ ไม่รู้จริงๆว่ารพีพงษ์พูดอะไรกับเขา
“ผู้จัดการถรยุทธ์ คุณเป็นอะไร พวกเราทำการค้าด้วยกันมา ตั้งหลายปี ทําไมคุณถึงพูดค่าพูดแบบนี้ออกมาได้ เอางี้ ผมจะให้ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากกําไร นี่สุดๆล่ะ คุณน่าจะเข้าใจผมนะ?”
ถ้าของขาด ห้างสรรพสินค้าเชร์สิงจะเผชิญกับการขาดเงิน หมุนเวียน ถึงเวลานั้น ถิรเจดไม่เพียงล้มละลาย ไม่แน่ เขาอาจฆ่า ตัวตายเลยก็เป็นได้
ชายหัวล้านมองไปที่ถรเจดอย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “คิดจะ ซื้อผมโดยให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากกำไร เจ้านายถิรเจด คุณใจ กว้างมากเลยนะ”
“ผมจะบอกให้ น้องชายท่านนี้ให้ราคามากกว่าสามเท่าเพื่อ ซื้อของเหล่านั้นของผม นอกเสียจากคุณ ให้ผมสามร้อย เปอร์เซ็นต์จากกำไร มิเช่นนั้น เรื่องนี้ ไม่ต้องมาคุยกันอีก!”
ถิรเจดงงเป็นไก่ตาแตก มองไปที่รพีพงษ์อย่างตื่นตระหนก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ