บทที่623พุ่งลงหน้าผา
ที่หน้าผาเงาร่างสิบกว่าร่างนอนกองอยู่บนพื้น ต่างก็ไร้ซึ่งความ เคลื่อนไหว
อนันยายืนอยู่ข้างหลังของคนที่ยังหายใจอยู่ มองไปด้วย
สายตาเย็นชา
“แกทำให้คุณหนูของพวกเราตาย พวกเราคนตระกูลก้องวณิช กุลจะไม่ปล่อยแกไว้แน่! “คนๆนั้นกัดฟันกรอด ตะโกนไปที่ อนันยช
“ตระกูลก้องวณิชกุล ที่ญี่ปุ่นนั่นนะ”อนันยซพูดเสียงเรียบ
“ในเมื่อแกรู้แล้ว ก็ไปรับผิดที่ตระกูลก้องวณิชกุลเสียสิ ไม่งั้น แกไม่ได้ตายดีแน่”คนๆนั้นพูดต่อ
อนันยชยิ้ม ถามขึ้น”แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร
คนๆนั้นชะงัก จู่ๆรู้สึกว่าอนันยชพูดใจดำ เขาไม่รู้จริงๆว่าผู้ หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือใครกัน ที่นี่ห่างจากภาคพื้นดินเสียด้วย แค่ใช้กลยุทธ์นิดหน่อย ก็แทบจะตรวจสอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ที่จริงขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ผมชื่ออนันยชจากตระกูลนิธิวรส กุล”อนันยชค่อยๆเอ่ยปากขึ้น
คนๆนั้นจ้องถมึงทึง ในฐานะตระกูลชั้นนำระดับโลก แน่นอน ว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลนิธิวรสกุล
“แค่แกไม่สามารถถ่ายทอดข้อความออกไปได้แค่นั้นเอง
พูดจบ อนันยชยกเท้าขึ้น เหยียบลงไปบนคอของคนๆนั้น ออกแรง คนๆนั้นดิ้นร้าวรานอยู่สองสามที จากนั้นจึงนิ่งสงบลง หลังจากที่จัดการคนสุดท้ายเรียบร้อย อนันยชจึงเดินไปที่ริม
หน้าผา มองลงไปยังหน้าผาที่มืดสนิท มีเสียงคลื่นกระทบตามหิน
ผาดังมา
ตัวเขาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าด้านหลังจะมีการเปลี่ยนแปลงไปถึง เพียงนี้ คุณหนูแห่งตระกูลก้องวณิชกุลพารพิพงษ์ทุลักทุเลไปยัง หน้าผา
คนของตระกูลนิธิวรสกุลอีกคนหนึ่งเดินไปหยุดอยู่ข้างหลัง อนันยช เปิดปากพูดขึ้น “คุณชายครับ ศักยภาพตระกูลก้องวณิช กุลประมาทไม่ได้นะครับ แม้ว่าคนที่นี่จะได้รับการจัดการไปหมด แล้ว แต่เราคาดเดาไม่ได้ว่ามีบางส่วนที่ได้หลบหนีออกไปหรือ เปล่า ถ้าเรื่องถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะทำให้ตระกูลก้อง วณิชกุลโดนซ้ำเติม”
“ไหนๆก็ ที่นี่ไม่ใช่ภาคพื้นดิน จะตรวจสอบก็ไม่ง่ายนัก แล้วก็ แค่ตระกูลก้องวณิชกุลตระกูลเดียวเอง แต่ต่อไปคงไม่แล้วล่ะ ผม อนันยช จะทำให้ตระกูลนิธิวรสกุลก้าวขึ้นสู่เวทีให้ได้! ”
อนันยชเต็มไปด้วยความผยอง ทั่วร่างสั่นสะท้านไปด้วย พลังงานปฏิปักษ์
คนของตระกูลนิธิวรสกุลคนนั้นก็ตกตะลึงด้วยพลังงานของอน นยช จึงรีบยกมือขึ้นคำนับ”คุณชายปราดเปรื่อง ”
“แกบอกว่าพวกเขาสองคน ตกลงไปจากตรงนี้ คิดว่ายังมี โอกาสรอดชีวิตไหม”อนันยชถามขึ้น
คนๆนั้นหันไปทางหน้าผามองที่หนึ่งแล้วพูดขึ้นจากตรงนี้ถึง ข้างล่างน่าจะราวๆสักหนึ่งร้อยเมตร แล้วด้านล่างก็เป็นน้ำทะเลที่ ประมาณความลึกไม่ได้ ริมฝั่งที่ปีนขึ้นมาได้โดยรอบ และใน ระยะรัศมีไม่กี่กิโลเมตรนี้ รพีพงษ์ที่โดนคุณชายซ้อมเสียปางตาย อีกคนก็เป็นเพียงผู้หญิงร่างบอบบาง ถ้ามีชีวิตรอด ก็นับว่า ปาฏิหาริย์แล้วครับ กระผมคิดว่า ไอ้สวะนั่น สวรรค์ไม่น่าจะช่วย เหลือดูแล”
อนันยชยิ้มขึ้น จากนั้นหันตัวกลับ เดินไปทางหน้าผา
“จัดการตรงนี้ให้เรียบร้อยหน่อย รพีพงษ์มันตายแล้ว ปล่อย ข่าวออกไปแบบนี้ ต่อให้พวกเราไม่ทำอะไร พวกศัตรูตระกูลลัด ดาวัลย์ที่ผ่านมา จะปล่อยเอาไว้สักคนไม่ได้ทั้งนั้น
“ครับ!
ที่บ้านของณัฐ
อาใฝ่ธรรมกับป้าภคทีมาทั้งคู่กำลังง่วนอยู่ในครัว ณัทก็คอย เป็นลูกมืออยู่ข้างๆ อารียายืนอยู่ด้านข้างอยากเข้าไปช่วย ก็โดน อาใฝ่ธรรมกับป้าภคที่มาขวางไว้
“คุณอาใฝ่ธรรมคุณป้าภคที่มาคะ ให้หนูช่วยนะคะ ไม่อย่าง นั้นหนูอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำ
อารียา ปิดปากพูด
“ไม่ต้องไม่ต้อง หนูร่างกายบอบบาง เรื่องแบบนี้ให้นักท่ เถอะจ๊ะ หนูไปนั่งรอเถอะนะ พวกเราทำแป๊บเดียวเสร็จ คุณอา ภัคทีมาพูด
อารียาได้แต่เดินไปที่โต๊ะอาหารอย่างอ่อนใจ เธอเหลือบดู เวลา คิดว่ารพีพงษ์ออกไปนานมากแล้ว ตามหลักก็น่าจะจัดการ ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก
คิดอยากจะถามว่าตอนนี้รพีพงษ์อยู่ที่ไหน อารียาหยิบมือถือ ออกมาก กดโทรหารพิพงษ์
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ เสียงที่ เย็นชาดังลอดมาตามสายโทรศัพท์
อารียาขมิ้นคิ้ว บ่นพึมพำ “ตานี่นี่นะ ทำไมถึงปิดโทรศัพท์นะ
หรือว่ากลัวว่าฉันจะไปรบกวนเขา”
แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วางมือถือไว้ข้างตัว แล้วรอต่อไป
ผ่านไปไม่นานนัก คุณอาใฝ่ธรรมกับคุณป้าภคที่มาทำอาหาร เสร็จแล้ว จึงยกอาหารขึ้นวางบนโต๊ะอาหารวางเรียงเต็มโต๊ะ ล้วนเป็นอาหารถนัดของคุณอาใฝ่ธรรมและคุณป้าภคที่มาแค่ดูก็ ยั่วน้ำลายแล้ว
“พี่แคลร์ ก็เพราะพี่กับพีรพีพงษ์อยู่นี่แหละพ่อกับแม่ถึงทำ อาหารดีขนาดนี้ ถ้าเป็นผมอยู่บ้านนะก็คงมีแต่ผักดองแหละ”ณัท วางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ พูดอย่างขบขัน
คุณอาใฝ่ธรรมกับคุณป้าภคที่มาจ้องเขาตาเขม็ง คุณป้าภคที มาพูดขึ้น พวกเราจะทำให้แกหิวแล้วเป็นไง ถ้าแกไม่พอใจ มื้อนี้ อย่ากินเลย”
ทรีบอ้อนวอน แล้วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร
“รพีพงษ์ไปไหนเนี่ย ทำไมปานนี้ยังไม่โผล่อีก” คุณป้าภคที่มา มองดูอารียา แล้วถามขึ้น
“เขามีธุระต้องจัดการน่ะค่ะ เมื่อกี้หนูโทรหาเขา แต่ว่ามือถือ ปิด คงแบตหมดน่ะค่ะ ประเดี๋ยวก็คงกลับ “อารียาเอ่ย
คุณป้าภคที่มาพยักหน้า ยิ้มเอ่ย ไม่เป็นไรจ๊ะ ไม่รีบ พวกเรารอ รพีพงษ์กลับมากินข้าว
อารียาตอบรับ หากแต่ในใจกลับรู้สึกไม่มั่นคง รพีพงษ์ปิดมือ ถือ เป็นครั้งแรกที่ปิดนานขนาดนี้ ปกติรพีพงษ์ไม่ค่อยเล่นมือถือ วางไว้ทั้งวันแบตก็ไม่มีปัญหา ตามหลักแล้วแบตไม่น่าจะหมด นา และรพีพงษ์ก็บอกอารียาเอาไว้ เพื่อให้เธอติดต่อได้ รพีพงษ์ จะเปิดเครื่องไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
หรือว่าคนตระกูลเชาวกรกุลจะรับมือยาก ขนาดรพีพงษ์ก็ยัง รับมือไม่อยู่
อารียานิ่งงัน จากนั้นหยิบมือถือออกมา โทรหารพิพงษ์
มือถือยังคงปิดอยู่
อารียาครุ่นคิด จากนั้นจึงโทรหาฝนสุดา
มือถือก็ปิดเหมือนกัน
อารียารู้สึกร้อนใจขึ้นมา ในหัวคิดอะไรฟุ้งซ่านต่างๆนานา “คุณอาใฝ่ธรรมคุณป้าภคที่มาคะ ทานกันไปก่อนนะคะ หนู ออกไปตามหารพีพงษ์หน่อย ให้เขารีบกลับ
อารียาผลุงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทางด้านนอก
ในเวลานี้เอง ผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง หลังจากที่ เห็นอารียา จึงพยักหน้า “ขอเรียนถาม คุณคือคุณอารียา ใช่ไหม ครับ”
อารียามองชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง แล้วพยัก หน้าตาม”ฉันเอง มีอะไรคะ”
“ขอให้คุณรีบเก็บของเดี๋ยวนี้เลยครับ แล้วตามผมออกจากที่นี่ ผมเตรียมเรือไว้แล้ว นอกจากของมีค่า ทิ้งเอาไว้อย่าเพิ่งเอาไป ตอนนี้ต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน”ชายคนนั้นกล่าว
อารียาหวาดกลัวขึ้นมาทันที ครอบครัวคุณอาใฝ่ธรรม ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจู่ๆคนๆนี้อยากทำอะไร
“ฉันไม่รู้จักคุณ ทำไมต้องไปกับคุณ
คนๆนั้นถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ จากนั้นจึงหยิบสร้อย เส้นหนึ่งขึ้นมา ผมมารับคุณตามคำสั่งของคุณหนูนะครับ คุณหนู บอกว่าคุณเห็นอันนี้แล้วจะเข้าใจเอง
อารียาจ้องมองสร้อย ม่านตาหดลง นี่คือสร้อยคอของฝนสุดา
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น คุณเล่ามาให้ละเอียด อารียาเปิดปาก
กาม
“หลังจากที่คุณหนูกับคุณรพีพงษ์จัดการกับตระกูลเชาวกรกุล ตอนกลับมาเจอคนสองคนที่อ้างว่าเป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล มีคนหนึ่งฝีมือเฉียบขาดมาก คนของเราตายด้วยน้ำมือเขาเกือบ ทั้งหมด คุณหนูกับคุณรพีพงษ์ขี่มอเตอร์ไซต์พุ่งลงไปในหน้าผา เป็นตายยังไม่รู้ชายคนนั้นอธิบายออกมาทีละคำอย่างเจ็บปวด
อารียาฟังคำพูดของเขารู้สึกว่าตาลาย ตัวพับตัวอ่อน แล้ว เป็นลมล้มพับไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ