พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่465 ฉันอารมณ์ไม่ดี



บทที่465 ฉันอารมณ์ไม่ดี

หน้าประตูบริษัทตระกูลฉัตรมงคล

รพีพงษ์เดินมาถึงตรงนี้ ในมือถือดอกไม้หนึ่งช่อ ด้วย ใบหน้าที่รอคอย

เขาเดินทางไปมา สุดท้ายก็กลับมายังเมืองริเวอร์เสียที เรื่องแรกที่ต้องทําเมื่อกลับมาถึงคือ มาหาอารียา เซอร์ไพร์ส เธอ

คู่รักเพิ่งแต่งงาน ตอนนี้รพีพงษ์ตื่นเต้น กระทั่งถึงคิดไป ถึงว่าเดี๋ยวเจออารียาเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ

เขาเดินไปในบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล แล้วยังก้ม หน้ามองดอกไม้ของตนเอง แต่ทว่าเมื่อเขาเข้าไปในล็อบบี้ ของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลแล้วนั้น ก็ต้องหุบยิ้มลง

ล็อบบี้ของบริษัทตระกูลฉัตรมงคลว่างเปล่า ไม่มีใคร

ทำงาน แม้กระทั่งโต๊ะทำงานก็ลดลงไปครึ่งนึง เอกสารต่างๆ

หล่นอยู่บนพื้น

รพีพงษ์ดกิดความสงสัยขึ้นมาก และรู้สึกไม่สงบ เขา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมบริษัทตระกูลฉัตรมงคลจึงไม่มี แม้แต่คนเดียว

เขารีบเดินไปที่ลิฟต์ ไปยังชั้นของห้องทำงานอารียา ที่นี่ เหตุการณ์เหมือนกับที่ล็อบบี้ และในห้องทำงานของอารียาก็ ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน

รพีพงษ์โยนดอกไม้นั้นลงกับพื้น แล้วรีบหยิบมือถือขึ้น มา โทรไปหาอารียา

“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้” โทรติดกันสิบกว่าสาย ก็ยังคงเป็นแบบเดิม เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเริ่มเดาออกว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ เมืองริเวอร์จะต้องเกิดเหตุอะไรขึ้นแน่นอน

ไม่ลังเลใดๆ เขารีบออกจากบริษัทตระกูลฉัตรมงคล เรียกรถไปขุมขนคำแหง

ไม่แน่บริษัทอาจจะย้ายที่ทำการก็เป็นได้ เพราะบริษัท ฉัตรมงคลเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จะย้ายที่ทำการก็เป็น เรื่องปกติ รพีพงษ์ปลอบใจตัวเอง

แมื่อถึงชุมชนคำแหง รพีพงษ์เดินไปถึงหน้าประตูบ้าน เพราะช่วงที่จากไปนั้นไม่ได้พกกุญแจไปด้วย ดังนั้นเขาจึง เคาะประตู

ไม่นาน ศศินัดดาก็เดินมาเปิดประตู เมื่อเห็นรพีพงษ์ ศศิ นัดดาก็ปิดประตูอย่างดังในทันที

รพีพงษ์พึมพำ ไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น แล้วตะโกน “แม่ แม่ เป็นอะไร อารีอยู่ไหน? ทำไมเธอปิดมือถือ?”

แกไอ้ตัวซวย ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ก็เพราะแก ถ้า ไม่ใช่แก ลูกสาวฉันจะไม่เป็นแบบนี้ ชาตินี้ยังไงแกก็ชดใช้ให้ ครอบครัวเราไม่หมด ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก รีบไสหัวไปซะ!”

ศศินัดดาตะคอกไป จากนั้นก็สงบ

รพีพงษ์เคาะประตูอยู่นาน แต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ

เขาด่าในใจ หันหลังเดินลงไปชั้นล่าง โทรหาธฤตญาณ จากนั้นก็เรียกรถไปสตาร์กาย

สามสิบนาทีให้หลัง

สตาร์กาย รพีพงษ์นั่งอยู่ด้านหน้าของธฤตญาณและ ไตรทศ ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

ธฤตญาณและไตรทศมองรพีพงษ์อย่างไม่กล้าสบตา ราวกับกำลังมองระเบิดเวลาอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“ ตอนที่ฉันไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นที่เมืองริเวอร์กันแน่ ทำไม บริษัทตระกูลฉัตรมงคลว่างเปล่า? ภรรยาฉันล่ะ? ฉันเห็น พวกแกดูแลเธออย่างลับๆไม่ใช่หรอ? ทำไมมือถือเธอโทรไม่ ติด?” รพีพงษ์กล่าว

สักพัก ธฤตญาณถอนหายใจ เดินไปข้างหน้า แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกอย่าเพิ่งใจร้อนนะ ฉันจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน เมืองริเวอร์ให้แกฟัง แต่แกต้องใจเย็นๆนะ วันนี้ได้เกิดเรื่อง ขึ้นแล้ว แม้จะร้อนรน ก็ไร้ประโยชน์”

“ ยิ่งแกพูดแบบนี้ฉันยิ่งเครียด รีบพูดมา อารีเป็นอะไรกัน แน่!” รพีพงษ์กล่าวอย่างรำคาญ

ธฤตญาณกัดฟันพูด แล้วกล่าว “เธอ……เธอหายตัวไป แล้ว”

“หายตัวไป? ทําไมหายตัวไป? ฉันให้แกจัดคนติดตาม เธอตลอดไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เมืองริเวอร์ เป็นถิ่นของแกไม่ใช่ หรอ ทําไมเธอหายตัวไปได้?” รพีพงษ์กล่าวอย่างร้อนรน

“ แกใจเย็นๆก่อน ฉันจะพูดให้ฟังช้าๆนะ เรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมด ต้นเหตุคือโยษิตา” ธฤตญาณกล่าว

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วถาม “มันตายแล้วไม่ใช่หรอ? ทําไมเรื่องพวกนั้นถึงเกี่ยวข้องกับมัน?”

“พวกเราก็ไม่ค่อยแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันจะเล่า ให้ฟังตั้งแต่เริ่มต้น พอพูดจบ แกจะรู้ว่าช่วงที่แกไม่อยู่ เมืองริ เวอร์เกิดอะไรขึ้นบ้าง” ธฤตญาณกล่าว

รพีพงษ์สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้าให้ธฤตญาณ ส่งสัญญาณว่าเริ่มเล่าตั้งแต่ต้น ธฤตญาณรวบรวมเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่อารียาเกือบ โดนคนลักพาตัวไปจนถึงถูกขายตัว

รพีพงษ์ฟังธฤตญาณอธิบาย ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น เขา คิดไม่ถึงว่าโยษิตาที่ตายไปแล้วจะปรากฏตัวที่เมืองริเวอร์ได้ และคิดไม่ถึงว่าโยษิตาจะเปิดบริษัท W H กรุ๊ปที่เมืองริเวอร์

เมื่อได้ยินว่าธายุกรร่วมมือกับศศินัดดาทำให้บริษัท ฉัตรมงคลล้มละลาย อารียารู้สึกสิ้นหวังแล้วหนีไป หลังจากที่ เกิดเหตุการณ์นอกตัวเมืองแล้วนั้น รพีพงษ์เกือบจะกลับไปที่ ชุมชมคําแหง เพื่อตัดแขนตู้ขาของศศินัดดา แล้วโยนเธอลง ไปเป็นอาหารของหมาป่าในหุบเขา

“เหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่เล่ามา โยษิตาน่าจะได้รับความ ช่วยเหลือจากใครสักคน จึงทำเรื่องแบบนี้ได้ ถ้าตามสถานะ เมื่อก่อนของเธอ ไม่มีทางตั้งบริษัท W H กรุ๊ปได้แน่นอน”

“ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเราเพิ่งได้รับข่าวสาร ปัจจุบันโย ษิตาได้ไปที่เกียวโตแล้ว และเธอก็ทิ้งร่องรอยการเดินทาง ของตนไว้ด้วย ราวกับว่าไม่กลัวถูกตามตัวเจออย่างไรอย่าง นั้น พวดเราได้ติดต่อไปที่ตระกูลฉัตรมงคล ให้พวกเขา สังเกตโยษิตา และการไปเกียวโตของโยษิตาก็เหมือนกับว่า ไปเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ สิ่งที่ทำให้พวกเราไม่ คาดคิดก็คือ โยษิตาบีบให้ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีแม้กระทั่งตัว เลือก”

ธฤตญาณพูดต่อ ด้วยความสงสัย ชัดเจนว่าไม่เข้าใจ ทำไมโยษิตาถึงได้ต่อกลอนกับตระกูลลัดดาวัลย์ได้

ปฏิกิริยาแรกที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของธฤตญาณคือ นึกถึงจิรเวชที่นนทภูพูดถึง

ที่เป็นศัตรูกับตระกูลลัดดาวัลย์โดยตรง แล้วยังสามารถ ต่อกลอนกับรพีพงษ์ได้อย่างสบายด้วย คนที่รพีพงษ์รู้ ก็มี เพียงจิรเวชเท่านั้น ก่อนที่จะกลับมานนทภูได้บอกรพีพงษ์ไว้ แล้ว ตระกูลนิธิวรสกุลตัดสินใจจัดการตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว

เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ไปคิดเรื่องแบบนี้ สิ่งที่ เขาเป็นห่วง มีเพียงอารียาเท่านั้น

“เบาะแสของอารีล่ะ? ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แม้แต่ เบาะแสนิดเดียวก็หาไม่เจอเลยหรอ?” รพีพงษ์จ้องไปที่ธฤต ญาณแล้วถาม

ธฤตญาณรู้สึกผิด แล้วส่ายหน้า

รพีพงษ์จับแก้วน้ำบนโต๊ะเอาไว้แน่น แก้วนั้นแตก ทำเอา ไตรทศตกใจจนตัวสั่น

แกไม่ใช่พูดว่าก่อนที่อารียาจะหายตัวไป ได้เจอกับจา รุณีหรอกหรอ? พวกเธอทั้งสองประสบเหตุด้วยกัน อารี หายตัวไป แล้วจารุณีล่ะ? ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?” รพี พงษ์ถาทอีกครั้ง

“จารุณีไม่ได้หายตัวไป ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอโดนรถ บรรทุกชนกระเด็นไปสิบกว่าเมตร จากนั้นเธอได้ถูกส่งตัวไป ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองเกียวโค ตอนนี้ยังสลบอยู่ ตอนที่จารุณีโดนชนจนลอยนั้น แต่อารียาล้มลงข้างถนน ดัง นั้นพวกเราจึงสงสัยว่าตอนที่รถบรรทุกชนไปนั้น จารุณีผลัก อารียาออก ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” ธฤตญาณอธิบาย

ได้ยินแบบนี้ นัยน์ตารพีพงษ์เต็มไปด้วยความแค้น ไม่รู้ ว่ามือได้กําหมัดไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่

คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันจะไม่ปล่อยมันไป แม้แต่คนเดียว ! ” รพีพงษ์กล่าวด้วยความพยาบาท

เขารู้ว่าเรื่องนี้ตัวการคือโยษิตาและเบื้องหลังโยษิตาเป็น จิรเวช รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป แต่ทว่า รพีพงษ์จะ ต้องจัดการกับพวกที่ให้ความร่วมมือเหล่านั้นก่อน แน่นอนว่า หนึ่งในนั้นมีศศินัดดาและธายุกร

สิ่งที่รพีพงษ์คิดไม่ถึงที่สุด คือศศินัดดาช่วยธาตุกร ทำให้บริษัทฉัตรมงคลล้มละลาย บีบจนอารียาต้องตัดความ สัมพันธ์แม่ลูกกัน การกระทำของศศินัดดา ถึงจุดที่ทำให้คน อาฆาตพยาบาทได้

ครั้งนี้ รพีพงษ์จะไม่มีทางไว้หน้า ไม่ว่าตอนนี้ สถานการณ์อารียาจะเป็นอย่างไร ศศินัดดาก็ต้องชดใช้อยู่

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังยืนขึ้นนั้น ตัดสินใจจะกลับไป ชุมชนคำแหง ไปหาศศินัดดาให้เธอพูดให้เคลียร์ ด้านนอก ของสตาร์กายมีเสียงดังขึ้น

รพีพงษ์หันไปมองที่ประตูผับ พบว่าเป็นผู้ชายใส่ชุดกังฟู กับพวกเข้ามาในสตาร์กาย

คนพวกนั้นดูเคร่งขรึม ดูท่าทางแล้วไม่ใช่คนดี ธฤตญาณและไตรทศหันหน้าไปดู ทั้งสองขมวดคิ้ว ทันใด

รพีพงษ์สังเกตท่าทีของทั้งคู่ ความสามารถของทั้งสอง ในเมืองริเวอร์ตอนนี้ไม่น่าจะมีใครที่ทำให้พวกเขาต้องขมวด คิ้วได้ ดูๆแล้วคนที่เข้ามาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

เขายืนขึ้น มองไปที่ธฤตญาณแล้วถาม “คนพวกนี้เป็น ใคร?”

“พวกมันคือคนของบริษัท W H กรุ๊ป หัวหน้าที่นำมาคือ ศิวะศักดิ์ มีฉายาว่ามือชูรา มันไม่ใช่คนของเมืองริเวอร์ น่าจะ เป็นคนเดียวโตที่โยษิตาจัดให้มา หาเรื่องพวกเราโดยเฉพาะ ความสามารถของมันเก่งกาจ ถึงแม้ความสามารถของฉัน และไตรทศจะพัฒนาอย่างสุดๆ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกลอนของ

ดี มัน มันอยากจะแย่งตำแหน่งบอสใหญ่ ช่วงนี้มันมาหาเรื่อง บ่อยมาก” ธฤตญาณอธิบาย

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเหยียดหยาม มือชูราเห้อะไร ตอน เขาอยู่ที่เทือกเขากิสนาแม้ราชาก็ชนะมาแล้ว ไอ้กระจอกนี่จะ เป็นคู่ต่อกลอนของเขาได้ไงกัน

เขากำลังโกรธแค้นอยู่พอดี กำลังหาโอกาสระบาย อารมณ์ ในเมื่อคนพวกนี้รนหาที่เอง งั้นเขาก็จะไม่เกรงใจ

“พวกแกได้คำตอบแล้วยัง ตำแหน่งบอสใหญ่เมืองริเวอร์ ของแก จะให้ดีๆ หรือจะให้ด้วยน้ำตา? ความสามารถของฉัน พวกแกรู้ดี ถ้าให้ฉันลงมือล่ะก็ พวกแกจะจบไม่สวยนะ” ศิวะ ศักดิ์พูดกับธฤตญาณและไตรทศทั้งคู่ โดยไม่สนรพีพงษ์ เขา รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่มีอะไร ไม่น่าจะเป็นคนเก่งอะไรนัก

“พวกแกรีบเชื่อฟังลูกพี่ของพวกเราดีกว่า ลูกพี่ของพวก เราได้ฆ่าคนมาแล้วนับสิบ ความน่าเกรงขามของเขา พวกแก รับไม่ไหวหรอก รีบคุกเข่าขอชีวิตซะ เอาตำแหน่งบอสใหญ่ ให้ลูกพี่ซะ แล้วลูกพี่จะไว้ชีวิตพวกแก! ของศิวะศักดิ์ตะโกนออกมา ” ลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง

ธฤตญาณเดินไปข้างหน้า แต่โดนรพีพงษ์ขวางไว้ทันที

“ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี คนพวกนี้ ให้มันเป็นกระสอบ ทรายให้ฉัน ระบายอารมณ์หน่อยล่ะกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ