บทที่ 777 คุกเข่าขอโทษ
อรรจยากำลังดูสามคนที่เดินไปหารพีพงษ์ ด้วยความสงสัย เธอ ไม่ใช่คนในท้องที่ จึงไม่รู้ว่าสามคนนี้เป็นใคร แล้วเมื่อกี้ที่ครน เรียกพวกเขาเธอก็ฟังไม่ถนัดหู เห็นแค่ครนเข้าไปทักทายอย่าง กระตือรือร้น แต่ถูกมองข้าม
ตอนนี้ในสายตาของอรรจยาคารนคือคนใหญ่คนโต เธอจะ ยอมทนดูคนอื่นมองข้ามครนได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงได้ถามทั้ง สามคน
“พวกคุณทั้งสามไม่เห็นเจ้าสำนักครนทักทายพวกคุณหรือ ไง? พวกคุณกล้ามองข้ามเขา พวกคุณไม่รู้หรือไงว่าในเมืองเย็น หยางตระกูลไหนเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง? พวกคุณยังอยากอยู่ เมืองเย็นหยางนี้ไหม?”
ครนที่อยู่ไกลๆกำลังครุ่นคิดว่าทั้งสามมาที่นี่ทำไมกัน แล้วยัง มีท่าทีที่ดีต่อรพีพงษ์อีกด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของอรรจยาแล้ว ก็ ตกใจจนเหงื่อไหลรัวๆ
เขารีบวิ่งมาที่นี่ ไม่พูดอะไรรีบตบอรรจยาไปหนึ่งฉาด คำพูด เมื่อกี้ของอรรจยาเหมือนได้ผลักเขาเข้าไปในกองไฟแล้ว
“มึงปัญญาอ่อนหรือไง ถึงไม่รู้หรอว่าทั้งสามคนเป็นใครกล้า พูดแบบนี้กับพวกเขา” คำรนกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
จากนั้นเขาก็มองไปยังเข็มทิศทั้งสามคน กล่าว “เข็มทิศ คำพูดนี้มันพูดเองนะ ผมไม่เคยสอนเธอ ผมไม่สนิทกับเธอเลยแม้แต่ น้อย ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นบ้าอะไร ถึงได้พูดประโยคนี้ออกมา
อรรจยาได้ยินครนเรียกคนนี้ ก็มองไปรอบๆ ผู้ว่าราชการ เมือง ค่นี้หมายความว่าไง เธอรู้ดี แต่ยังไงเธอก็คาดไม่ถึงว่า คนที่รพีพงษ์พามา จะเป็นผู้ว่าราชการเมืองของเมืองเย็นหยาง
“เหอะ เจ้าสำนักครน คุณใหญ่โตจริงนะ ต่อไปพวกเราอยู่ เมืองเย็นหยางนี้ไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าต้องดูอารมณ์ของคุณด้วย งั้น คุณมาเป็นตำแหน่งผู้ตรวจการนี้แทนผม?” เดชาธรดูแคลน
“ฮ่าฮ่า ดูๆแล้วเจ้าสำนักครนคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าเมืองของ เมืองเย็นหยางไปแล้วล่ะ ดูๆไปเรื่องเขายุผิงครั้งนี้เขายังไม่จำ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมว่าผู้กำกับเมืองจำเป็นต้องตรวจสอบวัด มังกรใหม่อีกครั้งแล้วล่ะ” จารุยศกล่าว
ครนเหงื่อไหลไม่หยุด ไหลตามใบหน้าลงมา สีหน้าซีดเซียว ขณะนี้มีอาการอยากฆ่าอรรจยาเกิดขึ้นแล้ว
และอรรจยาได้รู้ถึงตัวตนของทั้งสามจากการสนทนาแล้ว หนึ่ง
คือผู้ว่าราชการเมือง อีกหนึ่งคือผู้ตรวจการ อีกหนึ่งคือผู้กำกับ
ดูแลเมือง ไม่ว่าจะใคร ก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของคนใน
เมืองเย็นหยางได้หม และเมื่อกี้ที่เธอพูดว่าทั้งสามคนไม่อยาก
อาศัยที่เมืองเย็นหยางแล้วนั้น ทำให้ขาทั้งสองข้างของเธอเริ่ม
สั่นจนยืนไม่ไหว
“เดชาธร จารยศ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หญิง ปัญญาอ่อนคนนี้ผู้เองเออเอง ผมไม่รู้จักเธอเลยแม้แต่น้อยค่ารนกล่าวต่อ
อรรจยาตัวสั่น เธอเพิ่งจะรู้ไม่ว่าเธอจะเข้าข้างครนอย่างไร คํารนก็ไม่มีทางออกหน้าแทนเธอ
ตอนนี้ผลอุทัยก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนั้นเขาได้ขออรรจยาว่าอย่า ทําต่อไปอีกเลย อรรจยาไม่ฟัง สุดท้ายรพีพงษ์พาสามคนผู้น่า เกรงขามมา แม้แต่ครนก็ยังกลัวจนหัวหด แม้อรรจยาจะเสียใจ ก็ไม่ทันแล้ว
รพีพงษ์ก็ไม่รู้จักสามคนนี้เช่นกัน แต่เขาก็พอจะรู้ตัวตนของทั้ง สามจากการสนทนา ดูๆไปพวกเขาน่าจะเป็นคนที่ท่านคทาให้มา
เขาก็ไม่คาดคิดว่าท่านคทาจะมีความสามารถขนาดนี้ เชิญ ผู้ใหญ่ทั้งสามของเมืองเย็นหยางมาได้
นี่แม้ว่าครนจะมีเงิน ยังไงวันนี้จุดจบก็ไม่สวยแน่
“คุณรพี พวกเราไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ครนและอาจารย์ โอบนิธิรู้จักกันเป็นอย่างดี ขณะนี้พวกเราได้รวบรวมหลักฐานไว้ บางส่วนแล้ว ที่จะแสดงให้เห็นว่าครนร่วมมือกับอาจารย์โอบ นิธิ โฆษณาเกินจริง หลอกลวงผู้บริโภค แล้วยังให้อาจารย์โอบ นิธิกักขังหน่วงเหนี่ยวหญิงสาวไว้ด้วย และช่วงหลายปีมานี้ ตระกูลจนกวีได้ทำเรื่องไม่ดีไว้มากมาย ที่พวกเรารู้ก็มีจำนวนไม่ น้อย พวกเราจะฉวยโอกาสนี้ ตรวจสอบทุกคนของตระกูลจนกวี จับคนที่กระทําผิดมาลงโทษ
เข็มทิศอธิบายวิธีการให้รพีพงษ์ฟังคร่าวๆ ให้รพีพงษ์อนุญาต
รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “ทำตามที่พวกคุณว่าก็แล้วกัน ผมขอ แค่อย่างเดียว ทำตามความจริงครนนี้ใช้ตัวตนที่ว่าตัวเองเป็น นายใหญ่ของตระกูลจนกวี เพื่อมาแย่งภรรยาของผม เรื่องแบบนี้ เขาน่าจะทํามาไม่น้อย หวังว่าพวกคุณจะให้ความเป็นธรรม
ทั้งสามคนรีบพยักหน้า อย่างไม่รีรอ
ครนสิ้นหวัง เขารีบเดินมา กล่าว “หัวหน้าทั้งสาม สถานการณ์ของตระกูลจนกวีช่วงหลายปีมานี้พวกคุณก็รู้ดีอยู่ ที่ พวกคุณพูดทั้งหมด ผมตระกูลจนกวีไม่เคยทำเลยนะ”
“คุณหยุดแก้ตัวได้แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณรพี พวกเราก็ไม่รู้ว่าคุณมัน ชั้นขนาดไหน เมืองเย็นหยางของเรามีคนอย่างคุณทำให้เสีย ชื่อเสียง เป็นความผิดในการทำงานของเรา ครั้งนี้พวกเราจะ ตรวจสอบอย่างเข้มงวด เข็มทิศกล่าวอย่างหนักแน่น
ครนไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าหัวหน้าที่ใหญ่ที่สุดทั้งสามของเมืองเย็น หยาง ทำไมถึงได้ฟังรพีพงษ์
“หัวหน้าทั้งสาม แม้พวกคุณจะตรวจสอบผม ก็ควรจะมีเหตุผล นะ ไอ้เด็กนี่มันเป็นใคร ทำไมแม้แต่พวกคุณก็ยังต้องให้เกียรติ มัน?” คารนถาม
“เหอะ แม้แต่คุณคนนี้เป็นใครแกยังไม่รู้แล้วยังกล้าหาเรื่อง เขาอีก ดุๆไปช่วงหลายปีมานี้แกทำเรื่องร้ายๆไว้เยอะจนเคยชิน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าเมืองของเมืองเย็นหยางไปแล้ว” เดชาธร ดูแคลน
“ท่านนี้คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เมืองเกียวโต ที่เหลือ คงไม่ต้องให้ผมอธิบายแล้วนะ” จารยศกล่าว
ครนชะงัก เกิดความตะลึงขึ้นมาในจิตใจ
“นายใหญ่…….ตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต” ค่านพูดกับตัวเอง ด้วยความไม่เชื่อ
เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินมาว่านายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ อายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่านายใหญ่ตระกูล ลัดดาวัลย์จะมาเมืองเย็นหยาง แล้วยังเจอเข้ากับเขาอีก
อรรจยาและผลอุทัยที่อยู่ข้างๆ ก็ตะลึง ล้วนคาดไม่ถึงว่าร พงษ์คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต หากรู้ว่ารพีพงษ์ มีตัวตนแบบนี้แต่แรก เขาก็ไม่มีทางสร้างเรื่องขึ้นมา
“ผมบอกแล้วว่าอย่าเข้าไปยุ่งไม่ฟัง ตอนนี้เป็นไงล่ะ ทำผิดต่อ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์เข้าให้ ผมจะดูว่าคุณจะทำไง!” ผล อุทัยตะคอกอรรจยาอย่างเกรี้ยวกราด
อรรจยาหวาดผวา ร้องไห้ออกมา “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ หนิ รพีพงษ์ ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
พูดไป อรรจยาก็คุกเข่าลงต่อหน้ารพีพงษ์
ครนเห็นดังนี้ ก็นึกถึงตอนนั้นที่รพีพงษ์บอกว่าหวังว่าเขาอย่า คุกเข่าขอร้องแล้วกัน แล้วเขายังไม่พอใจอีก แต่ตอนนี้ดูๆไป ถ้า เขาไม่คุกเข่าล่ะก็ ตระกูลจนกวีต้องพังแน่ๆ
ลังเลอยู่สักพักใหญ่ คนเดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์ กัดฟัน แล้วคุกเข่าลงทันใด
“คุณรพี ก่อนหน้านี้ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ ผมด้วย ปล่อยตระกูลจนกวีของผมเถอะนะ”
รพีพงษ์ก้มหน้าไปมองเขา ด้วยความเยือกเย็น กล่าว “คุณไม่ ผิดไม่ใช่หรอ แล้วจะคุกเข่าลงทำไม เรื่องนี้คุณไปคุยกับหัวหน้า ทั้งสามเองแล้วกัน ขอร้องผมก็ไม่เป็นผล
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ