บทที่ 337 สัญญาโอนสิทธิ์
รพีพงษ์มองท่าทางที่ดูเป็นปกติของศศินัดดา แถมเธอยังมี ใบหน้ายิ้มแย้ม เขาคิดในใจว่าดีที่เขาไม่บอกศศินัดดาว่า เขาเป็นเจ้าของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ถ้าเขาบอกไป ศศิ นัดดาคงจะให้เขาโอนบริษัทให้เป็นชื่อของเธอด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าตอนนี้รพิพงษ์อารมณ์ดี จึงไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย กับศศินัดดา โรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลเป็นหนึ่งใน โรงแรมที่อยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป มีโรงแรม แบบนี้ภายใต้ชื่อของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง ให้ศศินัตตาไปสักแห่งคงไม่เป็นไร
เขารู้ดีว่าการไปเกี่ยวโตในครั้งนี้จะไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิด ขึ้นแน่ แต่ศศินัดดาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครการที่เธอเป็นกังวลมัน จึงเป็นเรื่องปกติ
ถ้าโรงแรมทำให้ศศินัดดาเลิกบ่นพึมพำได้ รพีพงษ์ก็ยอม
uan
“งั้นอีกเดี๋ยวแม่ไปโรงแรมกับผม ผมจะให้ที่โรงแรม เตรียมสัญญาเอาไว้แล้วผมจะกลับไปเซ็นให้” รพีพงษ์เอ่ย
ขึ้น
เดิมสตินัดตานึกว่ารพีพงษ์จะไม่ยอมตกลงตามที่เธอขอ เพราะโรงแรมระดับหรูแบบนั้น ไม่ใช่ว่าจะให้ใครได้ง่ายๆ เธอคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตอบตกลงง่ายๆ แบบนี้ เธอคิดจะ ตอแยเขาไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสที่เหมาะสม
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะตอบตกลงโดยง่ายเช่นนี้ สำหรับเธอมันเป็นสิ่งที่เกิดคาดมาก
“หรือว่าเขาจะรู้ตัวว่าการไปครั้งนี้เขาอาจจะไม่ได้กลับมา จึงตอบตกลงง่ายแบบนี้” ศศินัดดาพึมพำในใจ
ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองจะไม่สามารถกลับมา ได้ เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก ศศินัดดาคิดว่าการที่เขายิ่ง ใหญ่ได้ก็เพราะโรงแรมแห่งนี้เท่านั้น โดยไม่ได้คิดว่ารพีพงษ์ ไม่ได้สนใจโรงแรมแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
“จำที่ตัวเองพูดไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวกลับไปโรงแรม ถ้านายไป บอกเรื่องนี้กับอารี ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!” ศศินัดดาจ้องรพี พงษ์เขม็ง
หลังจากที่ย้ายของเข้ามาในบ้านหมดแล้ว รพีพงษ์ให้ ศักดากับชนิสราจัดของไปก่อน เขากับศศินัดตาจะกลับไปรับ อารียาที่โรงแรม
ทั้งสองคนมาถึงใต้ตึก รพีพงษ์จ่ายค่าขนของให้คนขับรถ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่รถ
ขณะนั้นเองโศรวิทย์เดินสวนมาทางพวกเขา หลังจากที่เขา เห็นศศินัดดากับรพีพงษ์อยู่ที่นี่เขาก็มีสีหน้าตกใจ “พวกนายมาทำอะไรที่นี่” โศรวิทย์เอ่ยขึ้น
ศศินัดดาหันไปมองโครวิทย์ เขาเนื้อตัวมอมแมมและผม เผ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ถ้าไม่ใช่เพ ราะโศรวิทย์เอ่ยทักขึ้นมาก่อน เธอก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเขา
“พวกเราย้ายบ้านน่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
“ย้ายบ้าน? พวกนายอยู่ที่ดงเย็นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงย้าย มาอยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่าที่นี่จะสบายกว่าที่ดงเย็น?” โศรวิทย์ถาม ด้วยสีหน้าสงสัย
ศศินัดดาคิดไม่ถึงว่าโศรวิทย์จะอยู่ที่ชุมชนคำแหงเช่นกัน เธอมีสีหน้าลำบากใจ ดูเหมือนว่าโศรวิทย์กำลังพูดเสียดสี เธออยู่
“นายมายุ่งอะไรเราอยากอยู่ที่ไหนก็เรื่องของเราถึงเรา ย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เราอยู่ในห้องใหญ่สี่ห้องนอน และหนึ่งห้อง นั่งเล่น ดีกว่าที่พวกนายอยู่แน่นอน” ศศินัดดาพูดอย่างโมโห
เธอไม่สามารถบอกโศรวิทย์ได้ เพราะมีคนตายใน คฤหาสน์ จึงจำเป็นต้องย้ายออกมา เธอรู้สึกโมโห
หลังจากที่โศรวิทย์ได้ยินศศินัดดาพูด จู่ๆ เขาจึงหัวเราะ ออกมาเสียงดัง “ศศินัดดา อย่าบอกนะว่าบริษัทไปไม่รอด เลยต้องขายคฤหาสน์หลังนั้น แล้วมาอยู่บ้านแบบนี้เหรอ นี่ มันเวรกรรมชัดๆ อารียาลูกสาวของเธอทำให้คนในตระกูล ฉัตรมงคลตกงาน ตอนนี้สวรรค์ทำให้เวรกรรมตามทันพวก เธอแล้วสินะ”
ก่อนหน้านี้ธายุกรกับโศรวิทย์เคยพูดว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สจับตามองเรื่องของตระกูลฉัตรมงคล ตอนนี้เห็นว่าครอบครัวของศศินัดดาย้ายจากดงเย็นมาที่นี่ เขาจึงคิดว่าบริษัทตระกูลฉัตรมงคลคงไปไม่รอดแล้ว พวก เขาจึงจำเป็นต้องขายคฤหาสน์
ศศินัตดารู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เธออยากเถียงโศรวิทย์ว่า บริษัทยังอยู่ดี แถมยังเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย ภายภาคหน้าเธอ ยังจะได้สิทธิในการถือครองโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชัน เนลด้วย โศรวิทย์จะได้อิจฉาเธอ
ขณะนั้นเอง รพีพงษ์รั้งเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “แม่ เรารีบ กลับโรงแรมดีกว่าอย่าไปเสียเวลากับเขาเลย”
ศศินัดดาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอเห็นด้วยกับสิ่งที่รพีพงษ์พูด โศ รวิทย์เทียบเธอไม่ติด ถ้าเธอเอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา ก็ จะเป็นการดึงตัวเองให้ตกต่ำลงไปเปล่าๆ
เธอมองโศรวิทย์อย่างหงุดหงิด “ขี้เกียจเถียงกับคนความ รู้ตื้นๆ แบบนาย นายจะคิดยังไงก็คิดไปเถอะ ยังไงแล้ว ครอบครัวของฉันก็เหนือกว่าครอบครัวของนายหมื่นเท่า”
พูดจบเธอจึงเดินไปที่รถกับรพีพงษ์ โศรวิทย์มองแผ่นหลังของทั้งสองคนแล้วแสยะยิ้มออกมา เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ยังมาทำเป็นโง่อีก ขายคฤหาสน์ แล้วมาอยู่ในที่แบบนี้อวดว่าซื้อห้องที่มีสี่ห้องนอน หนึ่งห้อง นั่งเล่น ครอบครัวพวกแกได้ผลกรรมแล้ว พวกแกอยู่ห้อง แบบนั้นแล้วยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วครอบครัว ของพวกแกคงสู้ครอบครัวฉันไม่ได้ไม่ได้การละ ฉันต้องเอา เรื่องนี้ไปบอกธายุกร ให้เขามีความสุขเสียหน่อย”
โศรวิทย์เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ในช่วงนี้นี่เป็น ครั้งแรกที่เขายิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้
ขณะนั้นธายุกรนั่งอยู่ที่โต๊ะในบ้าน เขาใช้มือทิ้งหัวตัวเอง อย่างแรง เรื่องที่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สล้มละลาย อย่างไม่มีเหตุผล มันกระทบกับเขาไม่น้อย
กว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับไตรวิทย์ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ให้ไตรวิทย์ เขาให้ไตรวิทย์จับตามองอารียา นี่เพิ่งผ่านไปได้ ไม่เท่าไร จู่ๆ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สประกาศล้ม ละลาย ไตรวิทย์ก็หายหัวไปด้วย
สองสามวันมานี้เขาเอาแต่คิดว่าจะหาเงินก้อนโตได้ยังไง ไปตบหน้าอารียา เรื่องมันก็กลับตาลปัตร ในช่วงระยะเวลา ไม่กี่ปีมานี้ เขาเป็นศัตรูกับอารียา คบเพื่อนเสเพล นอกนั้น เขาก็ทำอะไรไม่เป็นอีกเลย
เขาดูถูกงานทั่วไป แต่อยากประสบความสำเร็จ จนถึง ตอนนี้เขาก็ยังเป็นแค่คนเสเพลไม่มีงานทำ
ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากข้างนอก โศรวิทย์เดิน เข้ามาในห้องของเขาด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน
“เป็นอะไรอีกล่ะพ่อ ลุกลี้ลุกลนทำไม” ธายุกรพูดอย่าง เหลืออด “มีข่าวดี พ่อเจอศศินัดดากับรพีพงษ์ที่ใต้ตึก พวกมันย้าย
มาที่นี่ มันซื้อห้องที่มีสีห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น น่าขำจริงๆ” โศรวิทย์เอ่ยขึ้น
ธายุกรอึ้งไป จากนั้นจึงรีบถามขึ้นมาทันที “ครอบครัวของ รพีพงษ์จะมาอยู่ที่นี่เหรอ พ่อฟังผิดหรือเปล่า พวกมันอยู่ที่ คฤหาสน์ในดงเย็นไม่ใช่เหรอ”
“จะฟังผิดได้ยังไง ศศินัดดาพูดออกมาจากปากตัวเองเลย นะ พ่อว่าบริษัทต้องเกิดปัญหา จนทำให้พวกมันต้องขาย คฤหาสน์ที่ดงเย็น ไม่งั้นมันไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่หรอก ที่นี่แย่กว่า ดงเย็นตั้งเยอะ” โศรวิทย์เอ่ยขึ้น
ตาของธายุกรเป็นประกายเขารู้สึกว่าโศรวิทย์พูดมี เหตุผล จึงพึมพำออกมาว่า “แม้ว่าบริษัท อสังหาริมทรัพย์ เมค์สลัมละลาย แต่ก็ยังส่งผลกระทบกับบริษัทตระกูล ฉัตรมงคล พวกมันไม่มีความร่วมมือในการทำโครงการร่วม กัน ทำให้บริษัทไปไม่รอด ก็เลยขายคฤหาสน์อย่างนั้นเหรอ” “ต้องใช่แน่ๆ ศศินัดดายังเสแสร้งต่อหน้าฉันด้วยนะ พอ มันเห็นว่าฉันรู้ก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน แถมยังพูดว่าขี้เกียจ คุยกับคนความรู้ตื้นๆ แล้วคนที่มีความรู้สูงทำไมไม่อยู่ใน คฤหาสน์ล่ะ มาอยู่ที่เล็กๆ แบบฉันทำไม น่าขำสิ้นดี” โศรวิ ทย์พูดเยาะเย้ย
แววตาของธายุกรเป็นประกาย สีหน้าของเขาดูตื่นเต้น “ดู เหมือนว่าฟ้ามีตา คิดไม่ถึงว่าอารียาจะมีวันนี้ สุดท้ายแกก็มี จุดจบเหมือนฉัน”
“รอก่อนเถอะ ฉันจะกลับมาอีกครั้ง รอให้ฉันได้เงินก้อน ใหญ่ก่อน ฉันจะทำให้แกยืนอยู่ต่อหน้าฉันด้วยความ อับอาย!”
ธายุกรหรี่ตาลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ภายในห้องทำงานของโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล
ศศินัดดาเซ็นชื่อลงในสัญญาฉบับหนึ่ง หลังจากนั้นเธอ มองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ฉันเซ็นชื่อตรงนี้ จากนี้ไปโรงแรมนี้ก็ เป็นของฉันแล้วใช่ไหม”
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วหันไปมองผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ “จากนี้ ไปเธอคือเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ถ้าเธอต้องการอะไร นาย ต้องจัดหามาให้เธอ”
ผู้จัดการรีบพยักหน้า ถึงรพีพงษ์จะโอน โรงแรมให้ศติ นัดดาแล้ว แต่ผู้จัดการยังคงไม่กล้าละเลยคำสั่งของรพีพงษ์ เพราะเขารู้ว่ารพีพงษ์เปิดโรงแรมนี้เล่นๆ เท่านั้น เขาไม่ได้ สนใจโรงแรมแห่งนี้ด้วยซ้ำ จึงยอมยกให้คนอื่น
รพีพงษ์มองศตินัตดาแล้วพูดว่า “แม่ไม่รู้ว่าโรงแรมต้อง บริหารยังไง ต่อจากนี้ให้ผู้จัดการเป็นคนจัดการให้ก็แล้วกัน แม่ไม่จำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง แม่นอนรอรับเงินที่บ้านก็ พอ”
ศศินัดดาพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของโรง แรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนล เธอจึงไม่สนใจและไม่ เกรงใจเขา
“ต่อจากนี้นายต้องฟังฉัน รพีพงษ์ไม่ใช่เจ้านายของนาย อีกแล้ว ไม่ต้องไปเกรงใจเขาอีก นายควรจะเกรงใจฉันสิถึง จะถูก” ศศินัดดาพูดข่มผู้จัดการ
ผู้จัดการมองรพีพงษ์ เมื่อเห็นว่าเขาให้ทำตามนั้น ผู้ จัดการจึงพยักหน้าให้ศศินัดดา “ครับ”
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องทำงาน หลังจากรับอารียาแล้ว
จึงมุ่งหน้าไปยังชุมชนคำแหง
พลบค่ำ รพีพงษ์ไปพบธฤตญาณกับเธียรวิชญ์ เขากำชับ เรื่องที่ต้องจัดการหลังจากที่ไปเกี่ยวโต
คำวันเดียวกัน รพีพงษ์คิดถึงสภาพร่างกายของอารียา เขาจึงหยุดความคิดของเขา ทำเพียงนอนกอดเธอทั้งคืน
ตอนนี้เรื่องในเมืองริเวอร์ใต้จัดการเรียบร้อยแล้ว เรื่อง ของวีธราทางเกียวโตน่าจะรู้แล้ว เพราะฉะนั้นถึงเวลาของรพี พงษ์ที่จะต้องเอาทุกอย่างของตัวเองกลับคืนมาทั้งหมด!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ