บทที่910 กระบหยก
“หรือนี่จะเป็นของล้ำค่า? รพีพงษ์ใต้ใช้พลังจิตสังเกตกระบี่หยกนี้ สักพัก พบว่าออร่าบนกระบี่จะมีเพียงการใช้พลังจิตสังเกตเท่านั้น ที่จะเห็นมันได้
เขายื่นมือไปหยิบกระบี่หยกมา กระบี่หยกนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ เท่านั้น ดูไปเหมือนเครื่องประดับชนิดหนึ่ง ดูจากการผลิต กระบี่ หยกนี้แม้จะไม่ใช่ของที่ดีที่สุด แต่ก็ดีกว่าธรรมดาทั่วไปอยู่มาก
มาจากในสมัยไหนนั้น รพีพงษ์ดูอยู่พักใหญ่ ก็ดูไม่ออกว่า กระบี่หยกนี้ทำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกเหมือนว่าจะเพิ่งทำขึ้นมา เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เหมือนว่าอยู่มานานแสนนานแล้ว บนตัวกระบี่ เองไม่ได้บ่งบอกอายุของมัน แต่กลับให้คนรู้สึกถึงความโบราณ และเรียบง่าย
บวกกับรอยบนกระบี่ ปกติจะไม่ค่อยมีคนสังเกตจุดนี้สักเท่า ไหร่ แม้แต่เจ้าของร้านก็เอากระบี่นี้โยนไปที่ไม่ตกเป็นเป้าสายตา ของคนทั่วไป
รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบกระบี่นั้นขึ้นมา มาแล้วมาจับดู ตอนที่อยู่ บนมือ เขารู้สึกได้ถึงความเย็น ราวกับกระบี่ได้ปล่อยพลังกระบี่ ออกมาอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรู้สึกสยบ
นี่เป็นของล้ำค่าแน่นอน
รพีพงษ์ตัดสินใจ วัตถุโบราณพวกนั้นเขาไม่อยากได้ แต่กระบี่นี้เขารู้สึกชอบมันอย่างมาก มีเพียงการใช้พลังจิตจึงจะเห็นความ พิเศษของมัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
เจ้าของร้านเห็นรพีพงษ์หยิบกระบี่นี้ขึ้นมา ยิ้มพลางกล่าว “ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมซื้อมาจากคนอื่นเมื่อหลายปีมากแล้ว เมื่อ ก่อนให้คนดูมาหลายครั้ง ล้วนพูดว่าของสิ่งนี้ถ้าไม่มีรอยนั่น ถือว่าเป็นหัตถกรรมที่ดีเลยทีเดียว แต่มีรอบ ก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว ของสิ่งนี้อยู่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่มีใครต้องการมาโดยตลอด ถ้า คุณชอบล่ะก็ ให้คุณห้าร้อยหยวน แค่หยกก็ราคานี้แล้ว
รู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่รู้เรื่องวัตถุโบราณ ดังนั้นเจ้าของร้านจึงไม่ โกหก เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีขึ้น
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ได้”
จากนั้นเขาก็หยิบหยกที่สีสดใสกว่าที่หงส์ชอบ มีพื้นผิวที่ดีกว่า แล้วกล่าว “หยกชิ้นนี้ถือเป็นของดี เอามันกับกระบี่นั้นขอผมคิด ราคานี้ไม่ต่ำนะ” รวมกัน ผมให้คุณหนึ่งแสน ราคา
เจ้าของร้านได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ตาลุกวาว จากนั้นก็ตื่น เต้น แล้วกล่าว “ได้ได้ได้ ผมจะห่อให้คุณเดี๋ยวนี้”
หยกที่รพีพงษ์หยิบมาถือว่าเป็นของดีจริงๆ แต่ว่าราคาไม่ถึง หนึ่งแสน เจ้าของร้านรู้ว่ารพีพงษ์ต้องการกระบี่นั้น
บางทีกระบี่นี้ในสายตาของรพีพงษ์เป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก แต่สำหรับเจ้าของร้านแล้วเป็นสิ่งที่ไม่มีคนสนใจ ของสิ่งนี้อยู่กับ ร้านเขามานาน มีคนต้องการก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะ
ร่ำรวยเพราะกระบี่นี่
ดังนั้นไม่คิดก็ตอบตกลงแล้ว
ในวงการนี้มีบางคนที่เพราะลูกค้าอยากได้สิ่งหนึ่งมากๆ ดัง นั้นจึงตั้งใจบวกราคาเพิ่ม แต่เจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ราคาทรพีพงษ์ให้ถือว่าเป็นธรรมมากแล้ว ถ้าเขาเพิ่มราคาเพราะ รพีพงษ์อยากได้ ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะหันหลังไม่เอาเลยก็ได้
เพราะเขาก็ไม่เห็นว่ารพีพงษ์มีความอยากได้กระนั้นเท่าที่ควร
ในขณะที่เจ้าของร้านจะไปเอาหยกและกระบี่ห่อให้รพีพงษ์นั้น ก็มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังของรพีพงษ์
“กระบี่หยกนี้ผมเอา ผมให้สองแสน ห่อให้ผม
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาแทรก เขากับหงส์หันไปมองคนที่อยู่หลังตัวเอง พบว่าเป็นผู้ชายอายุ ราวสามสิบปี ที่ในมือกำลังถือพัด
ชายคนนั้นมองไปที่หงส์สักพัก แล้วค่อยมองไปที่รพีพงษ์ แล้ว ยิ้มให้รพีพงษ์ กล่าว “ขอโทษนะน้องชาย กระบี่นี้มีพรหมลิขิตกับ ผม ดังนั้นจึงผมทำได้แค่ยอมผิดศีลธรรม หวังว่าคุณจะไม่ถือสา
เจ้าของร้านจ้องไปที่ชายคนนั้น แล้วกล่าว “คุณผู้ชาย ขอโทษ จริงๆนะครับ ผมได้ตกลงราคากับท่านนี้แล้ว การค้าขายนี้ถือว่า สําเร็จแล้ว ผมอยู่ในวงการนี้มาหลายปี ให้ความสำคัญกับความ ซื่อสัตย์ กลับกลอกกะทันหันผมไม่เคยทำ ดังนั้นขอคุณผู้ชายดู สิ่งของอย่างอื่นนะครับ”
ชายคนนั้นยิ้ม แล้วสะบัดพัดของตัวเองออก ด้านบนเขียนว่า “โจว” อักษรนี้ จากนั้นก็กล่าวว่า “ค้าขาย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก คนที่ให้ราคาสูงเท่านั้นจึงจะได้ไป อะไรพูดกลับกลอกไม่ กลับกลอก คุณว่าถูกมั้ย?
เจ้าของร้านจ้องไปที่ตัวอักษรบนพัดหลายครั้ง จากนั้นเหมือน ว่าจะนึกอะไรออก สีหน้าถอดสีทันที แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “คุณคือคุณชายใหญ่ของตระกูลกิติมหาคุณ?”
เรวัตยิ้มอย่างสะใจ แล้วกล่าว “ถือว่าคุณรู้ทัน ในเมื่อรู้ตัวตน ของผมแล้ว งั้นก็ช่วยผมห่อกระบี่หยกนี้ก็แล้วกัน”
เจ้าของร้านลำบากใจ แม้เขาทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ เคยเปลี่ยนคําพูด แต่ตระกูลกิติมหาคุณในเมืองอยู่เย็นถือว่ามี ตำแหน่งที่สูงส่ง ถ้าทำผิดต่อคุณชายตระกูลกิติมหาคุณ งั้นการ ค้าขายนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้ทําอีกเลย
รพีพงษ์ก็ดูออกว่าเจ้าของร้านลำบากใจ หันไปหาเรวัติ แล้ว กล่าว “ขอโทษนะ ผมชอบกระบี่หยกนี้มาก ดังนั้นไม่อยากให้คน อื่น ผมให้สามแสน”
เรวัตเห็นรพีพงษ์กล้าอัพราคา ก็หน้าบึง แล้วกล่าวอย่างสงบ ว่า “น้องชาย คุณน่าจะเป็นคนต่างถิ่นนะ ถ้าคุณเคยได้ยินเรวัต ชื่อนี้ อาจไม่อยากได้กระบี่หยกนี้แล้วก็ได้”
“ทำไม ผู้ที่ให้ราคาสูงได้ไปคุณพูดเองไม่ใช่หรอ? นี่เกี่ยวอะไร กับชื่อของคุณ? ชื่อของคุณได้ราคาดีหรอ?” รพีพงษ์ย้อนถาม เรวัตด่าในใจ แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ในมือถือกระบี่หยก ก็ดูเหมือนกับเป็นนัก ดังนั้นจึงไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับร พงษ์ จึงกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ทำได้เพียงอัพราคาเพิ่ม ผมให้สี่แสน”
“หนึ่งล้าน” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
เรวัตตาโต คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะแข็งข้อขนาดนี้ อัพราคาไป หนึ่งล้าน ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลกิติมหาคุณ เรวัต เข้าใจในอภิปรัชญาจีนอย่างแน่ชัด ตอนนั้นแค่แวบเดียวก็ดูออก ว่ากระบี่นั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงอยากซื้อไปศึกษา
แต่เขาแค่รับรู้ว่ากระบี่หยกนี้ไม่ธรรมดา กลับไม่รู้ว่ากระบี่หยก นี้มีประโยชน์อะไร ปกติเขาก็เห็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เมื่อ เอากลับไปศึกษาแล้วกลับพบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไร มากนัก
ดังนั้นใช้เงินสี่แสนซื้อกระบี่หยกที่ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรและ ชำรุด สำหรับเขาแล้วถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ตอนนี้รพีพงษ์อัพ ราคาไปเป็นหนึ่งล้าน แน่นอนว่าเขาไม่อยากอัพราคาตามอีกแล้ว
เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆมึนงง ตอนแรกเขาคิดว่ากระบี่หยกนี้มี คนเอาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว สุดท้ายไม่นาน รพีพงษ์ก็ให้ในราคา หนึ่งล้าน
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนฝันไปเลย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ