พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่895 โยนไว้ในป่าเป็นอาหารหมาป่า



บทที่895 โยนไว้ในป่าเป็นอาหารหมาป่า

สามวันถัดมา

คฤหาสน์ที่โดนทําลายจากการต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และปรินท รอยู่ระหว่างการจัดการของคนตระกูลลัดดาวัลย์ ได้ดำเนินการ ทำความสะอาด ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ทุกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนไปตรวจร่างกายที่โรง พยาบาล ที่ปรินทรลงมือกับพวกเขาเพียงแค่โอ้อวดเท่านั้น ดัง นั้นจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พักผ่อนสักระยะก็ฟื้นฟูกลับมาได้ แล้ว

รพีพงษ์เดินออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้าซีดเซียว แต่อาการได้ ฟื้นฟูกลับมาแล้ว วันนี้ตอนเช้าตอนเขาตื่น เทียบกับก่อนหน้านี้ เจ็ดวันที่สลบไป ตอนนี้สำหรับการต้านทานผลข้างเคียงของวิธี ลับของเขา ได้เพิ่มขึ้นแล้ว

เชื่อว่าหลังจากที่พลังวิเศษเสนของเขาเต็มที่แล้วนั้น ผลข้าง เคียงจากการใช้วิธีลับจะค่อยบางเบาลง

แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น วิธีลับนี้ทำให้พลังของเข้าแข็งแกร่ง ขึ้น แต่ก็น่าจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงมากเข้าไปอีก

เขาเดินไปยังห้องของอารียา ขณะนี้อารียากำลังอุ้มหนูลินเล่น อยู่ เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา หนูลินก็มองตาโตไปที่รพีพงษ์ เหมือน เห็นของเล่นใหม่อย่างไรอย่างนั้น มองอย่างตั้งใจ
รพีพงษ์เห็นสายตาของหนูลิน ก็หัวเราะขึ้นมา “ดูสายตา ไม่รู้ ว่าพ่อเป็นใครหรอ?”

อารียามองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุรไม่ค่อยอยู่บ้าน แน่นอนว่า เธอจําไม่ได้หรอกว่าคุณคือใคร แม้จะบอกว่าคำแรกที่เธอพูด เป็นคือพ่อ แต่ก็นานแล้วนะที่ไม่ได้เรียก

รพีพงษ์มองไปที่สองแม่ลูกอย่างรู้สึกผิด เขาก็อยากอยู่กับ พวกเธอทั้งสองตลอดเวลา แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง สิ่งที่ เขารับผิดชอบนั้นมีอยู่มาก หลายเรื่อง ที่เขาต้องทำด้วยตัวเอง

“ถ้างั้นหนูลินของเราในอนาคตจะเป็นเด็กมีปัญหามั้ย ถึงช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อ หาคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นแฟน ผมจะหัก ขาเธอทิ้งซะ” รพีพงษ์หัวเราะพลางกล่าว

อารียาเหอะใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “มีแม่อย่างฉันอยู่ หนูลินจะ เป็นเด็กมีปัญหาได้ไง ฉันจะให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีความสุขที่สุด ในโลกใบนี้”

รพีพงษ์เดินไป กอดอารียา แล้วกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ผม จะทำให้พวกคุณสองคนเป็นพ่อลูกที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้”

อารียายิ้มชอบใจ แม้รพีพงษ์มักจะออกไปทำธุระของตัวเอง แต่เขาไม่เคยผิดคำพูด ตอนนี้เธอมีความสุขที่คนอื่นคิดไม่ถึง อย่างแน่นอน

รพีพงษ์ยื่นมือไปลูปจมูกของหนูลิน หนูน้อยก็ยิ้มอ ยิมออกมา แล้วก

ล่าวอย่างมีความสุขว่า “พ่อ”
รพีพงษ์แปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะรู้ว่าต้องเรียกตัวเองว่า

พ่อ “ใครบอกว่าลูกสาวผมจำผิดไม่ได้ นี่เธอก็จำได้ไม่ใช่หรอว่า

ต้องเรียกผมว่าพ่อ” รพีพงษ์กล่าวอย่างตื่นเต้น

อารียามองบน จากนั้นก็หยิบตุ๊กตาออกมา เป็นตุ๊กตาตอนที่ รพีพงษ์ต่อสู้กับห้าตระกูลใหญ่นั้น ตุ๊กตาเหมือนจริงมาก คล้ายคลึงกับรพีพงษ์

“ทุกๆวันฉันจะพูดเรื่องราวของคุณให้เธอฟัง แล้วเธอจะลืมได้ ไงว่าคุณเป็นใคร ตุ๊กตานี้ฉันให้คนทำขึ้น โดยเฉพาะเลยนะ เหมือนคุณในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป” อารียากล่าว

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าอารียาจะตั้งใจขนาดนี้ ใช้สิ่งของพวกนี้ให้ หนูลินไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร

เขามองอารียาอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็ก้มหัว แล้วจูบไปที่ริม

ฝีปากของเธอ

อารียาหน้าแดง หลังจากที่จูบกับรพีพงษ์แล้วนั้น ก็รีบหยุด

“ไอ้หยา หนูลินดูอยู่นะ” อารียากล่าว

รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “เธอยังเด็ก จะรู้หรอว่าการจูบคืออะไร” หนูลินตาโต ไม่รู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรจริงๆ

ช่วงบ่าย

ในห้องมืดของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
ขณะนี้ประวีร์และดิลวิลทั้งสองกำลังอยู่ที่นี่อย่างหวาดผวา ใน ช่วงสามวันนี้พวกเขาทั้งคู่ได้รู้ถึงความสิ้นหวัง ครองภพแว็บๆ เข้ามาจัดการพวกเขา ตอนนี้พวกเขาเสียใจมากที่พาปรินทรมา หาเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต

“พ่อ พ่อว่าครั้งนี้เราจะตายที่บ้านตระกูลลัดดาวัลย์มั้ย?” ประ วีร์กำลังมองไปที่ดิลวิล ด้วยความกังวล

“จะเป็นไปได้ไง แม้ครั้งนี้เราจะพาผู้ยิ่งใหญ่นั้นมาตระกูลลัด ดาวัลย์ มันไม่ถูกต้องจริงๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่ หรอ ก็แค่บ้านพัง ถ้าไม่ได้จริงๆพวกเราชดใช้เงินก็ได้แล้วไม่ใช่ หรือ แม้อารียามันจะเนรคุณ ไม่นับญาติกับเรา เธอไม่มีทางให้ รพีพงษ์ฆ่าพวกเราได้หรอก” ดิลวิลยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ผิด อะไรมากมาย

ประวีร์ได้ยินคำพูดของดิลวิล แล้วกล่าว “พ่อ พ่ออาจไม่เข้าใจ รพีพงษ์มากนัก ถ้ามันร้ายกาจขึ้นมา พวกเราทั้งคู่ ต้องแย่แน่ๆ”

“ที่รพีพงษ์มันยังพวกเราไว้ให้ทนทุกข์ทรมานที่นี่ยังไม่พออีก หรอ? ถ้ามันจะฆ่าพวกเราอีก งั้นมันยังเป็นคนอยู่มั้ย ถึงตอนนั้น เพียงแค่พวกเราเน้นย้ำว่าครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไรมาก มันต้องไม่ กล้าทําอะไรพวกเราแน่นอน” ดิลวิลกล่าว

ในขณะนี้เอง ประตูห้องถูกคนเปิดออก มีเสียงประชดประชัน ดังออกมา

“เหอะเหอะ หลายๆวันมานี้พวกแกยังไม่รู้สึกผิดอีกสินะ พวก แกคิดว่าแค่ทรมานพวกแกสักกี่วัน ก็พอที่จะชดใช้ความผิดครั้งนี้ได้แล้วหรือไง?”

รพีพงษ์เดินออกมาจากด้านนอก ดูทั้งสองด้วยสายตาเยือก เย็น ครองภพตามหลังรพีพงษ์มา ดูดิลวิลทั้งสองด้วยสายตา เหมือนทั้งคู่เป็นตัวตลก

ประวีร์เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ก็ใจเต้นตุบตับ มีลางสังหรณ์ที่ ไม่ดีขึ้นมา เพราะกลั้นไว้ไม่ไหวเหงื่อจึงเริ่มไหลออกมา

ดิลวิลยังคงรู้สึกเหมือนเมื่อกี้ เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา จากนั้นก็ ถามรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ช่วงหลายวันมา นี้พวกเราทนทุกข์ทรมานก็มากพอแล้ว แม้พวกแกจะโมโห ก็น่า จะระบายออกมาหมดแล้วนะ?

ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจ ฝีมือของปรินทรแกก็ เห็นแล้ว คนธรรมดาอย่างพวกเราจะต่อกรกับมันยังไง พวกเรา ไม่มีทางเลือก จึงได้พามันมาเกียวโต ตอนนี้แกจัดการมันแล้วหนิ แล้วจะมาหาเรื่องกับเราอีกทำไม?”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของดิลวิลแล้วนั้น ก็เข้าใจคำว่า หน้าด้านไร้ยางอายเลยล่ะ เขาพูดกับดิลวิลอย่างดูแคลนว่า “ทำไมต้องหาเรื่องพวกแก? แกคิดว่าแกเป็นใคร? ยังจะให้ฉันใจ กว้างกับพวกแกอีก?”

“ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมาทัน อารีจะพบกับจุดจบยังไงพวก แกไม่รู้? ตอนที่พวกแกตัดสินใจพาปรินทรมาเกียวโต ตระกูล ฉัตรมงคลที่เมืองยองของพวกแก ก็ไร้ซึ่งทางเดินด้วยน้ำมือของ พวกแกเอง”
“จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ใช่แค่จะให้พวกแกตาย และจะให้ พวกแกตายอย่างอนาถอีกด้วย ไม่ใช่แค่พวกแกสองคน ต่อไปที่ เมืองยองก็จะไม่มีตระกูลฉัตรมงคลอีกต่อไป

พูดจบ รพีพงษ์หันไปมองครองภพ แล้วกล่าว ทำให้ขาพวก มันหัก แล้วโยนไปไว้ในป่าให้หมาป่ากิน”

“รับทราบ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ