พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 851 ก็แค่ธรรมดา



บทที่ 851 ก็แค่ธรรมดา

คฤหาสน์ตระกูลฮารุฮิ

ในห้องรับแขก ฮารุฮิ สินเรียกสมาชิกทั้งหมดของตระกูลฮารุฮิ มา รวมทั้งรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคน

“ตามข่าวที่เพิ่งได้รับมา ตระกูลอุเอสึงได้ส่งคำเชิญไปยังอา จารย์นินโดทั้งสี่คนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หวังว่าพวก เขาจะสามารถมาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ได้ และบ่งบอกให้เห็นว่า ตระกูลอุเอสึงอยู่ในงานแต่งงาน จะต่อสู้กับอาจารย์ทั้งสี่คน เพื่อ เพิ่มความสนุกสนานให้งานแต่งงาน

“ตระกูลอุเอสึงกับอาจารย์นินโดทั้งสี่คนในประเทศญี่ปุ่นไม่ลง รอยกันมาโดยตลอด งานแต่งงานครั้งนี้กลับจะเชิญพวกเขามา ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา

ฮารุฮิ สินเล่าสถานการณ์ให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์หนึ่งรอบ สีหน้าท่าทางก็เผยให้เห็นกำลังใช้ความคิด

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินข่าวนี้จากฮารุฮิ สิน ก็ครุ่นคิดสักพัก มองออกได้ไม่ยาก นายใหญ่ตระกูลอุเอสึงอยากจะใช้โอกาสใน ครั้งนี้เลื่อนขั้นตัวเอง เพื่อทำให้แวดวงนั้นโดกระจ่างแจ้งเห็นถึง ความแข็งแกร่งของตัวเอง

แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยก็คือ หลังจากที่นายใหญ่ตระกูลอุ เองเลื่อนขั้น จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อเลื่อนขั้น ตามหลักแล้วในเวลานั้นเขาไม่มีทางที่จะไปต่อสู้กับคน อื่นได้ ถ้าหากขั้นตอนของการมีเพศสัมพันธ์ยังไม่เสร็จสิ้น การ เลื่อนขั้นของเขาก็ถือได้ว่าไม่สำเร็จถึงจะถูก

ตอนนี้เขาได้เชิญปรมาจารย์นินโตทั้งสี่คนของประเทศญี่ปุ่น ไปตรงๆ และบ่งบอกให้เห็นว่าจะประลองฝีมือกับอาจารย์นินโต ทั้งสี่คน ในงานแต่งงาน สิ่งนี้ทำให้ในใจรพีพงษ์อดสงสัยไม่ได้ หรือว่านายใหญ่ตระกูลอุเอสึงตั้งใจว่ายังไม่สำเร็จจากการเลื่อน ขั้นก็จะลงมือกับอาจารย์นินโดทั้งสี่ท่านเหรอ?

หรือว่าอีกอย่างหนึ่งคือ นายใหญ่ตระกูลอุเอสึงเลื่อนชั้นสำเร็จ แล้วเหรอ?

ตามหลักแล้ว ก่อนที่จะดำเนินงานแต่งงาน นายใหญ่ตระกูลอุ เองไม่สามารถเลื่อนขั้นได้สำเร็จ นอกจากว่าเขาหาวิธีอื่นเลื่อน ขั้นได้

อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน ที่ สำคัญถ้าหากตอนนี้วิ่งไปที่ตระกูลอุเอสึงแล้วแหวกหญ้าให้ตื่น ก็ยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดไม่ใช่เหรอ

ทั้งหมดยังคงต้องรอให้ถึงวันงานแต่งถึงจะประกาศได้

“อาจารย์นินโดทั้งสี่ท่าน มีที่มายังไง?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“อาจารย์นินโดทั้งสี่ท่านเป็นคนชั้นสูงสุดของวงการนินโด ใน ประเทศญี่ปุ่นของพวกเรา ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสี่คนหา ที่เปรียบมิได้ บรรลุถึงระดับที่คนธรรมดาไม่สามารถไปถึงได้ ใน บรรดาอาจารย์ทั้งสี่ท่านแต่ละท่าน ต่างก็มีวิชาตัวเบาเหาะเหินความสามารถในการฆ่าคนได้ด้วยลูกดอก ในปีนั้นอาจารย์ทั้งสี่ ท่านเคยมีการต่อสู้ การต่อสู้นั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลัง อานุภาพยิ่งใหญ่มาก เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ประเทศญี่ปุ่น”ฮารุฮิ สินแนะนำอาจารย์นินโดทั้งสี่ท่านอย่าง เรียบง่าย

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินแล้ว ก็รู้สึกว่ายอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งสี่ คนส่วนมากน่าจะเป็นระดับยอดฝีมือของตระกูลใหญ่ศิลปะต่อสู้ โบราณ

แต่ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น สามารถ เพียงพอที่จะปรากฏยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุดทั้งสี่คนได้ ก็ค่อนข้างยากอยู่แล้ว เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่านินโดเหล่านี้ไม่มีพื้น ฐานของศิลปะการต่อสู้ เส้นทางบินโดที่ค้นคว้าออกมาได้อย่าง ยากลำบาก สามารถบรรลุแดนปรมาจารย์ เรียกได้ว่าเป็นปรมา จารย์จริงๆ

เพียงแต่เป้าหมายการเลื่อนขั้นของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ คือ แดนดั่งเทพ แม้ว่าแดนดั่งเทพของเขาจะมีองค์ประกอบอยู่บ้างไม่ มากก็น้อย วิธีทางไสยศาสตร์ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถ เทียบกับแดนดั่งเทพที่สืบทอดกันมาได้ แต่ยังคงทิ้งท้ายแตกต่าง กับแดนปรมาจารย์เป็นอย่างมาก

ถ้าหากการเลื่อนขั้นของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงประสบความ สำเร็จ สิ่งที่เรียกว่าปรมาจารย์ใหญ่ทั้งสี่คน อาจไม่เพียงพอที่จะ ทําอะไรเขาได้
“ปรมาจารย์ใหญ่ ได้ตอบรับคำเชิญของตระกูลอุเองแล้ว ตอนนี้พวกเขามาถึงที่เมืองโตเกียว ว่ากันว่าคืนนี้ พวกเขาทั้งสี่ ท่านจะบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่หอศิลปะการต่อสู้ที่ ใหญ่ที่สุดในเมืองโตเกียว”ฮารุฮิ สินพูดต่อ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของรพีพงษ์ก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที แม้ว่าจะเดาได้ว่าปรมาจารย์ใหญ่ทั้งสี่ท่านจะเป็นแค่ยอดฝีมือ แดนปรมาจารย์ แต่รพีพงษ์ก็สนใจนินโดเป็นอย่างมาก และ ต้องการทราบว่าระหว่างนินโดและศิลปะการต่อสู้ ตกลงว่ามี อะไรที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าปรมาจารย์ใหญ่ทั้งสี่คนจะ บรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เขาก็สนใจขึ้นมาทันที

“ต้องการจะไปดูการบรรยายของพวกเขา มีเงื่อนไขอะไร บ้าง?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“ต้องมีตัวเท่านั้น วันนี้มีคนส่งตัวมาให้ฉันหลายใบแล้ว ถ้า

หากนายอยากไปดู ฉันสามารถยกให้นายได้”ฮารุฮิ สินเอ่ยปาก

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณนายใหญ่ตระกูลฮารุฮิมากๆ”รพีพงษ์ก็ ไม่เกรงใจเขา

ในตอนเย็น รพีพงษ์เดินออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลฮารุฮิ ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนเหมือนหางน้อยสองหาง เดิน ตามอยู่ด้านหลังรพีพงษ์ ตอนนี้รพีพงษ์ไปที่ไหน พวกหล่อนทั้ง สองคนก็จะตามไปที่นั่น

ยังมีฮารุฮิ กันตะอีกคนที่ตามไปพร้อมกัน เขาสนใจอาจารย์นิ นโดเหล่านี้เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาคิดที่จะไหว้อาจารย์นินโตเหล่านี้ให้เป็นอาจารย์ แต่น่าเสียดายคนอื่นเขาไม่สนใจ คนในตระกูลทางโลก

อาจารย์ทั้งสี่ท่านและตระกูลอุเอสึงไม่ลงรอยกันก็เป็นเพราะ เรื่องนี้ ตระกูลอุเองในฐานะตระกูลทางโลก กลับรู้ความลับ ของนินโด ผู้คนไม่น้อยต่างก็มีความแข็งแกร่งปรมาจารย์นินโด ด้วยเช่นกัน เป็นธรรมดาที่อาจารย์นินโดทั้งสี่ท่านจะไม่ชอบ ตระกูลอุเอสึงิ

ในมุมมองของพวกเขา นินโด ไม่ควรที่จะถูกคนทางโลกเรียน รู้ มีเพียงลูกศิษย์ของพวกเขาได้รับการสืบทอดถึงจะถูกต้องตาม หลัก

ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งสี่คนก็มาถึงที่หอศิลปะการต่อสู้ใหญ่ ที่สุดในเมืองโตเกียว หอศิลปะการต่อสู้ฉันทมิตร

ในเวลานี้หอศิลปะการต่อสู้ฉันทมิตรมีผู้คนล้นหลาย ผู้คน มากมายที่อยากจะพบอาจารย์ทั้งสี่คนเป็นเพราะไม่รับได้รับตั๋ว ทำได้เพียงอัดแน่อยู่ที่ด้านนอก มองดูคนที่ถือตั๋วเข้าไปด้วย ความอิจฉา

รพีพงษ์พวกเขาสี่คนถือตั๋วเข้าไปที่หอศิลปะการต่อสู้ ตั๋วของ พวกเขาสามารถไปยังตำแหน่งที่นั่งที่ดีที่สุดของหอศิลปะการ ต่อสู้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้กับอาจารย์ทั้งสี่ท่านมากที่สุด

ในเวลานี้ทั้งหอศิลปะการต่อสู้ก็มีเสียงโห่ร้องของผู้คน หลัง จากทรพีพงษ์พวกเขาสี่คนเดินเข้าไป ก็ถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียง วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
เพียงแค่กระแสในที่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นได้ว่าอาจารย์ทั้ง สี่ท่านนี้มีชื่อเสียงในระดับใดในประเทศญี่ปุ่น

หลังจากที่รพีพงษ์พวกเขาทั้งสี่คนนั่งลงในที่นั่งของตัวเอง แวบเดียวก็มองเห็นชายชราทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ตรงกลางสนาม ผู้อาวุโสทั้งสี่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่เมื่อนั่งลงไปที่นั่นก็ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังอานุภาพที่มองไม่เห็น ที่ทำให้คนกลัวจน

ไม่กล้าเข้าใกล้

รพีพงษ์พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ใกล้กับชายชราทั้งสี่มาก ดังนั้นจึง สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ใบหน้าของอาจารย์ทั้งสี่ท่านนี้ได้ อย่างชัดเจน

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์คาดไม่ถึงก็คือ อาจารย์ทั้งสี่ท่านนี้ล้วนมี ดาบอยู่ในมือ ดูเหมือนว่าอาวุธหลักในการต่อสู้ของประเทศ ญี่ปุ่นนี้ ก็คือดาบ

ไม่รู้ว่าดาบในมือของพวกเขาเมื่อเทียบกับมุรามาสะของรพี พงษ์แล้ว จะแข็งแกร่งหรือจะอ่อนแอ

ผ่านไปไม่นานนัก ประตูของหอศิลปะการต่อสู้ก็ปิดลง ไม่ อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าอีกต่อไป อาจารย์นินโดทั้งสี่ท่านก็ เริ่มพูดคุย โดยที่ต่างคนต่างพูดถึงความเข้าใจของตัวเองที่มีต่อ นินโด

รพีพงษ์ได้ฟังคำบรรยายของพวกเขาเกี่ยวกับนินโด และ ได้ยินว่ามีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์บางอย่าง แต่สิ่งที่เรียกว่านิ นโดเมื่อเทียบกับวงการแห่งหัวเซีย สุดท้ายก็ยังคงห่างไกลมาก สิ่งที่ปรมาจารย์ทั้งสี่พูดบรรยาย ก่อนหน้านั้นรพีพงษ์ก เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งมานานแล้ว

คนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพื้นฐาน เมื่อฟังคำ บรรยายอาจารย์ทั้งสี่คนแล้ว ต่างก็รู้สึกว่าได้รับประโยชน์ มากมาย และอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านนี้

รพีพงษ์รู้สึกเบื่อเล็กน้อย และอยากจะจากไปตรงนี้

ในไม่ช้า การพูดบรรยายก็สิ้นสุดลง อาจารย์ทั้งสี่ท่านก็เริ่ม อธิบายความไม่เข้าใจของผู้ชมในเหตุการณ์ให้ชัดเจน แล้วถาม ผู้คนว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับพูดบรรยายของพวกเขาทั้งสี่คน

เนื่องจากตอนที่รพีพงษ์มาก็นำมุรามาสะมาด้วย ในเวลานี้เขา ถือมุรามาสะไว้ในอ้อมแขน หนึ่งในบรรดาอาจารย์ทั้งสี่ท่านที่ชื่อ ว่าคาโต้ แดนโซสังเกตเห็นรพีพงษ์แวบหนึ่ง ดังนั้นจึงยื่นมือชี้ไป ที่รพีพงษ์ แล้วถามว่า “น้องชายที่ถือดาบคนนั้น ดูท่าทางของ นายแล้ว น่าจะมีความโหยหานินโดเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าการ บรรยายในวันนี้ของพวกเราทั้งสี่คน นายคิดว่าอยู่ในระดับ ไหน?”

รพีพงษ์แทบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะถาม คนที่ไม่ควรถามที่สุดในหอศิลปะการต่อสู้

เขาจ้องมองไปที่ทั้งสี่คนแวบหนึ่ง จากนั้นภายใต้การจ้องมอง ของผู้คนในหอศิลปะการต่อสู้ ค่อยๆพูดว่า: “ก็แค่….ธรรมดา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ