พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 700 ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม



บทที่ 700 ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม

ในห้องรับแขก โสดุจและชาลิสาจ้องรพีพงษ์ อย่างหนักใจ เขาทั้งสองจ้องรฟ้พงษ์ด้วยสายตาแบบ นี้อยู่นาน

“รพีพงษ์ อนันยชเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ นาธิปเลยนะ ผมได้ยินมาว่าชินาธิปเป็นคนที่เข้าข้าง พวกพ้องนะ คุณฆ่าลูกศิษย์เขา เขาไม่มีทางปล่อย คุณไว้แน่” ผ่านไปสักพัก โศศุจจึงพูดอย่างกังวลขึ้น มา

รพีพงษ์นิ่งสงบ แล้วกล่าว “ผมกับตระกูลนิธิว รสกุล มีความแค้นกัน ไม่ว่าเบื้องหลังเขาจะเป็นใคร ผมก็จะฆ่ามัน ประธานโศศุจไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้ชิ นาธิปอยู่ต่างประเทศ แม้เขาจะได้รับข่าวแล้วรีบกลับ มา เกรงว่าจะเป็นครึ่งเดือนให้หลังแล้วล่ะ ตอนนั้นผม น่าจะออกไปจากที่นี่แล้ว ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องกลัว ว่าจะติดรากแหไปด้วย

“ผมไม่ได้กังวลว่าจะติดรากแห แต่กังวลที่คนมี พรสวรรค์อย่างคุณ ถ้าดูปรมาจารย์เพ่งเล็ง ก็น่า เสียดาย พวกคุณอายุเท่านี้แล้วเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น ถือว่าเป็นหนึ่งในล้านมาก” โศศุจกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร และไม่ได้โต้ตอบ โสดุจใดๆ

ในขณะเดียวกันนี้มีคนวิ่งมาจากด้านนอก หลัง จากที่เห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกแล้วนั้น ก็ หนักใจ

เขาเดินไปด้านหน้าของโศศุจ ก้มลงพูดข้างหูของโสสุจ โสดุจตาโต จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ ถึง

ชาลิสาเห็นปฏิกิริยาของโศศจ ก็เกิดสงสัยขึ้น มา คิดว่าเกิดอะไรขึ้นอีก จึงรีบถาม “พ่อ เกิดอะไรขึ้น อีก ทําไมใช้สายตาแบบนี้มองรพีพงษ์?”

โศศจไม่พูดอะไร ยืนขึ้นทันที แล้วเดินไปด้าน หน้าของรพีพงษ์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงตบไปที่รพีพงษ์ โดยตรง

“พ่อ พ่อทำอะไร!” ชาลิสาเห็นเหตุการ์ณ เกือบ

เข้ามาขวางหน้ารพีพงษ์ไว้

รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิดว่าโศศุจจะลงมือ ทันใดนั้น ก็เอามือขวางมือของโศศจไว้ นั่งอยู่บนเก้าอี้ อย่างไม่ ขยับ

“สุด……สุดท้ายก็เป็นความจริง ฝีมือคุณถึงระ ดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว!” โศศุจตะลึง

คนเมื่อกี้บอกโศศุจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ สนามมวยใต้ดิน พวกเขามั่นใจ ว่ารพีพงษ์และอนันยช ทั้งสองที่ต่อสู้กัน ฝีมือได้ถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว

ชาลิสาเดินไปข้างๆโศศุจ ได้ยินโศศจพูดแล้ว นั้น ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างประหลาด ใจว่า “อะไรนะ! เขา…..มือเขาไปถึงเน่ยจิ้งขั้นกลาง แล้ว?”

“ถูก ตบของพ่อเมื่อกี้ แม้เน่ยจิ้งขั้นต้นจะรับได้ แต่ก็ไม่มีทางนั่งอยู่กับที่ได้แน่นอน แรงที่เหลือ ก็ สามารถทำให้เก้าอี้สั่นได้ ตอนนี้เก้าอี้นี้ไม่มีรอยใดๆ มี เพียงเน่ยจิ้งขั้นกลางเท่านั้น ที่จะรับมือกับแรงแบบนี้ ได้” โศศุจหลับตาพลางกล่าว
ชาลิสาจ้องรพีพงษ์อย่างเงียบงัน คิดกลับไปใน ตอนนั้นที่เธอบอกว่ารพีพงษ์ไข้เวลาเพียงหนึ่งปีเป็นระ ดับเนยจิ้งชั้นต้นได้ รพีพงษ์บอกว่าเธอเดาผิด เธอก็ไม่ เชือ

ตอนนี้เธอเพิ่งจะเข้าใจ ว่าตัวเองเดาผิดแล้ว จริงๆ ฝีมือที่รพิพงษ์ทำได้ไม่ใช่แค่เน่ยจิ้งชั้นต้น แต่ เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง!

เค็กนี้ มันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย!

ถูกสองคนมองด้วยสายตาแบบนี้ รพีพงษ์เริ่มรู้ สึกเขิล แล้วไออย่างเบาๆ กล่าว “ฝีมือผมคือเน่ยจิ้งขึ้น กลางจริงๆ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่คู่ควรแก่การตกใจ หนิ ประธานโศศจได้ระดับนี้มานานแล้วหนิ

โศศจเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขาอยู่ระดับ เน่ยจิ้งขั้นกลางจริง แต่เขาอายุสี่สิบกว่าปีถึงจะได้ ระดับนี้ ใช้เวลาเกือบยี่สิบปี แต่รพีพงษ์เพิ่งอายุเท่า ไหร่เอง?

เรื่องนี้ มันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ

รพีพงษ์พูดแบบนี้ ทำเอาเขาไม่รู้จะเอาหน้าไป ไว้ที่ไหนเลยล่ะ

ในขณะที่โศศุจและชาลิสากำลังตะลึงกับ พรสวรรค์ของรพีพงษ์อยู่นั้น ด้านนอกมีเสียงรบกวน ดังขึ้นมา จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง รับแขก

คนที่นำมาคือ พิชยะ เขมทัตตามเขามาติดๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

โศศุจจ้องพวกเขา แล้วถามกับเขมทัตว่า “นี่คือ?”

“พี่โสดุจ ขอโทษจริงๆ หลังจากที่ลูกชายผมแพ้ รพีพงษ์ในวันนั้น ก็ไม่ยอม มักรู้สึกว่าเพราะวันนั้นเกิด ข้อผิดพลาด เลยแพ้ไป ผมบอกเขาแล้วเขาไม่ฟัง อยากต่อสู้กับรพีพงษ์อีกครั้ง ลูกน้องพวกนี้ของผมก็ ไม่เชื่อว่าจะแพ้ได้ ดังนั้นจึงตามกันมา” เขมทัตอธิบาย

“รพีพงษ์ มาต่อยกับฉันอีกสักครั้ง ครั้งนี้ ฉัน ไม่มีทางแพ้แกแน่!” พิชยะตะคอกไปที่รพีพงษ์อย่าง เกรี้ยวกราด

“ใช่ ลูกพี่ของเราจะแพ้ได้ไง ครั้งที่แล้วเกิดข้อ ผิดพลาดก็แค่นั้น!

“ลูกพี่ของเราเป็นคนมีพรสวรรค์ ไม่มีทางแพ้ แกแน่ ชกกันอีกครั้ง ให้ลูกพี่ของเราได้พิสูจน์ฝีมือ ของตัวเอง!” คนที่ตามพิชยะมาก็ตะโกนไปที่รพีพงษ์ อย่างไม่พอใจ

โศศุจเห็นเหตุการณ์ ก็รู้สึกอึดอัด เมื่อกี้เพิ่งรู้ว่า ฝีมือของรพีพงษ์เป็นระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว ไม่เข้า ใจจริงๆว่าทำไมพิชยะไม่ยอมตนเสียที

ถ้าจะต่อยกับรพีพงษ์จริงๆ เกรงว่าต่อจากนี้ไป พิชยะจะไม่เชื่อมั่นในตัวเองอีก

“แห่มแห่ม” โศศุจไอ แล้วกล่าวต่อเขมทัตว่า “ตามที่ฉันพูด แกรีบพาพวกเขากลับไปดีกว่า อย่าหา เรื่องให้ตัวเองเลย”

เขมทัตยังพูดไม่ทันจบ พิชยะก็กล่าวว่า “คุณ ลุง คุณหมายความว่าไง คุณก็คิดว่าผมแพ้เขางั้น หรอ? ผมพิชยะ เด็กพรสวรรค์ของสำนักงานใหญ่ สหพันธ์สหภาพจีนพวกเรามาตั้งหลายปี คุณทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองได้ไงกัน”

ได้ยินพิชญะพูดดังนี้ โศศุจก็อึดอัด ถ้าเขาคือ

พิชยะล่ะก็ จะรู้สึกอับอายขึ้นมา “พิชยะ แกยอมแพ้เถอะ แกไม่ชนะรพีพงษ์

หรอก!” ชาลิสาพูดกับพิชยะ

พิชยะได้ยินหญิงในดวงใจของเขาบอกว่าตัว เองไม่โอเค ก็ยิ่งรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น แล้ว กล่าว “ผมจะใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเอง รพีพงษ์ถ้า แกเป็นผู้ชาย ก็มาต่อยกับฉันอีกครั้ง!

โศศจเบื่อหน่าย ความจริงเขาคิดว่าจะไม่ให้คน อื่น รู้เรื่องที่รพีพงษ์เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางมากนัก ตอนนี้ ดูๆแล้วพิชยะเป็นแบบนี้ ไม่พูดไม่ได้

เขาได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามมวยใต้ดินเมื่อ คืนให้กับพวกเขมทัตฟัง

“แล้วเมื่อกี้ฉันก็ได้ทดสอบ ฝีมือของรพีพงษ์

แล้ว อยู่ระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางจริง” โศศุจพูดต่อ

เขมทัตกับพิชย์และคนอื่นๆได้ยินแล้วนั้น ก็มี

ท่าทีเหมือนชาลิสา พิชยะที่มั่นใจตัวเอง สีหน้าเริ่มซีดเซียว ร่างแข็ง

ที่อราวกับหิน อยู่ตรงนั้น

เขาเพิ่งเป็นเน่ยจิ้งเท่านั้น เทียบกับเน่ยจิ้งขั้น กลางแล้ว เขาแย่มาก

รพีพงษ์มองพิชยะอย่างมาเลศนัย แล้วถาม “ยัง อยากเทียบกับผมอีกไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ