พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 655 ผมดูน่ากลั่นแกล้งเหรอ



บทที่ 655 ผมดูน่ากลั่นแกล้งเหรอ

หญิงวัยกลางคนกำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และมองออกไปนอก หน้าต่าง แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็กชาย เธอก็รีบหันกลับมา แล้วรีบก้มมองพบว่าค้อนในมือของเด็กผู้ชายเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง เธอเบิกตาโต

เธอรีบอุ้มเด็กขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง แล้วมองรพีพงษ์ด้วย สีหน้าโกรธ จากนั้นจึงสบถออกมาว่า “นายไม่มีใครสั่งสอนเหรอ คิดไม่ถึงว่าจะแกล้งเด็ก ทำไมนายถึงทำของเล่นของจำเริญพัง!

คนบนรถหันมามองพวกเขา ตอนที่เด็กชายใช้ค้อนเคาะจน ทําให้เกิดเสียงดัง คนบนรถต่างก็ไม่พอใจ ตอนนี้เห็นรพีพงษ์ ของเล่นของเด็กคนนั้นพัง ทุกคนต่างก็รู้สึกสะใจ

รพีพงษ์จ้องหญิงวัยกลางคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ว่า “ผมไม่มีใครสั่งสอนงั้นเหรอ เขาเอาค้อนทุบผม คุณทำเป็น ไม่รู้ไม่ชี้ หรือคนแบบพวกคุณเรียกว่ามีคนอบรมอย่างนั้นเหรอ”

“นายหมายความว่าไง นายจะบอกว่าไม่มีใครสั่งสอนจำเริญ งั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างโกรธจัด

“ใช่ เขาไม่มีใครสั่งสอนจริงๆ และเป็นความผิดของผู้ปกครอง อย่างคุณ” รพีพงษ์ก็ไม่ทนแล้วเหมือนกัน ถ้าวันนี้เขาทนไว้ แล้ว เด็กคนนี้โตไปจะไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ นี่มันไม่ใช่ผลดีกับเด็กด้วย

หญิงวัยกลางคนชี้หน้ารพีพงษ์ สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความโกรธ แล้วสบถออกมาว่า “แกนี่ไม่รู้จักชั่วดี กล้ามาด่าจำเริญ อย่างนี้เหรอ แกเป็นใคร ขอทานอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่า จําเริญไม่มีใครสั่งสอน เขายังเป็นเด็ก ยังไม่รู้เรื่องอะไรก็เป็น เรื่องปกติ อย่าบอกนะว่านายก็ไม่รู้เรื่องด้วย

เมื่อรพีพงษ์เห็นหญิงวัยกลางคนทุบเขา เขาตกตะลึงเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของพวกที่ชอบหา เรื่องทะเลาะกับคนอื่น ถ้าคนพวกนี้สามารถทําร้ายคนได้ หญิงวัย กลางคนคนนี้คงจะฆ่าคนได้ทั้งคันรถ

“ขอโทษด้วย หลานของคุณไม่รู้เรื่อง ผมไม่จำเป็นต้องมา

เอ็นดูเด็กคนนี้” รพีพงษ์พูด

หญิงวัยกลางคนจ้องรพีพงษ์ จากนั้นก็กัดฟันพูดว่า “ไอ้ขอทาน ฉันขอสั่งให้แกขอโทษจำเริญเดี๋ยวนี้ แล้วก็จ่ายเงินชดใช้ค่าของ เล่นมาหนึ่งพันด้วย ไม่งั้นจะให้แกรู้ฤทธิ์ของฉัน!

ขณะนั้นก็มีคนบนรถที่ทนดูต่อไม่ได้อีก จึงเอ่ยขึ้นมา “คุณ อะไร เขานั่งอยู่เฉยๆ หลานของคุณไปหาเรื่องเขาชัดๆ ตอนนี้คุณ จะให้เขาขอโทษอีก ทำไม่บนโลกนี้ถึงมีคนที่ไม่มีเหตุผลอย่าง คุณด้วย”

หญิงวัยกลางคนรีบหันไปมองคนนั้น แล้วสบถออกมาว่า “ยัง อะไรกับนาย อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น จะบอกพวกแกไว้นะ ฉัน นามสกุลวรโชติธีรธรรม ตระกูลที่กำลังรุ่งเรือง ในเมืองเกียวโต ในตอนนี้ พวกแกรู้จักไหม ฉันเป็นญาติของพวกเขา ถ้าพวกแก กล้าเข้ามายุ่ง แกซวยแน่!!
ตอนแรกมีคนอยากช่วยรพีพงษ์พูด แต่เมื่อได้ยินที่หญิงวัย กลางคนพูด สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคน จะเป็นญาติของตระกูลวรโชติธีรธรรม มิน่าล่ะถึงได้เหิมเกริม ขนาดนี้

พวกเขากลัวว่าจะมีเรื่องจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่กล้าพูดแทนรพีพงษ์ หญิงวัยกลางคนก็มี สีหน้าพออกพอใจแล้วหันมาพูดกับรพีพงษ์ว่า “แกได้ยินแล้วหรือ ยัง รีบขอโทษหลายชายฉัน ตระกูลวรโชติธีรธรรมจัดการกับ ขอทานอย่างแก ก็เหมือนจัดการมดแค่ตัวเดียวเท่านั้นแหละ!

เดิมทีรพีพงษ์ไม่ได้ต้องการให้เรื่องนี้เลยเถิด แค่อยากให้ผู้ หญิงคนนี้กลัวเท่านั้น

แต่เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้เป็นญาติของตระกูลวรโชติธีร

ธรรม สายตาของรพีพงษ์เย็นชาขึ้นมาทันที

เมื่อครู่ได้ยินคนบนรถพูดเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์รู้ว่า คนที่บีบบังคับตระกูลของเขาให้มาถึงจุดนี้คือ ตระกูลนวัต ปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม ตอนนี้อารียาแบกรับความ กดดันอย่างหนักก็เพราะสองตระกูลนี้ เขาเอาสองตระกูลนี้เข้าใน บัญชี เรียบร้อย

ตอนนี้หญิงวัยกลางคนที่ไร้มารยาทและเอาแต่บีบบังคับคนอื่น เป็นญาติของตระกูลวรโชติธีรธรรม รพีพงษ์จะปล่อยไปง่ายๆ ได้ อย่างไร

หญิงวัยกลางคนเห็นรพีพงษ์เอาแต่จ้องตัวเอง จึงแบะปากแล้วพูดว่า “แกมองอะไร หูหนวกเหรอ ตกใจที่ฉันเป็นใครหรือไง”

“คุณย่าสั่งสอนมันแทนผมด้วย ให้มันรู้ว่าเราเก่งแค่ไหน” เด็ก ชายดึงเสื้อของผู้เป็นย่า

หญิงวัยกลางคนเห็นรพีพงษ์ไม่พูดอะไร แถมยังมองเธอด้วย สายตาแปลกๆ เธอจึงหมดความอดทน เงื้อมือขึ้นจะตบรพีพงษ์

ก่อนที่ฝ่ามือของหญิงวัยกลางคนจะถูกหน้าของรพีพงษ์ ทันใด นั้นรพีพงษ์เงื้อมือขึ้นจับข้อมือของอีกฝ่าย และลุกขึ้นยืน

หญิงวัยกลางคนเตี้ยกว่ารพีพงษ์ ตอนที่รพีพงษ์ลุกขึ้นมา

ความน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาด้วย

“กะ..แกจะทำอะไร” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างติดๆ ขัดๆ

“ผมจะทำอะไรเหรอ ถ้าผมไม่ขยับ คุณก็จะตบหน้าผมไง คุณ คิดว่าผมโง่เหรอ” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะบอกแกให้ฉันคือญาติของตระกูล วรโชติธีรธรรม ถ้าแกกล้าทำให้ฉันโกรธ ฉันจะให้แกเจอกับบท เรียนอย่างสาสม” หญิงวัยกลางคนตวาดออกมา

รพีพงษ์เงื้อมืออีกข้างขึ้นมาตบไปที่หน้าของหญิงวัยกลางคน โดยไม่ลังเล เสียงตบดังขึ้น หน้าของหญิงวัยกลางคนเป็นรอย ฝ่ามือ

“เป็นญาติของตระกูลวรโชติธีรธรรมแล้วยังไง เป็นญาติของ ตระกูลนั้นแล้วจะทำอะไรกับคนอื่นก็ได้อย่างนั้นเหรอ”
จู่ๆ หญิงวัยกลางคนก็ขนลุก เธอจ้องรพีพงษ์เขม็ง จากนั้นจึง ตวาดออกมาว่า “แกต้องได้รับบทเรียน กล้าตบฉันเหรอ….

เธอยังไม่ทันพูดจบ รพีพงษ์ก็ตบลงไปอีกฉากหนึ่ง

“คุณตบผมได้ ทำไมผมจะตบคุณไม่ได้ คุณปล่อยให้หลาน ของคุณมาสร้างความวุ่นวายให้ผม ผมไม่ถือสา แต่คุณได้คืบจะ เอาศอก เด็กคนนั้นยังเด็กเลยไม่รู้เรื่องอะไร แต่ผู้ใหญ่อย่างคุณ ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอ”

รพีพงษ์พูดประโยคที่หญิงวัยกลางคนพูดกับเขาเมื่อครู่

“กะ..แก” หญิงวัยกลางคนใกล้จะระเบิดความโกรธออกมา แล้ว

รพีพงษ์ตบเธออีกหนึ่งฉาด “ผมทำไมเหรอ ผมดูน่ากลั่นแกล้ง อย่างงั้นเหรอ”

หญิงวัยกลางคนเหมือนอยากพูดอะไรอีก รพีพงษ์ขยับมืออีก

ครั้ง เธอตกใจจนหุบปากลงทันที

เด็กน้อยตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม เมื่อเห็นที่พึ่งของตัวเองอยู่ใน สภาพแบบนี้ จึงไม่กล้าทำอะไรอีก

“รีบจอดรถเลย ฉันไม่นั่งรถคนนี้แล้ว! พวกแกปฏิบัติกับผู้ โดยสารแบบนี้เหรอ ฉันถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ ยังไม่มีใครมาดู สักคน!” หญิงวัยกลางคนตะโกนไปข้างหน้า

คนขับรถจอดรถลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ผู้หญิงวัยกลางคน คนนี้ขวางหูขวางตาเขามานานแล้ว
เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นว่าไม่มีใครช่วยเธอ จึงทำได้เพียงพา เด็กลงรถด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังจากที่ลงไปจากรถ เธอยัง ตะโกนใส่รพีพงษ์ว่า “รอก่อนเถอะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!

คนขับรถปิดประตูแล้วขับรถออกไป

คนบนรถมองรพีพงษ์อย่างเงียบๆ จากนั้นก็ใครคนหนึ่งปรบมือ

จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังสนั่นรถ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ