พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 488 ฉันพูดถูกไหม



บทที่ 488 ฉันพูดถูกไหม

ตลาดโบราณสวรรค์ที่โด่งดังที่สุดในเกียวโต ร้านขายของ โบราณคาย

รพีพงษ์ออกมาจากรถแท็กซี่ แล้วเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ก็

เห็นไกรเดชยืนอยู่ตรงนั้น

ไกรเดชเห็นรพีพงษ์มา ก็รีบยิ้มพลางเดินไปทางเขา

“คุณรพี วันนี้เห็นของดีอะไรหรือยัง อย่าเกรงใจกับผมนะครับ ผมควักเงิน ซื้อของขวัญให้กับคุณรพี” ไกรเดชยิ้มพูดขึ้น

รพีพงษ์ตอบกลับ “ไม่ต้อง ผมไม่ได้สนใจวัตถุโบราณสักเท่า ไหร่ คุณให้ผม ผมก็คงไม่มีกะจิตกะใจไปเล่นกับมัน”

ทีแรกวันนี้เขาไม่ได้จะมา ทว่าก็ทำตัวไม่ถูกที่ไกรเดชเป็นมิตร เกินไป ทำให้รพีพงษ์ต้องมา อีกอย่างวิกฤตของตระกูลลัดดา วัลย์ตอนนี้ก็สามารถจัดการได้แล้ว รพีพงษ์ก็ไม่มีเรื่องอะไร ดัง นั้นภายใต้การขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าของไกรเดช รพีพงษ์จึงตกลง กับเขา

พอดีกับที่เขาเองก็ไม่ได้ไปตลาดโบราณสวรรค์มานานแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจเล่นวัตถุโบราณ ทว่าทั้งเกียวโต ผู้ที่รู้จัก วัตถุโบราณมากกว่าเขา คงไม่มากกว่าสามคน

ร้านขายของ โบราณคายก็คือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรง จําในตอนนั้นของรพีพงษ์ จำได้ว่าตอนนั้นเขายังเคยประกวดกับในที่ทั้งสองเจอครั้งแรกถึงความเข้าใจเกี่ยววัตถุโบราณ ยิ่งปรมัตถ์รู้สึกตกตะลึง

โบราณพวกนั้นของตระกูลลัดดาวัลย์จึงรับการหลักฐานในการ ตรวจเช็ควัตถุโบราณด้วย

คิดเขาปรมัตถ์ไม่ได้เจอมานานหลาย

รู้เขายังอยู่ในร้านขายโบราณคายหรือเปล่า

เพราะว่านึกเรื่องพวกนั้น ในตอนรพีพงษ์จึงอยากเยี่ยมชมนี่

“ฮ่าพวกวัตถุโบราณ จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนคุณคิดขนาดนั้น มากสุดก็แค่ยากตรงที่วิเคราะห์ของมัน คุณ รพีหากอะไรเข้าใจ ก็ถามได้เลยไกรเดชน์กว่ารพีพงษ์ บอกว่าเขาไม่สนใจการเล่นวัตถุโบราณ ก็เพราะไม่เรื่อง ดังนั้นพูดค่ากับรพีพงษ์อย่างได้ใจ

และอย่างมาก สำหรับการเล่นวัตถุโบราณเป็นถือเป็นเรื่อง ปกติอยู่แล้ว และคือความชอบของเขา และสามารถแสดงตรง หน้าของรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ว่าหัวเราะหรือร้องไห้ดี นึกไม่ว่าไกรเดช กลับนึกตนเองวัตถุโบราณเป็นดังนั้นเลยไม่สนใจ ทว่าเขาได้อยากอธิบายเยอะ ไหนไกรเดชอยากจะแสดง ก็ให้โอกาสหนึ่งกับเขา

คุณไม่บอกว่ายังเพื่อนหรอ” รพีเอ่ยถาม

เพื่อนผมเป็นผอของคณะประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต้นเมืองเซี่ยงไฮ้ สำหรับเล่นวัตถุโบราณเข้าใจอย่างซึ้ง ครั้งมาเกียวโต ต้องลากขายของ โบราณคายได้ นี่ผมเพราะเขา ถึงได้หาเวลามาหนึ่งเพื่อที่จะมา เยี่ยมชมที่นี่ไกรเดชเดินไปด้วยพูดด้วย

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วได้ถามมาก ที่ระดับแบบอย่าง ไกรเดช คนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยฟูต้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ แน่นอนว่า ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

อีกอย่างเพื่อนคนนี้พาศึกษาคนจากพวก เขามาด้วย เป็นสาวสวยที่หน้าตาสวยและเสน่ห์มาก หากคุณ รพีชอบ ผมยังสามารถทำให้จับท่านเหอะ

รพีพงษ์หันหน้าเขา แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา วันข้าง หน้าอย่าล้อเล่นแบบนี้ผมอีก ดูก่อนว่าตนเองหนา ไหม”

ทันใดนั้นไกรเดชก็สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกจุดสุดยอดศีรษะ แม้ข้างหลังไม่ตี ทว่ากลับรู้สึกได้กำลังระเหยความร้อนบางอย่างออกมา

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบพยักหน้าให้กับรพีพงษ์ ภายในใจกำลังคิดว่ารพีพงษ์ไม่ชอบการล้อเล่นแบบนี้ วันช้าง หน้าเขาจะไม่ล้อเล่นเรื่อยเปื่อยอีก ไม่งั้นยอดฝีมือที่ประสบความ สำเร็จอันยิ่งใหญ่ท่านนี้ เกรงว่าแค่ใช้นิ้วมือเดียวก็สามารถ กระทุ้งตนเองให้ตายได้

ตอนนี้รพีพงษ์ยังรู้สึกกังวลในการหายตัวไปของอารียา แล้ว ยังสามารถทนกับการล้อเล่นกับเขาแบบนี้ได้ยังไง

ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านขายของโบราณคาย แล้วมองไปทั่ว สี่ทิศตามถนน ไม่นาน รพีพงษ์ก็เห็นคนๆ หนึ่งที่สวมใส่ชุด ทางการที่อยู่ไม่ไกล ถึงแม้ผมจะขาวเล็กน้อย ทว่ากลับดูเหมือนผู้ เฒ่าที่หวีผมได้อย่างเป็นระเบียบ ผู้เฒ่าท่านนี้มีรูปร่างที่สูง แล้ว ยังไว้หางม้า สวมใส่กรอบแว่นสีดำ ท่าที่ดูสง่าเหมือนคนชั้นสูง และเป็นผู้หญิงที่เสน่ห์และโดดเด่น

ผู้หญิงคนนั้นให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนมองเพียงพริบ ตาก็รู้ว่าต้องเคยอ่านหนังสือมาเยอะ และดูเหมือนเข้าใจอะไร มากมาย

อีกอย่างอาจจะเพราะว่ารู้เยอะไปหน่อย ดังนั้นบนเรือนร่าง ของผู้หญิงจึงเคล้าด้วยความสง่าที่เลือดเย็นเล็กน้อย พวกผู้ชาย ที่สังเกตมองเธอก็มักจะถูกเธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

สองคนนี้ก็คือเพื่อนที่ไกรเดชพูดถึง คนที่ดูแก่หน่อยชื่อว่าผดุง สิทธิ์ ผู้หญิงชื่อว่ามโนชา ต่างก็เป็นนักศึกษาดีเด่นในมหาวิทยาลัยฟูตัน

ไกรเดชเห็นสองคนนี้ จึงรีบขึ้นหน้าไปกล่าวทักทาย

“ท่านผดุงสิทธิ์ ให้พวกท่านสองคนรอนานแล้ว”

ผดุงสิทธิ์และมโนชาต่างก็หันมามองทางนี้ แล้วส่งยิ้มให้กับ ไกรเดช

“ผมแนะนำให้พวกคุณรู้จักหน่อย ท่านนี้คือคุณรพีพงษ์ที่ผม เคยบอกพวกคุณ คุณรพี ท่านนี้คือผอ.คณะประวัติศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยฟูตัน คุณผดุงสิทธิ์ และคนนี้คือลูกศิษย์ของเขา มโนซา” ไกรเดชแนะนำขึ้น

ผดุงสิทธิ์และมโนชาทจึงหันไปมองรพีพงษ์เพียงพริบตาเดียว ผดุงสิทธิ์แค่พยักหน้าให้กับรพีพงษ์ แล้วคงมารยาทพื้นฐาน เพราะว่าการขอร้องของรพีพงษ์ คือไม่ให้ไกรเดชพูดฐานะของ เขาให้กับพวกเขาฟัง แค่บอกว่ารพีพงษ์เป็นเพื่อนของเขา

มโนชามองว่ารพีพงษ์โตกว่าเธอแค่ไม่กี่ปี ดังนั้นจึงสังเกตมอง ม เขาสักพัก ถึงแม้รพีพงษ์จะเป็นเพื่อนของไกรเดช ทว่าดูๆ แล้วก็ ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ

ที่ผ่านมามโนชาที่เป็นคนที่ดีเด่นก็มักจะสนใจในคนที่ดีเด่น เท่านั้น เห็นว่ารพีพงษ์ธรรมดาขนาดนี้ ไม่ว่าเขาจะพึ่งพาวิธีอะไร มากลายเป็นเพื่อนของไกรเดช มโนชาก็ไม่ค่อยสนใจที่จะคบหา รพีพงษ์ให้มากกว่านี้

รพีพงษ์กลับไม่ได้สนใจสายตาของมโนชา แค่ทักทายเธอกับผดุงสิทธิ์ตามมารยาท ผู้หญิงคนนี้สวยและดึงดูดความสนใจของ ผู้อื่นจริงๆ ทว่ารพีพงษ์ที่เจอสาวสวยมามากก็ไม่ได้รู้สึกว่ามโนชา มีความพิเศษอะไร

มโนซาเห็นรพีพงษ์ไม่ได้สนใจเธอเลยสักพัก จึงรู้สึกไม่ชิ้นเล็ก น้อย เธอเคยชินที่จะถูกคนที่มีอายุเดียวกันให้ความสำคัญ จู่ๆ ก็ ปรากฏคนๆ หนึ่งที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ กับเธอ เลยจะทำให้เธอ ค่อนข้างสนใจ และในมุมมองของมโนชา ไม่มีทางที่คนจะไม่ สนใจในตัวเอง ส่วนมากคนที่ดูไม่สนใจ มักจะเสแสร้งแกล้งทำ

แสร้งปล่อยเพื่อจับ นี่เป็นจุดเด่นผู้ชายชั่วๆ พวกนั้นในความ ทรงจําของมโนชา

“เสแสร้ง” มโนซาพิมพ์ในใจ

หลังจากที่ไกรเดชแนะนำเสร็จ ก็พาทั้งสามคนเดินรอบๆ ร้าน ขายของ โบราณคาย อยากดูจะสามารถจับผิดได้หรือไม่ หรือ ว่าจะสามารถหาของขวัญที่ดีแล้วส่งให้กับรพีพงษ์

พอเดินมาหนึ่งรอบ ไกรเดชกลับสังเกตเห็นของดีไม่กี่อย่าง ถึง แม้จะเป็นวัตถุโบราณที่ไม่เยอะขนาดนั้น ทว่าถ้าเอามาเล่น ก็ ถือว่าเหลือเฟือแล้ว

และทุกครั้งที่สังเกตเห็นของดี ผดุงสิทธิ์ก็มักจะทดสอบมโนชา ทำให้เธอพูดประวัติของของสิ่งนั้น

มโนซาก็ไม่ได้ทำให้ผดุงสิทธิ์ผิดหวังตลอดมา มักจะสามารถ บอกความเป็นมาของของพวกนั้นได้
นี่ทำให้ผดุงสิทธิ์รู้สึกภูมิใจ มโนชาเป็นนักเรียนของเขา สามารถแสดงออกมาอย่างได้ดีเด่นขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องทำให้ เขาที่เป็นอาจารย์ได้หน้าได้ตาด้วย

ไกรเดชก็รู้สึกตกตะลึงในมโนซา จึงได้กล่าวชมขึ้นตลอด ถึง แม้เขาจะมีความสนใจในการเล่นวัตถุโบราณ ทว่าถ้าเทียบกับ พวกที่เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ ก็เหมือนว่าจะเป็น บุคคลภายนอก

กลับมองรพีพงษ์ ที่ไม่พูดไม่จาตลอดทาง ไกรเดชนึกว่าร พงษ์ไม่เข้าใจ ดังนั้นเลยแนะนำให้กับรพีพงษ์มาตลอด

อีกอย่างรพีพงษ์ก็ไม่ได้สนใจคำพูดที่เล่นวัตถุโบราณพวกนั้น ของมโนซาเลย สําหรับของที่สามารถเห็นทะลุประวัติได้ในชั่ว พริบตาแบบนี้ รพีพงษ์ต้องไม่สนใจแน่นอน มีหลายๆ ครั้งตอนที่ มโนชาพูด แม้กระทั่งเขายังงาม

นี่ทำให้มโนชารู้สึกโมโหมาก เธอรู้สึกว่าไหนๆ รพีพงษ์ก็ไม่รู้ เรื่อง ก็ควรจะที่ตั้งใจฟัง ทำไมต้องแสดงท่าทีที่ทนดูไม่ได้แบบนี้ ไม่งั้นเขาก็ไม่ควรมาที่นี่ นี่ทำให้มโนชารู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นไอ้พ่อ หนุ่มที่เสแสร้งแล้วยังหยิ่งยโส

เพราะแบบนี้ตอนที่เธออธิบาย ก็มักจะเหลือบตารพีพงษ์อย่าง ตั้งใจและไม่ตั้งใจ สายตานั้นเหมือนกำลังดูหมิ่นรพีพงษ์ และไม่ สามารถบดบังความไม่พอใจของตัวเอง

รพีพงษ์ก็สังเกตเห็นนัยน์ตาของมโนชา ทว่าก็ไม่ได้สนใจ เกิด เป็นวัยรุ่น รพีพงษ์สามารถเข้าใจความคิดของมโนชา ถ้ารพีพงษ์ก็แค่นักศึกษาดีเด่นคนหนึ่ง เขาต้องคิดถึงคนรอบข้าง โดย เฉพาะอยากจะแสดงความเก่งกาจของตัวเองออกมาอย่างแปลก

เสียดายมาตรฐานของรพีพงษ์นั้นเหนือกว่ามโนชาไปเยอะ อีก อย่างเรื่องที่เขาเคยเจอมาก็ไปไกลกว่านักศึกษาเหล่านั้นที่ สามารถเทียบเทียมได้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจว่ามโนชาจะมอง เขายังไง

และตอนที่เดินไปตรงตู้โชว์หนึ่ง มโนชาก็เห็นข้างในมีเหรียญ โบราณวางไว้ นัยน์ตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็เอา ขึ้นมา แล้วมองรพีพงษ์ และพูดขึ้น คุณรพีตามเรามานานขนาด นี้แล้ว กลับไม่พูดไม่จาตลอดมา อีกอย่างตอนที่ฉันแนะนำวัตถุ โบราณ คุณรพี่เหมือนจะทนฟังไม่ไหว เหมือนว่าท่านรพี่รู้ว่าลูก พวกนี้คืออะไรในชั่วพริบตา”

“ไหนๆ คุณรพีก็สามารถเป็นเพื่อนของอาเดชแล้ว คิดว่าก็เคย มีประสบการณ์ อาเดชพาคุณมาที่นี่ งั้นคุณก็ต้องรู้วัตถุโบราณ ไม่งั้นคุณรพี่ลองแนะนำเหรียญนี้ให้ดิฉันว่ามีประวัติอะไรบ้าง? ”

ไกรเดชได้ยินมโนซาพูดด้วยความเคียดแค้น สีหน้าเปลี่ยนไป ทันที เขาเพิ่งอยากจะตำหนิมโนชา ทว่าพอนึกถึงผดุงสิทธิ์อยู่ ข้างๆ เขาก็ไม่อยากพูด

ผดงสิทธิ์มองเหรียญโบราณที่อยู่ในมือของมโนชา แล้วยิ้มพูด ขึ้น “ชา หนูก็อย่าทำให้คุณรพี่ต้องลำบากใจเลย อาเดชได้ อธิบายให้คุณรพีฟังมาตลอด นั่นก็หมายความว่าคุณรที่ไม่เข้าใจในด้านนี้ เหรียญโบราณนี้ หนูยังพบเห็นได้ยากเลย ต่อให้ เป็นคนที่คณะประวัติศาสตร์ ได้ที่รู้ก็น้อยมาก คุณรที่จะแนะนำให้ หนูได้ยังไง”

“ใช่หรอ แต่ก่อนหน้านี้หนูเห็นคุณรพีเหมือนไม่เหมือนคนที่ ไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นทําไมตอนที่หนูแนะนำถึงไม่สนใจเลย อาจารย์คะ ท่านอย่าดูถูกคุณรพีสิคะ” มโนชารีบพูดขึ้น

ฟังแล้วเหมือนเธอกำลังชมรพีพงษ์ จริงๆ แล้วกำลังขุดหลุมให้ กับรพีพงษ์ แครพีพงษ์แนะนำไม่ออก งั้นถ้าเขารู้สึกอับอายคน ก็ ยิ่งร้ายแรงกว่าเดิมแล้ว

มโนซาก็เย่อหยิ่ง แล้วทำไมเธอถึงต้องยอมให้คนที่โตกว่าเธอ ไม่กี่ปีทำตัวเย่อหยิ่งแบบนี้ล่ะ กลับไม่ได้รู้สึกสนใจในการแนะนำ ของเธอเลย

ไกรเดชเห็นมโนชาพูดแบบนี้ ก็ยิ่งกระวนกระวาย หลังจาก ลังเลไปสักพัก เธอก็รีบกระซิบข้างหูรพีพงษ์ แล้วพูดด้วยเสียง เบา “คุณรพี เธอยังเป็นนักศึกษา มีอะไรมากมายที่ไม่รู้ คุณอย่า ถือสาเธอเลย จะแนะนำหรือไม่ก็ไม่เป็นไร”

“ไม่เป็นไร” รพีพงษ์ยิ้ม ถึงแม้นึกไม่ถึงว่ามโนชาจึงนึกว่าเขา ทนฟังไม่ได้ ดังนั้นจู่ๆ ถึงได้มาทำให้เขาลำบากใจ ทว่าเขาก็ไม่ สนใจ แค่คิดว่าเป็นการแสดงของสาวน้อยก็พอ

หลังจากนั้นเขาหันไป ก็มองมโนชา แล้วยิ้มพูดขึ้น “เหรียญ โบราณนี้ในมือของคุณ ชื่อว่าเงินไซซี นายพลกบฏแห่งราชวงศ์ ถังShi Simingยึดครองลั่วหยางแล้วได้เงินไซซีมา หลังจากรู้ว่าไซ สองคํานีอัปมงคล จึงเปลี่ยนเป็นShuntian กลาย เป็น Shuntian Tong Bao”

“ไม่รู้ว่าผมพูดถูกไหม? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ