พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 395 จรรยาแพทย์ของคุณถูกหมากินไปแล้ว



บทที่ 395 จรรยาแพทย์ของคุณถูกหมากินไปแล้ว

หลังจากเทพยางค์ออกไป ก็โบกเรียกรถคันหนึ่ง รพีพงษ์เห็น เช่นนั้น ก็รีบเรียกรถอีกคันตามไป

ผ่านไปไม่นาน รถคันที่เทพยางศ์นั่งจอที่หน้าโรงพยาบาล แห่งหนึ่ง เทพยางศ์ลงจากรถ ท่าทางของเขาดูเคร่งขรึมเล็ก น้อย

รพีพงษ์ลงจากรถตาม จ้องโรงพยาบาลแห่งนั้น เห็นว่า ข้างบนเขียนว่า “โรงพยาบาลจิเรน” ตัวใหญ่

เขาคิดได้ทันที ในงานเลี้ยงอาหารค่ำการกุศลของ อธิ ชนม์ในวันนั้น อธิชนม์แนะนำเขาให้รู้จักกับชายคนหนึ่งชื่อ ชาคร ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคณบดีของโรงพยาบาลจิ เรน

โรงพยาบาลจิเรนถือว่าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองบาส แตร์ เทพยางศ์มาถึงที่นี่ น่าจะมาเยี่ยมคนป่วย

เทพยางศ์คิดถึงเรื่องที่ไอ้หัวล้านไปหาเทพยางศ์เพื่อเก็บ หนี้ในวันนั้น ดูเหมือนจะเคยพูดว่าเทพยางศ์กู้หนี้นอกระบบ เพื่อเป็นค่ารักษาโรคให้กับลูกสาวตัวเอง

เขาเดินตามเทพยางค์เข้าไปอย่างรวดเร็ว ตามเทพยางค์ ไปจนถึงหน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง เทพยางศ์ยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย มองเข้าไปข้างในผ่านกระจก ท่าทางเศร้าโศก

นี่คือห้องผู้ป่วยเดี่ยว ข้างในมีเตียงผู้ป่วยเดียงเดียว เครื่องมือต่างๆ วางอยู่ข้างบนเตียงผู้ป่วย บนเตียงมีหญิง สาวที่ดูเหมือนอายุราวๆ ยี่สิบนอนอยู่ หญิงสาวหลับตาสนิท นอกจากหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเล็กน้อย ดูไม่ออกสักนิตว่าที่ นอนอยู่คือคนที่มีชีวิต

รพีพงษ์มองเข้าไปในห้องผู้ป่วย ก็มั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้ น่าจะเป็นลูกสาวของเทพยางศ์ และถ้าเดาไม่ผิด หญิงสาว คนนั้นน่าจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว

“เธอเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ” รพีพงษ์เดินไปข้างๆ เทพยางศ์

แล้วเอ่ยถามขึ้น

เทพยางศ์ไม่ได้ตกใจ ตาทั้งสองจดจ้องหญิงสาวที่น่า สงสารในห้องผู้ป่วย ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสารและ ความรัก

“หลายปีก่อนเกิดอุบัติเหตุ” เทพยางศ์พูดอย่างเย็นชา “นายไม่ควรตามฉันมาที่นี่ ลูกสาวของฉันประสบอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ในขณะที่ตามหาสถานที่ขี้หมานั่นที่นายพูดถึง กลายเป็นสภาพแบบนี้ ฉะนั้นฉันจะไม่มีวันพูดเรื่องอะไรที่ เกี่ยวกับสถานที่อะไรนั่น”

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ รู้สึกถึงความไม่ พอใจของเทพยางศ์ที่มีต่อเทือกเขาก็สนาแห่งนี้ ปรากฏว่าเขาไม่ใช่แค่ภรรยาของเขาที่ถูกคนเทือกเขากิสนาจับ แม้แต่ ลูกสาวยังกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เพราะสถานที่แห่งนี้

ในขณะที่ รพีพงษ์ต้องการพูดปลอบเทพยางศ์ ทันใดนั้น ในที่ไม่ไกลก็มีหลายคนในเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามา คนเหล่า นี้ไม่สนใจ รพีพงษ์และเทพยางศ์เลย เปิดประตูห้องผู้ป่วยคน นั้น เดินเข้าไป

“หยุดเครื่องอุปกรณ์ที่นี่ทั้งหมด เดี๋ยวให้คนนำเจ้าหญิง นิทราคนนี้ส่งไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดาห้องละสามคน ญาติ ของเธอจ่ายเงินให้เธอสำหรับห้องผู้ป่วยธรรมดาเท่านั้น อยู่ ในห้องผู้ป่วยเดี่ยวแล้วยังเครื่องมืออุปกรณ์มากมายขนาดนี้ คิดว่าโรงพยาบาลเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ? เราก็ ต้องมีต้นทุน ต่อไปสถานการณ์แบบนี้อย่าให้เกิดขึ้นอีก” ผู้นำสั่งหลายๆ คนที่ตามเข้าไป ตำเนินการเหมือนผู้นำที่ยิ่ง ใหญ่ บนหัวของคนคนนี้มีผมเหลือไม่กี่เส้นแล้ว พุ่งยื่น เหมือนคนตั้งครรภ์

คนนี้ก็คือผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาลนี้ ชื่อ มรรษกร เพราะเขาดูแลการเงินของโรงพยาบาล เงินทั้งหมด ที่อนุมัติข้างต้นเป็นเขาที่ดูแล เพื่อเก็บเกี่ยวกำไรจากในนี้ เมื่อเขามาก็เริ่มปฏิรูปการกระจายทางการเงินของโรง พยาบาล อะไรก็ได้ที่ช่วยให้เขาประหยัดเงิน เขาจะไม่ปล่อย มันไป

เทพยางค์เห็นคนเหล่านี้จะส่งตัวลูกสาวของตัวเองไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา กระวนกระวายทันที เขารีบพุ่งเข้าไปใน ห้องผู้ป่วย ตะโกนใส่คนเหล่านั้น : “พวกคุณทำอะไร ผมจ่าย เงินไปแล้ว พวกคุณมีสิทธิ์อะไรส่งลูกสาวผมไปที่ห้องผู้ป่วย ธรรมดา!”

มรรษกรจ้องมองเทพยางศ์ พูดขึ้น: “คุณจ่ายเงินแล้ว แต่ จ่ายเฉพาะเงินสำหรับห้องผู้ป่วยธรรมดา เครื่องมือที่ทันสมัย ของเราที่นี่ไม่ต้องใช้เงินหรือไง ในบันทึกบอกว่าคุณจ่ายเงิน สำหรับห้องผู้ป่วยธรรมดามาโดยตลอด แต่นอนอยู่ในห้อง เดี๋ยวนี้มาสามปีแล้ว ผมไม่เก็บเงินย้อนหลังที่ผ่านมาก็ดีแค่ ไหนแล้ว!”

“คุณไปเรียกผู้อำนวยการชนาธิปของพวกคุณมา ผมเป็น เพื่อนกับเขา เขาสัญญาว่าจะให้ลูกสาวของผมอยู่ในห้องนี้ ตลอด” เทพยางศ์พูดด้วยความโกรธ

มรรษกรมองเทพยางศ์อย่างเย้ยหยัน พูดขึ้น: “ผมถึงว่า ทำไมคุณถึงจ่ายสำหรับห้องผู้ป่วยธรรมดามาโดยตลอด แต่ ได้อยู่ในห้องเดี่ยวนี้ เป็นเพราะได้รับอนุญาตจากไอ้แก่ชนาธิ ปนี่เอง จะบอกคุณให้ไอ้แก่ชนาธิปเกษียณแล้ว ตอนนี้ผม ดูแลการเงินของโรงพยาบาลอยู่ ฉะนั้นลูกสาวของคุณจะอยู่ ที่ไหน ต้องเป็นไปตามผมว่า!”

เซากับอดีตผู้อำนวยการชนาธิปค่อนข้างต่างกัน ตอนแรก ที่ผู้อำนวยการขนาธิปยังไม่เกษียณ มักจะข่มเขา ตอนนี้ผู้ อำนวยการชนาธิปเกษียณแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่เกรงใจเพื่อนของผู้อำนวยการชนาธิป

เทพยางศ์อิ้งไปในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการชนา ธิปจะเกษียณ ตอนที่เขายังมีหน้ามีตา ใช้ความพยายาม อย่างมากเพื่อช่วยผู้อำนวยการชนาธิป ดังนั้นหลังจาก ลูกสาวของเทพยางศ์ประสบอุบัติเหตุ ทางโรงพยาบาลจึง ยินดีให้ห้องเดี่ยวกับเขา

ตอนแรกผู้อำนวยการชนาธิปได้รับเงินจากเทพยางศ์ ส่วน ใหญ่ผู้อำนวยการชนาธิปใช้ไปในการก่อสร้างโรงพยาบาล ดังนั้นผู้อำนวยการชนาธิปรู้สึกว่าการให้ห้องแบบนี้กับเทพ ยางศ์ไม่มากเกินไป

และตอนนี้ผู้อำนวยการชนาธิปเกษียณแล้ว ผู้อำนวยการ คนใหม่มรรษกรคนนี้ไม่มีทางไว้หน้าผู้อำนวยการชนาธิป เขาถึงขั้นมีความคิดที่จะล้างแค้นโดยอาศัยเพื่อนของผู้ อำนวยการชนาธิป

ทันใดนั้นเทพยางศ์ก็ไม่รู้ควรทำอย่างไร

“ในตอนแรกผมให้ทุนสร้างโรงพยาบาลกับพวกคุณ มากมาย ที่ผู้อำนวยการชนาธิปของพวกคุณต้องมีบันทึกอยู่ แล้ว โรงพยาบาลจิเรนพัฒนาไปได้ดีขนาดนี้ ก็มีการ สนับสนุนจากผมส่วนหนึ่ง วันนี้แม้ว่าผมจะตกอับ แต่พวกคุณ ก็ไม่ควรทำกับผมแบบนี้ ลูกสาวของผมสมควรได้อยู่ห้อง นี้! ” เทพยางศ์พูดกับมรรษกรด้วยดวงตาที่แดง
มรรษกรฟังส่งเสียงหี แล้วพูดขึ้น: “นั่นเป็นเรื่องระหว่าง คุณกับผู้อำนวยการชนาธิป ไม่เกี่ยวกับผม การสนับสนุนโรง พยาบาลจากคุณ ก็ไม่เกี่ยวกับผม ตอนนี้ผมเป็นเจ้าของโรง พยาบาล ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำหน้าที่นี้ให้ดี ไม่ควรใช้เงินเกิน เกินนิดเดียวก็ไม่ได้ ลูกสาวคุณไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่”

“รีบเลย เอาลูกสาวของเขาไปไว้ที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา” หลายคนรีบไปเข็นเตียงผู้ป่วยในห้องทันที

เทพยางค์รู้สึกกังวลมากจึงตรงไปสู้กับคนเหล่านี้

และในเวลานี้ วางมือบนที่เท้าแขนของเตียงผู้ป่วย คน เหล่านั้นกำลังจะดันเตียงออกไปพบว่าไม่ว่าพวกเขาจะใช้ แรงมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถดันเตียงนี้ได้เลยสักนิด

“ใครกล้าแตะต้องเตียงนี้ อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” รพี พงษ์พูดอย่างเย็นชา

เสียงของเขาเหมือนมีเวทมนตร์ เมื่อพูดขึ้น ทำให้คนใน ห้องผู้ป่วยทั้งหมดสงบลง

มรรษกรจ้องมองไปที่รพีพงษ์ พูดอย่างเย็นชา: “คุณเป็น ใคร? มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องโรงพยาบาลของเรา? ผมเป็นผู้ อ่านวยการของโรงพยาบาลนี้ คุณออกไปเดี๋ยวนี้ โรง พยาบาลไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาสร้างความเดือดร้อนได้!”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย็นชา พูดขึ้น: “เอะอะก็เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาล แต่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามีคนป่วยอยู่ในห้องนี้ จรรยาบรรแพพท์ของคุณถูกหมากินไปแล้วรึไง?”

มรรษกรถูกรพีพงษ์ว่าให้แบบนี้ สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างมาก ทันที เขากัดฟันแน่นมองไปที่รพีพงษ์ พูด: “คุณกล้าว่าผม แบบนี้ ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร! พวกคุณจะยัง อยู่เฉยอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเรียกผู้รักษาความปลอดภัยอีก ขับไล่ไอ้หมอนี่ที่หยิ่งยโสและไม่รู้เรื่องคนนี้ออกไป!”

ทันใดนั้นคนในเสื้อคลุมสีขาวเหล่านั้นมองหน้ากัน ไม่รู้ว่า ควรทำยังไงดี

พวกเขาต่างเข้าใจสถานการณ์ห้องผู้ป่วยนี้อย่างดี ตอนที่ ผู้อำนวยการชนาธิปยังไม่เกษียณ ก็ได้บอกกับพวกเขาแล้ว ญาติของผู้ป่วยห้องนี้ได้ทำเพื่อโรงพยาบาลนี้ ฉะนั้นจ่ายใน ราคาห้องผู้ป่วยธรรมดาก็พอแล้ว

แต่ผู้อำนวยการมรรษกรที่มาใหม่คนนี้ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เลย ต้องให้คนนำตัวผู้ป่วยย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา

และเห่อตำแหน่งใหม่มาก ดังนั้นไม่มีใครกล้าที่จะต่อต้าน มรรษกรในเวลานี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ รพีพงษ์พูดนั้นถูกต้อง หากพวกเขาทำ อย่างงั้นจริงๆ พวกเขาจะผิดจรรยาบรรณในการเป็นหมอ จริงๆ
“โรงพยาบาลแห่งนี้คุณคงไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจเด็ดขาด สินะ? ถ้าจะหาจริงๆ ก็ไปเรียกคณบดีของพวกคุณมา ดูสิว่า เขาจะกล้าขับผมออกไปหรือเปล่า” รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา”

ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ในใจมรรษกรมีความคิดหลาย อย่างแวบเข้ามา เขากล้าพูดแบบนี้ หมายความว่าเขามีที่ พึ่งพาอะไรบางอย่างงั้นเหรอ?

หรือว่าคณบดีจะรู้จักไอ้หมอนี่?

ในขณะที่เขาลังเล พยาบาลคนหนึ่งวิ่งมาทางนี้ ก็คือพีรดา หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับรพีพงษ์

พีรดามาส่งรายงานให้มรรษกร เมื่อเธอเข้ามา ก็เห็นรพี พงษ์ รีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง: “รพี พงษ์? ผู้ชายธรรมดานี่มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ