พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 393 หลอกให้ตายใจก่อนแล้วจึงจัดการ



บทที่ 393 หลอกให้ตายใจก่อนแล้วจึงจัดการ

“ขอโทษด้วย ผมไม่รู้ว่าข้างในมีคน” รพีพงษ์พูดกับหญิงสาว ข้างในด้วยความลำบากใจเล็กน้อย จากนั้นก็รีบปิดประตูอีก ครั้ง

ในตอนนี้บุญณดาเดินออกมาจากห้องที่ไม่ไกล ในมือถือ ไม้เบสบอลอันหนึ่ง ตะโกนอย่างประหม่า: “โรคจิตอยู่ที่ไหน? กล้าเข้าบ้านมาวิ่งเตลิดในบ้านของฉัน แกไม่รู้หรือไงว่ามี สถานีตำรวจอยู่หน้าบ้านฉัน!”

รพีพงษ์หันไปมองบุณณดาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก วันนี้ตอน เข้ามาอาศัยเธอไม่ได้บอกตัวเองเลยว่าในบ้านหลังมีหญิง สาวอีกคน

หลังจากที่บุณณดาเห็นรพีพงษ์ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ถาม อย่างสงสัย: “รพีพงษ์? คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“เอิ่ม ผมลงมาเข้าห้องน้ำ คิดไม่ถึงว่าในนั้นจะมีคน นี่เป็น เรื่องเข้าใจผิด” รพีพงษ์อธิบาย

ในเวลานี้หญิงสาวที่อยู่ข้างในห่อด้วยผ้าขนหนูเดินออก มา ผมของเธอเปียกปอน หยดน้ำบนร่างกายก็ยังเซ็ดไม่แห้ง เมื่อเห็นรพีพงษ์ยืนอยู่หน้าประตู แสดงท่าทีระวังตัวทันที

“บุณณดา รีบแจ้งตำรวจไอ้หมอนี่เป็นโรคจิต เมื่อกี้เขาแอบดูฉันอาบน้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าบุกเข้ามาทำ เรื่องแบบนี้ตอนกลางวันแสกๆ ต้องให้ลุงตำรวจลงโทษเขา อย่างหนัก! ” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความ โกรธ

“พีรดา นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาเป็นแขกที่ย้ายเข้ามาอยู่ ในวันนี้ ฉันลืมบอกเขาไปว่าเธอก็เช่าบ้านของฉันอยู่ด้วย เขา อาจจะไม่ทันสนใจ ไม่ทันระวังเปิดเข้าไป” บุณณดาวางไม้ เบสบอลในมือตัวเองลง

พีรดามองรพีพงษ์จากบนลงล่าง ใบหน้าแดงออกถึงการ ดูถูก พูดขึ้น: “เป็นผู้เช่าที่นี่ก็อาจเป็นโรคจิตได้ ฉันอาบน้ำอยู่ ข้างในเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยิน ไม่แน่เขาอาจจะตั้งใน แอบดู เมื่อกี้ฉันถูกเขาเห็นหมดแล้ว”

รพีพงษ์พูดกับพีรดาอย่างรู้สึกผิด: “ต้องขอโทษจริงๆ ผม ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงข้างใน เห็นประตูเปิดแง้มอยู่ คิดว่าข้าง ในไม่มีคน ผมต้องขอโทษคุณด้วย รับรองว่าจะไม่เกิด เหตุการณ์แบบนี้อีก”

บุณณดาเดินไป ดึงพีรตาเข้ามา ยิ้มพูด: “พีรดา เธอเลิก โทษคนอื่นได้แล้ว เธอเองก็อาบน้ำไม่ปิดประตู ถูกเห็นเข้าก็ เป็นเรื่องสมควร แล้วเธอไม่รู้สึกเหรอว่ารพีพงษ์ดูหล่อเหลา มาก เธอชอบจินตนาการว่าหนุ่มหล่อเหล่านั้นบุกเข้ามาใน ห้องน้ำขณะที่เธอกำลังอาบน้ำไม่ใช่เหรอ? ”
พีรดาถลึงตาใส่บุณณดาจากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์จากบน ลงล่าง พบว่าคนคนนี้แต่งตัวเลอะเทอะไปบ้าง แต่ก็ดูหล่อเห ลาจริงๆ

“ที่ รอบนี้ปล่อยคุณไปก่อน ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ฉันจะไปหา ลุงตำรวจข้างหน้ามาจับคุณ! ” พีรดาบ่นพีมพา จากนั้นเดิน ตาม บุณณดาเข้าไปในห้องด้านข้าง

รพีพงษ์ส่ายหน้ายิ้ม ในใจคิดว่าตัวเองคงอยู่ในสถานที่ แห่งนี้ได้ไม่นานนัก ถูกเข้าใจผิดก็ให้เข้าใจผิดไป สำหรับเขา แล้ว มันไม่ได้สำคัญอะไรมาก

จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำแค่ห้องเดียว ไม่ ว่ายังไง เขาก็ไม่จะหยุดเข้าไปเพราะเรื่องนี้

ในห้องน้ำยังคงมีความร้อนที่สูง และกลิ่นหอมของน้ำปรุง รพีพงษ์เดินไปที่ชัก โครก เห็นข้างบนมีเสื้อชั้นในของผู้หญิง สองตัวโยนทิ้งไว้ เป็นแบบที่เซ็กซี่มาก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้อง เป็นของหญิงสาวคนเมื่อกี้แน่ๆ

เขาอยากเข้าห้องน้ำ ก็ต้องหยิบเสื้อผ้าบนฝาชักโครกขึ้น ถึงจะเปิดฝาชักโครกได้

จ้องมองเสื้อชั้นในสองตัวนั้นสักพัก รพีพงษ์คิดว่าจะหันไป บอกกับบุณณดาสักหน่อย ให้ผู้หญิงคนนั้นมาเอาเสื้อผ้าไป ของแบบนี้ถ้าให้ดีก็อย่าไปแตะต้อง
ในขณะที่เขาหันไป ประตูห้องน้ำเปิดอีกครั้ง พีรตาเดินเข้า มา เห็นรพีพงษ์จ้องมองเสื้อผ้าของเธอ รีบตะโกนทันที: “คุณ นี่มันไอ้โรคจิต ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่โรคจิต คุณจ้องมอง ชุดชั้นในฉันทำไม!”

เธอรีบเดินมา หยิบเสื้อผ้าสองชิ้นที่บนซักโครกขึ้น แล้ววิ่ง ออกจากห้องน้ำ

รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นล็อกประตูห้องน้ำ พีรดาคนนี้เข้ามาโดยที่ไม่คำนึงเลยว่ามีคนหรือเปล่า ถ้าเมื่อ ก็เขากำลังเข้าห้องน้ำ พีรดาเข้ามาโดยตรงแบบนั้น ก็คงเห็น ของรพีพงษ์ทั้งหมดแน่นอน

ในห้องนอน พีรดาหยิบเสื้อผ้าของตัวเองอย่างโมโหและ เดินกลับไปจากนั้นก็ไม่ได้สนใจบุณณดาถอดผ้าขนหนูออก โดยตรง เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไงว่าคนนั้นเป็นโรคจิต เธอยังเข้าข้าง เขา เมื่อกี้หมอนั่นจ้องมองตรงไปที่เสื้อผ้าของฉันในห้องน้ำ ดูเหมือนอยากจะหยิบขึ้นมาตามด้วยแหละ โรคจิตจริงๆ บุณณดา เธอยังเช่าบ้านให้เขาอีก เราสองสาว ถ้าเขา วางแผนทำอะไรไม่ดีจะทำยังไง” พีรดาพูดไปพร้อมกับ เปลี่ยนเสื้อผ้า

บุณณดาหัวเราะออกมา พูดขึ้น: “ช่วงนี้เธอหิวมากไม่ใช่เห รอ รพีพงษ์คนนั้นก็ดูหล่อเหลาพอดีเลย เมื่อก่อนเธอชอบอ่อยผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่มาเข่าบ้านฉันที่นี่มากไม่ใช่เห รอ ทำไมตอนนี้กลับแสร้งทำเป็นรักนวลสงวนตัวชะงั้นล่ะ”

พีรดาเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าทันที พูดขึ้น: “นี่เรียก ว่าหลอกให้ตายใจก่อนแล้วจึงจัดการ เข้าใจไหม เป็นแบบนี้ เมื่อถึงเวลาที่ฉันให้ท่า เขาก็จะติดกับดักฉันง่ายๆ ”

บุณณดามองพีรดาอย่างไม่สบอารมณ์ ในใจคิดและแล้วผู้ หญิงคนนี้ก็แสดงหน้าตาของปีศาจจิ้งจอกออกมา เธอรู้ว่าพีร ดาไม่ใช่ผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอะไรเลย เธอสองคนรู้จักกัน มานานขนาดนี้ สำหรับนิสัยของพีรดาเข้าใจแจ่มแจ้งตั้งนาน แล้ว

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพีรดานั่งข้างเตียง พูดกับบุณณดาด้วย รอยยิ้ม: “รีบบอกฉันหน่อยว่าผู้ชายคนนั้นทำงานอะไรถ้าเขา เป็นคนที่ร่ำรวย ก็จะได้ให้ท่าจริงๆ สักหน่อย”

“เธอคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ คนนั้นขนอิฐในไซต์ก่อสร้าง ช่วงนี้เขาหยุดงาน ขาถึงมาเช่าบ้านที่นี่อาศัยอยู่สองสามวัน” บุณณดาพูดขึ้น

ฟังบุณณดาพูดแบบนี้ ใบหน้าพีรดาเผยท่าทางที่ผิดหวัง ทันที และความสนใจทั้งหมดที่เพิ่งแสดงก็หายไปทันที

“เป็นคนขนอิฐนี่เอง ยังจะมีประโยชน์อะไรกับฉัน คนแบบ นี้ไม่มีสิทธิ์ให้ฉันไปอ่อย น่าผิดหวังจริงๆ ” พีรดาสีหน้าเต็ม ไปด้วยความผิดหวัง
“เขาหล่อเหลามากไม่ใช่เหรอ สามารถเติมเต็มความต้อง ต้องการของเธอก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะสนใจเรื่องรวยไม่ รวยอีก” บุณณตาพูดหยอก

“ไม่ได้เป้าหมายของฉันตอนนี้ เป็นทายาทเศรษฐีทั้งนั้น ต่อให้ไม่ใช่ทายาทเศรษฐี อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช้คนขนอิฐ ฉันยังอยากแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยโดยพึ่งใบหน้าตา ของตัวเอง เหมือนผู้ชายธรรมดาๆ เมื่อกี้ หน้าตาหล่อแล้วมี ประโยชน์อะไร ฉันไม่มีทางชอบเขาหรอก” พีรดาพูดด้วย ความรังเกียจ

“เธอคิดให้ดีดีกว่าว่าจะทำอย่างไรถ้าพรุ่งนี้ไอ้หัวล้านมา หาเรื่อง ทั้งๆ ที่สถานีตำตรวจก็อยู่ตรงหน้าเรา แต่ไอ้หัวล้าน นี่ไม่กลัวเลย ฉะนั้น ในสังคมนี้ มีเงินถึงจะเป็นราชา เงิน สามารถเคลียร์ทุกอย่างได้” พีรดาพูดขึ้นอีกครั้ง

ทันใดนั้นบุณณดาก็รู้สึกไร้ค่าขึ้นมา เธอมีบ้านหลังหนึ่งที่ เช่าให้กับไอ้หัวล้าน ผลสุดท้ายไอ้หัวล้านไม่จ่ายค่าเช่าเลย ยังใช้ลูกน้องของตัวเองหลายคน ข่มขู่เธออีกด้วย

เมื่อเธอเครียดก็พูดเรื่องนี้กับคนข้างหน้า สุดท้ายไม่เพียง แต่ไม่มีใครลงโทษไอ้หัวล้าน ไอ้หัวล้านก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย เขาขู่ว่าจะมาคุยกับเธอพรุ่งนี้

“เป็นสังคมขึ้นอยู่กับเงินและเส้นสายจริงๆ หวังว่าพรุ่งนี้ไอ้ หัวล้านจะพูดด้วยเหตุผล” บุณณดาพูดกับตัวเอง
กระทั่งเข้าวันที่สองเทพยางค์ไม่มีวี่แววออกมาเลย เมื่อ เวลาเกือบเที่ยงรพีพงษ์คิดว่าจะไปเคาะประตูที่บ้านของเทพ ยางศ์อีกครั้ง

เมื่อเขาลงชั้นล่าง ก็เห็นบุณณดายืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้า ที่เป็นกังวล เหมือนกังวลอะไรบางอย่าง

บุณณดาเห็นรพีพงษ์ลงมา ตาเป็นประกายทันที รีบพูดขึ้น: “รพีพงษ์ ตอนนี้คุณไม่ได้มีธุระอะไรใช่ไหม?”

รพีพงษ์มองบุณณดา พูดขึ้น: “คิดว่าใช่ ทำไมเหรอ?”

“คืออย่างงี้ สักพักอาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งมาหาเรื่องฉัน ฉัน ไม่แน่ใจว่าถึงตอนนั้นพวกเขาจะทำอะไรบ้าง ฉันผู้หญิงตัว คนเดียวหนีพวกเขาไม่พ้นอยู่แล้ว ฉะนั้นฉันต้องการให้คุณ เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ก็ช่วยไปเรียกตำรวจข้างหน้าให้ฉัน คุณว่ายังไง? บุณณดาพูดขึ้น

“ออ? มีคนจะมาหาเรื่องคุณ? ” รพีพงษ์ถาม

บุณณดาพยักหน้าพูด: “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก ก็แค่ พวกอันธพาลบางคนที่เช่าบ้านของฉันและไม่อยากจ่ายเงิน พวกเขาคงคิดว่าอยากได้เงินจากฉันสักหน่อย ถ้าให้เงินสัก หน่อยก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ คุณก็ไม่ต้องช่วยฉันเรียก ตำรวจแล้ว”

“ถ้าคุณรับปาก ตอนนี้ไปหลบซ่อนอยู่ข้างนอกก่อน สังเกตสถานการณ์ด้านในจากด้านนอก แบบนั้นคุณจะวิ่งได้เร็วขึ้น ไม่อย่างงั้นเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะขัดขวางคุณไปด้วย”

รพีพงษ์หัวเราะให้กับบุณณดา พูดขึ้น: “งั้นผมรอที่นี่สักพัก แล้วกัน พวกคุณอยู่ใกล้สถานีตำรวจมาก ก็ยังมีคนกล้าทำ เรื่องแบบนี้ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่มันช่างกล้า”

ความประทับใจของเขาที่มีต่อบุณณดานั้นถือว่าไม่เลว ใน เมื่อตัวเองอยากอาศัยอยู่ที่นี่ เห็นบุณณดาเจอปัญหา ช่วยได้ ก็ต้องช่วย ยังไงซะจัดการกับพวกอันธพาลสำหรับเขาแล้ว เป็นแค่เรื่องง่ายๆ

บุณณดาเห็นรพีพงษ์จะอยู่ในบ้าน ยังมีท่าทีช่วยเธอออก นอกหน้า ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

“คุณออกไปดีกว่า สักพักคนที่มามีอิทธิพลมากในย่าน เมืองเก่านี้ เขามีลูกน้องเยอะมาก คุณอยู่ข้างในสักพักคุณจะ ออกไปไม่ได้แน่” บุณณดาบอกใบ้อย่างสุภาพว่า รพีพงษ์ไม่ สามารถช่วยเธอได้

“ไม่เป็นไร ผมแรงเยอะ ถ้าต่อสู้กันขึ้นมา พวกเขาคนเยอะ ผมก็ไม่กลัว” รพีพงษ์ยิ้มพูด

บุณณดาก็พูดไม่ออกในทันที ในใจคิดคนคนนี้เป็นคนหัว ดื้อเล็กน้อย ทำไมต้องอยู่และเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นไป เรียกตำรวจข้างหน้ามาโดยตรงไม่ดีตรงไหน?
แม้เธอจะรู้ว่าเรียกมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เดิมที่เธออยากจะอธิบายให้กับรพีพงษ์ ให้รพีพงษ์ออกรอ ข้างนอกแต่โดยดี สักพักจะได้สะดวกในการเรียกคน แต่ใน เวลานี้ จู่ๆ ด้านนอกบ้านมีเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ดังกึกก้อง

บุณณดาสีหน้าเปลี่ยน รู้ว่าคนของไอ้หัวล้านมาแล้วแน่ๆ เธอมองไปที่รพีพงษ์อย่างรู้สึกผิด จากนั้นรีบเดินออกตรง ไปทางหน้าประตู

ไอ้หัวล้านพาลูกน้องของเขาหลายคนลงจากมอเตอร์ไซค์ ดวงตายังเหลือบไปยังบ้านของเทพยางศ์ที่อยู่ด้านหลังอย่าง ไม่รู้ตัว อยากดูว่าผู้มีอิทธิพลเมื่อวานยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า

เมื่อวานหลังจากไปหาหมีดำแล้ว ไอ้หัวล้านถึงรู้ว่าคนคน นั้นคือคนที่หมีดำไม่กล้ายุ่งด้วย เขาเห็นแล้วคงทำได้แค่วิ่ง หนี

เห็นว่าทางบ้านของเทพยางศ์ไม่มีคน ไอ้หัวล้านจึงถอน หายใจโล่ง ใช้แรงเคาะประตูบ้านของบุณณดา ตะโกนเสียง ดัง: “รีบเปิดประตู พี่ชายเธอฉันมาหารือกับเธอแล้ว กล้าไป แจ้งความจับฉันที่สถานีตำรวจ กล้าไม่เบาเลยนะเธอ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ