บทที่ 391 ยืมมาด้วยความสามารถ ทำไมต้องคืน
เมืองบาสแตร์ เมืองเก่า หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ดูค่อนข้างทรุด โทรม
รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าประตู ดูบ้านเลขที่ที่ขึ้นสนิมแล้วที่อยู่ ข้างๆ ดวงตาหรี่ลง
ที่นี่ก็คือสถานที่ที่จันทร์ไชยและรพีพงษ์บอกว่าคนที่รู้เรื่อง เทือกเขากิสนาอาศัยอยู่ หลังจากสังเกตการณ์อยู่สองวัน รพี พงษ์มั่นใจแล้วว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่
นอกจากนี้รพีพงษ์ยังใช้อำนาจของอธิชนม์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองบาสแตร์ ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่อาศัยอยู่ที่นี่ อย่างชัดเจนแล้ว
เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อเทพยางศ์ เป็นคนต่างถิ่นที่ย้ายมาที่ เมืองบาสแตร์เมื่อยี่สิบปีก่อน ก่อนมาเมืองบาสแตร์ เทพยาง ศ์เคยเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเขตเมืองหนึ่งทางตอนใต้ กล่าวได้ว่าครอบครัวที่ร่ำรวยมาก
และในเวลานั้นเทพยางกระฉับกระเฉงมีชีวิต บทที่ 391 ยืมมาด้วยความสามารถ ทำไมต้องคืน
เมืองบาสแตร์ เมืองเก่า หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ดูค่อนข้างทรุด โทรม
รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าประตู ดูบ้านเลขที่ที่ขึ้นสนิมแล้วที่อยู่ ข้างๆ ดวงตาหรี่ลง
ที่นี่ก็คือสถานที่ที่จันทร์ไชยและรพีพงษ์บอกว่าคนที่รู้เรื่อง เทือกเขากิสนาอาศัยอยู่ หลังจากสังเกตการณ์อยู่สองวัน รพี พงษ์มั่นใจแล้วว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่
นอกจากนี้รพีพงษ์ยังใช้อำนาจของอธิชนม์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองบาสแตร์ ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่อาศัยอยู่ที่นี่ อย่างชัดเจนแล้ว
เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อเทพยางศ์ เป็นคนต่างถิ่นที่ย้ายมาที่ เมืองบาสแตร์เมื่อยี่สิบปีก่อน ก่อนมาเมืองบาสแตร์ เทพยาง ศ์เคยเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเขตเมืองหนึ่งทางตอนใต้ กล่าวได้ว่าครอบครัวที่ร่ำรวยมาก
และในเวลานั้นเทพยางกระฉับกระเฉงมีชีวิต ชีวา ยังแต่งงานกับนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงมากในวงการ บันเทิง เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาไม่มีใครเทียบได้
แต่ช่วงเวลาดีๆ ไม่ยาวนาน ทั้งสองแต่งานไม่นาน มีวัน หนึ่งนักแสดงสาวคนนั้นถ่ายละครเสร็จ ระหว่างทางกลับบ้าน ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถเสียชีวิต และเป็นเพราะตัวรถไหม้ แม้แต่ซากศพก็ไม่หลงเหลือ
ต่อมามีคนคาดเดาตามสถานการณ์ในเวลานั้น นักแสดง สาวคนนี้อาจไม่ได้เสียชีวิตในรถ แต่ถูกคนพาไปแล้ว เนื่องจากไม่พบสิ่งที่คล้ายกับเถ้ากระดูกใดๆ บนรถ ซึ่ง สามารถยืนยันได้ว่า รถในเวลานั้นเป็นเพียงรถเปล่า อุบัติเหตุดังกล่าวจงใจทำให้เกิดขึ้น
ตอนนั้นเรื่องนี้ยังกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคม ทาง ตำรวจได้ส่งผู้คนจำนวนมากเพื่อค้นหาเบาะแสของนักแสดง หญิง แต่หาเป็นเวลานานครึ่งปีเต็ม ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ เลย หลายคนค่อนข้างจะเชื่อว่านักแสดงหญิงคนนั้นถูกไฟคลอก ในรถ ไม่พบเถ้ากระดูกในเวลานั้นเพียงเพราะเทคโนโลยีใน เวลานั้นยังพัฒนาไม่เต็มที่
แน่นอนว่ามีบางคนสงสัยว่านักแสดงหญิงคน ชีวา ยังแต่งงานกับนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงมากในวงการ บันเทิง เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาไม่มีใครเทียบได้
แต่ช่วงเวลาดีๆ ไม่ยาวนาน ทั้งสองแต่งานไม่นาน มีวัน หนึ่งนักแสดงสาวคนนั้นถ่ายละครเสร็จ ระหว่างทางกลับบ้าน ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถเสียชีวิต และเป็นเพราะตัวรถไหม้ แม้แต่ซากศพก็ไม่หลงเหลือ
ต่อมามีคนคาดเดาตามสถานการณ์ในเวลานั้น นักแสดง สาวคนนี้อาจไม่ได้เสียชีวิตในรถ แต่ถูกคนพาไปแล้ว เนื่องจากไม่พบสิ่งที่คล้ายกับเถ้ากระดูกใดๆ บนรถ ซึ่ง สามารถยืนยันได้ว่า รถในเวลานั้นเป็นเพียงรถเปล่า อุบัติเหตุดังกล่าวจงใจทำให้เกิดขึ้น
ตอนนั้นเรื่องนี้ยังกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคม ทาง ตำรวจได้ส่งผู้คนจำนวนมากเพื่อค้นหาเบาะแสของนักแสดง หญิง แต่หาเป็นเวลานานครึ่งปีเต็ม ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ เลย หลายคนค่อนข้างจะเชื่อว่านักแสดงหญิงคนนั้นถูกไฟคลอก ในรถ ไม่พบเถ้ากระดูกในเวลานั้นเพียงเพราะเทคโนโลยีใน เวลานั้นยังพัฒนาไม่เต็มที่
แน่นอนว่ามีบางคนสงสัยว่านักแสดงหญิงคน นี้ถูกผู้ค้ามนุษย์ลักพาตัวเข้าไปที่ป่าลึกสักแห่ง เนื่องจาก เทคโนโลยีความปลอดภัยและเทคโนโลยีการตรวจจับเมื่อ ยี่สิบปีก่อนยังไม่ก้าวหน้า โอกาสในการค้นหานักแสดงหญิง คนนี้เจอมีน้อยมาก
เทพยางศ์ในฐานะที่เป็นสามีของนักแสดงสาวคนนี้ ก็ต้อง กระวนกระวายใจอยู่แล้ว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อภรรยา ของเขามาก เขาเชื่อมาตลอดว่าภรรยาของเขายังไม่ตาย แต่ ถูกคนจับตัวไป เขาพึ่งพาทรัพยากรทางการเงินของตัวเอง ให้ผู้คนค้นหาเบาะแสของนักแสดงหญิงไปทั่วทุกที่
เป็นเพราะการค้นหาโดยไม่มีการจดบันทึกค่าใช้จ่าย เทพ ยางศ์ที่มีหน้ามีตาแต่เดิมจู่ๆ ก็ต้องเผชิญกับการล้มละลาย ทางการเงิน ธุรกิจของบริษัทไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เขา จึงต้องขายบริษัทและทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเอง มาที่เมือ งบาสแตร์ ซื้อบ้านหลังที่ไม่เลวในย่านนี้ ใช้เงินที่เหลือหา ภรรยาของตัวเองต่อไป
เสียดายยี่สิบปีผ่านไป เทพยางศ์ยังคงไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับภรรยาของตัวเอง เขาเองก็อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เพราะเรื่องนี้ มีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตัวเอง ค่อน ข้างแตกต่างจาก นี้ถูกผู้ค้ามนุษย์ลักพาตัวเข้าไปที่ป่าลึกสักแห่ง เนื่องจาก เทคโนโลยีความปลอดภัยและเทคโนโลยีการตรวจจับเมื่อ ยี่สิบปีก่อนยังไม่ก้าวหน้า โอกาสในการค้นหานักแสดงหญิง คนนี้เจอมีน้อยมาก
เทพยางศ์ในฐานะที่เป็นสามีของนักแสดงสาวคนนี้ ก็ต้อง กระวนกระวายใจอยู่แล้ว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อภรรยา ของเขามาก เขาเชื่อมาตลอดว่าภรรยาของเขายังไม่ตาย แต่ ถูกคนจับตัวไป เขาพึ่งพาทรัพยากรทางการเงินของตัวเอง ให้ผู้คนค้นหาเบาะแสของนักแสดงหญิงไปทั่วทุกที่
เป็นเพราะการค้นหาโดยไม่มีการจดบันทึกค่าใช้จ่าย เทพ ยางศ์ที่มีหน้ามีตาแต่เดิมจู่ๆ ก็ต้องเผชิญกับการล้มละลาย ทางการเงิน ธุรกิจของบริษัทไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เขา จึงต้องขายบริษัทและทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเอง มาที่เมือ งบาสแตร์ ซื้อบ้านหลังที่ไม่เลวในย่านนี้ ใช้เงินที่เหลือหา ภรรยาของตัวเองต่อไป
เสียดายยี่สิบปีผ่านไป เทพยางศ์ยังคงไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับภรรยาของตัวเอง เขาเองก็อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เพราะเรื่องนี้ มีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตัวเอง ค่อน ข้างแตกต่างจาก เถ้าแก่ที่ร่าเริงในตอนแรก
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเทพยางศ์ที่รพีพงษ์ให้อธิชนส่งคนไป ตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ไม่แตกต่างจากสิ่งจันทร์ไซยบอกเขา ในเวลานั้น เพียงแค่ละเอียดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ตอนนั้นจันทร์ไชยเคยบอกว่า เทือกเขากิสนาเป็นสวรรค์ ของคนรวย ข้างในในมีวิธีความสนุกความบันเทิงหลาก หลายรูปแบบเพื่อเติมเต็มคนรวยเหล่านี้ คิดว่ามีคนมากมาย สนใจในตัวนักแสดงหญิงที่โด่งดังเหล่านั้นมาก คนข้างใน จับนักแสดงหญิงหลายคนเข้าไป เป็นเรื่องที่ปกติมาก
และการค้นหาเป็นเวลานานหลายปีของเทพยางศ์ ไม่น่า จะไม่ได้รับอะไรเลย อย่างน้อยเรื่องต่างๆ ที่จันทร์ไชยรู้เกี่ยว กับเทือกเขากิสนาเหล่านั้น ก็คือได้ฟังมาจากเทพยางค์
ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกแต่งขึ้น โดยตัวของเทพยางศ์เอง งั้น ก็แสดงว่าเขาเคยไปที่เทือกเขากิสนา หรือพบปะกับผู้คนใน ละแวกเทือกเขากิสนา
เมื่อพิจารณาโดยรวม รพีพงษ์มีแนวโน้มไปทางที่สอง มากกว่า เพราะจันทร์ไชยก็บอกแล้วว่า เถ้าแก่ที่ร่าเริงในตอนแรก
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเทพยางศ์ที่รพีพงษ์ให้อธิชนส่งคนไป ตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ไม่แตกต่างจากสิ่งจันทร์ไซยบอกเขา ในเวลานั้น เพียงแค่ละเอียดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ตอนนั้นจันทร์ไชยเคยบอกว่า เทือกเขากิสนาเป็นสวรรค์ ของคนรวย ข้างในในมีวิธีความสนุกความบันเทิงหลาก หลายรูปแบบเพื่อเติมเต็มคนรวยเหล่านี้ คิดว่ามีคนมากมาย สนใจในตัวนักแสดงหญิงที่โด่งดังเหล่านั้นมาก คนข้างใน จับนักแสดงหญิงหลายคนเข้าไป เป็นเรื่องที่ปกติมาก
และการค้นหาเป็นเวลานานหลายปีของเทพยางศ์ ไม่น่า จะไม่ได้รับอะไรเลย อย่างน้อยเรื่องต่างๆ ที่จันทร์ไชยรู้เกี่ยว กับเทือกเขากิสนาเหล่านั้น ก็คือได้ฟังมาจากเทพยางค์
ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกแต่งขึ้น โดยตัวของเทพยางศ์เอง งั้น ก็แสดงว่าเขาเคยไปที่เทือกเขากิสนา หรือพบปะกับผู้คนใน ละแวกเทือกเขากิสนา
เมื่อพิจารณาโดยรวม รพีพงษ์มีแนวโน้มไปทางที่สอง มากกว่า เพราะจันทร์ไชยก็บอกแล้วว่า ไม่มีผู้คนที่เข้าสู่เทือกเขาก็สนาและมีชีวิตรอดออกมา ตอนนี้ เทพยางศ์ยังมีชีวิตอยู่ดี แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่เคยไป ในเทือกเขากิสนา
ไม่ว่ายังไง รพีพงษ์ก็ต้องได้เจอกับเทพยางศ์คนนี้ก่อน หลังจากสื่อสารกับเขาได้ความแล้ว ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าเขา รู้หรือไม่รู้ที่อยู่ของเทือกเขากิสนาเทือกเขาเgmvndกันแน่
เขาเดินไปที่หน้าประตู เคาะประตู ผ่านไปสักพัก มีเสียง ทุ้มต่ำและแหบแห้งดังมาจากข้างใน
“ใคร?”
“ผมมาหาเทพยางศ์มีเรื่องบางอย่างจะถามเขา” รพีพงษ์
พูดขึ้น
“ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าใช้ทักษะการแสดงที่ไม่ดีของนายมา หลอกฉัน ฉันจะไม่เปิดประตู พวกนายเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ฉันยืมมาด้วยความ สามารถ ทำไมต้องคืน” เสียงของคนในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ เกรงกลัว
หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้
ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตัวเอง ไม่มีผู้คนที่เข้าสู่เทือกเขาก็สนาและมีชีวิตรอดออกมา ตอนนี้ เทพยางศ์ยังมีชีวิตอยู่ดี แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่เคยไป ในเทือกเขากิสนา
ไม่ว่ายังไง รพีพงษ์ก็ต้องได้เจอกับเทพยางศ์คนนี้ก่อน หลังจากสื่อสารกับเขาได้ความแล้ว ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าเขา รู้หรือไม่รู้ที่อยู่ของเทือกเขากิสนาเทือกเขาเgmvndกันแน่
เขาเดินไปที่หน้าประตู เคาะประตู ผ่านไปสักพัก มีเสียง ทุ้มต่ำและแหบแห้งดังมาจากข้างใน
“ใคร?”
“ผมมาหาเทพยางศ์มีเรื่องบางอย่างจะถามเขา” รพีพงษ์
พูดขึ้น
“ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าใช้ทักษะการแสดงที่ไม่ดีของนายมา หลอกฉัน ฉันจะไม่เปิดประตู พวกนายเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ฉันยืมมาด้วยความ สามารถ ทำไมต้องคืน” เสียงของคนในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ เกรงกลัว
หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้
ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตัวเอง จะถูกมองเป็นคนทวงหนี้นอกระบบ แล้วคนนี้ทำไมฟังแล้ว รู้สึกไร้ยางอายจริงๆ
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาเอาหนี้นอกระบบกับ คุณ ผมได้ยินเรื่องคุณจากเพื่อน มีเรื่องบางเรื่องต้องถาม คุณ” รพีพงษ์พูด
ที่ประตูมีรู รพีพงษ์สังเกตเห็นว่ามีตาข้างหนึ่งมองออกไป ข้างนอกผ่านรู ตามด้วย ประตูนั้นก็ถูกเปิดออก
ข้างในมีคนมอมแมมไปทั้งตัวยืนอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราดูเหมือนคนที่ไม่ได้โกนมาหลายเดือน คนคนนี้ดู ห่อเที่ยว แต่มีแสงแวววาวในดวงตา
“คุณคือเทพยาง?” รพีพงษ์เอ่ยถามขึ้น
“ผมเอง มีเรื่องอะไรรีบพูด” เทพยางค์เหลือบมองรพีพงษ์ พูดอย่างเหลือทน
“คืออย่างงี้…รพีพงษ์กำลังจะพูด
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนพุ่งออกจากซอยข้างๆ รีบพุ่งตรง มาที่หน้าประตูบ้านของเทพยางศ์
เทพยางศ์เห็นสถานการณ์ ตกจนรีบปิดประตู และ จะถูกมองเป็นคนทวงหนี้นอกระบบ แล้วคนนี้ทำไมฟังแล้ว รู้สึกไร้ยางอายจริงๆ
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาเอาหนี้นอกระบบกับ คุณ ผมได้ยินเรื่องคุณจากเพื่อน มีเรื่องบางเรื่องต้องถาม คุณ” รพีพงษ์พูด
ที่ประตูมีรู รพีพงษ์สังเกตเห็นว่ามีตาข้างหนึ่งมองออกไป ข้างนอกผ่านรู ตามด้วย ประตูนั้นก็ถูกเปิดออก
ข้างในมีคนมอมแมมไปทั้งตัวยืนอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราดูเหมือนคนที่ไม่ได้โกนมาหลายเดือน คนคนนี้ดู ห่อเที่ยว แต่มีแสงแวววาวในดวงตา
“คุณคือเทพยาง?” รพีพงษ์เอ่ยถามขึ้น
“ผมเอง มีเรื่องอะไรรีบพูด” เทพยางค์เหลือบมองรพีพงษ์ พูดอย่างเหลือทน
“คืออย่างงี้…รพีพงษ์กำลังจะพูด
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนพุ่งออกจากซอยข้างๆ รีบพุ่งตรง มาที่หน้าประตูบ้านของเทพยางศ์
เทพยางศ์เห็นสถานการณ์ ตกจนรีบปิดประตู และ ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่วิ่งเร็วมากผลักประตูโดยตรง ตะโกน ใส่คนข้างหลัง: “พวกนายรีบมา ฉันตันประตูไว้แล้ว แม่งเอ๊ย ดูสิครั้งนี้ไอ้นี่ยังจะหนีไปซ่อนที่ใหนได้อีก!”
คนข้างหลังตามมาอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้าไปในบ้านของ เทพยางศ์
เทพยางศ์รีบหันหลังวิ่งไปทางด้านหลัง แต่คนพวกนั้นกด เขาลงกับพื้นทันที หลายคนยังเอาเชือก มัดตัวเขาโดยตรง
“แม่งเอ๊ย พวกแกปล่อยฉัน พวกนายบุกบ้านของฉันโดย ภาระการ ฉันจะแจ้งตำรวจ! ” เทพยางศ์ตะโกนอย่างอารมณ์ เสีย
“แกแม่งยังจะแจ้งตำรวจ? แกติดหนี้พวกเราสามแสนไม่ ยอมคืน คนที่ควรแจ้งตำตรวจน่าจะเป็นพวกเรามากกว่ามั้ง? ” คนคนหนึ่งตบเข้าที่หน้าของเทพยางค์
“พวกแกเป็นหนี้นอกระบบ ฉันแค่รวบรวมหลักฐานเพื่อให้ ตำรวจเปิดโปงพวกแก ฉันจะบอกพวกแกให้ ฉันเป็นสายลับ ของตำรวจแล้ว ถ้าพวกนายไม่ปล่อยฉัน พวกนายก็รอถูก กำจัดทิ้งเถอะ!” เทพยางศ์ตะโกนเป็นจริงเป็นจัง ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่วิ่งเร็วมากผลักประตูโดยตรง ตะโกน ใส่คนข้างหลัง: “พวกนายรีบมา ฉันตันประตูไว้แล้ว แม่งเอ๊ย ดูสิครั้งนี้ไอ้นี่ยังจะหนีไปซ่อนที่ใหนได้อีก!”
คนข้างหลังตามมาอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้าไปในบ้านของ เทพยางศ์
เทพยางศ์รีบหันหลังวิ่งไปทางด้านหลัง แต่คนพวกนั้นกด เขาลงกับพื้นทันที หลายคนยังเอาเชือก มัดตัวเขาโดยตรง
“แม่งเอ๊ย พวกแกปล่อยฉัน พวกนายบุกบ้านของฉันโดย ภาระการ ฉันจะแจ้งตำรวจ! ” เทพยางศ์ตะโกนอย่างอารมณ์ เสีย
“แกแม่งยังจะแจ้งตำรวจ? แกติดหนี้พวกเราสามแสนไม่ ยอมคืน คนที่ควรแจ้งตำตรวจน่าจะเป็นพวกเรามากกว่ามั้ง? ” คนคนหนึ่งตบเข้าที่หน้าของเทพยางค์
“พวกแกเป็นหนี้นอกระบบ ฉันแค่รวบรวมหลักฐานเพื่อให้ ตำรวจเปิดโปงพวกแก ฉันจะบอกพวกแกให้ ฉันเป็นสายลับ ของตำรวจแล้ว ถ้าพวกนายไม่ปล่อยฉัน พวกนายก็รอถูก กำจัดทิ้งเถอะ!” เทพยางศ์ตะโกนเป็นจริงเป็นจัง “คุยโว คุยโวเข้าไป ด้วยความประพฤติแย่ๆ แบบแกเนี่ย นะ กลายเป็นสายลับของตำรวจ เขาคงจะรู้สึกว่านายเป็นแค่ โรคประสาท! ”
รพีพงษ์มองดูสถานการณ์ข้างใน เดาได้ว่าคนพวกนี้น่าจะ มาทวงหนี้นอกระบบ
คำพูดของเทพยางศ์ทำให้รพีพงษ์อดหัวเราะไม่ได้ เพื่อไม่ คืนหนี้นอกระบบนี้ เขากล้าพูดไปซะทุกอย่างจริงๆ
และในขณะนี้ ไอ้หัวล้านคนหนึ่งที่มีแผลเป็นบนใบหน้า เดินมาทางนี้ ในมือถือมีดเล่มหนึ่ง
ตอนที่ไอ้หัวล้านเดินไปที่หน้าประตู ยังเหลือบจ้องไปที่รพี พงษ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร และเดินตรงเข้าไปข้างใน
“ลูกพี่ไอ้โง่นี่ไม่ยอมคืนเงิน ผมว่าเราคงต้องตัดแขนเขา แล้วล่ะ ประสาทอย่างเขา คิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาคืนเงิน ให้เรา”
คนข้างในเห็นไอ้หัวล้านเข้ามา ก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที
“พวกแกมีสิทธิ์อะไรให้ฉันคืนเงิน ฉันเอาเงินให้โรง พยาบาลหมดแล้ว พวกเขารับเงินของฉัน ถ้า “คุยโว คุยโวเข้าไป ด้วยความประพฤติแย่ๆ แบบแกเนี่ย นะ กลายเป็นสายลับของตำรวจ เขาคงจะรู้สึกว่านายเป็นแค่ โรคประสาท! ”
รพีพงษ์มองดูสถานการณ์ข้างใน เดาได้ว่าคนพวกนี้น่าจะ มาทวงหนี้นอกระบบ
คำพูดของเทพยางศ์ทำให้รพีพงษ์อดหัวเราะไม่ได้ เพื่อไม่ คืนหนี้นอกระบบนี้ เขากล้าพูดไปซะทุกอย่างจริงๆ
และในขณะนี้ ไอ้หัวล้านคนหนึ่งที่มีแผลเป็นบนใบหน้า เดินมาทางนี้ ในมือถือมีดเล่มหนึ่ง
ตอนที่ไอ้หัวล้านเดินไปที่หน้าประตู ยังเหลือบจ้องไปที่รพี พงษ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร และเดินตรงเข้าไปข้างใน
“ลูกพี่ไอ้โง่นี่ไม่ยอมคืนเงิน ผมว่าเราคงต้องตัดแขนเขา แล้วล่ะ ประสาทอย่างเขา คิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาคืนเงิน ให้เรา”
คนข้างในเห็นไอ้หัวล้านเข้ามา ก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที
“พวกแกมีสิทธิ์อะไรให้ฉันคืนเงิน ฉันเอาเงินให้โรง พยาบาลหมดแล้ว พวกเขารับเงินของฉัน ถ้า พวกแกอยากเอา ฉันเอาใบเสร็จให้พวกแก พวกแกไปตาม เอาที่โรงพยาบาลไป” เทพยางศ์ตะโกนอีกครั้ง
ไอ้หัวล้านได้ยินคำพูดของเทพยางศ์ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา เอามีดในมือของตัวเองจ่อตรงที่คอของเทพยางค์
“เทพยาง คนอื่นคิดว่าแกเป็นประสาท แต่ฉันรู้ว่าในใจ แกมีสติดี แกก็แค่ไม่อยากคืนเงิน ไม่จำเป็นต้องอ้างเหตุผล มากมายขนาดนี้ออกมา แกเอาเงินให้กับโรงพยาบาล ทั้งหมด ใช้เป็นค่ารักษาลูกสาวแกสินะ แกคิดว่าด้วยอำนาจ ของฉัน อยากตรวจสอบโรงพยาบาลที่ลูกสาวแกอยู่ ยากเห รอ? ” ไอ้หัวเราะพูดด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเทพยางศ์ เปลี่ยนไปอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะตัว สั่น การแสดงออกบนใบหน้าก็จริงจังมากขึ้นเช่นกัน
“ถ้าแกกล้าทำอย่างนั้น ฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ อย่างน้อย ฉันก็แค่เข้าคุก พวกแกก็ต้องเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนฉัน! ” เทพ ยางศ์กัดฟันพูด
ไอ้หัวล้านหัวเราะเย้ยหยัน พูดขึ้น: “แกคิดว่าสายงานที่ฉัน ทำอยู่นี่ต้องพึ่งอะไรไหม? ขี้ขลาดตาขาวงั้นเหรอ?” พวกแกอยากเอา ฉันเอาใบเสร็จให้พวกแก พวกแกไปตาม เอาที่โรงพยาบาลไป” เทพยางศ์ตะโกนอีกครั้ง
ไอ้หัวล้านได้ยินคำพูดของเทพยางศ์ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา เอามีดในมือของตัวเองจ่อตรงที่คอของเทพยางค์
“เทพยาง คนอื่นคิดว่าแกเป็นประสาท แต่ฉันรู้ว่าในใจ แกมีสติดี แกก็แค่ไม่อยากคืนเงิน ไม่จำเป็นต้องอ้างเหตุผล มากมายขนาดนี้ออกมา แกเอาเงินให้กับโรงพยาบาล ทั้งหมด ใช้เป็นค่ารักษาลูกสาวแกสินะ แกคิดว่าด้วยอำนาจ ของฉัน อยากตรวจสอบโรงพยาบาลที่ลูกสาวแกอยู่ ยากเห รอ? ” ไอ้หัวเราะพูดด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเทพยางศ์ เปลี่ยนไปอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะตัว สั่น การแสดงออกบนใบหน้าก็จริงจังมากขึ้นเช่นกัน
“ถ้าแกกล้าทำอย่างนั้น ฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ อย่างน้อย ฉันก็แค่เข้าคุก พวกแกก็ต้องเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนฉัน! ” เทพ ยางศ์กัดฟันพูด
ไอ้หัวล้านหัวเราะเย้ยหยัน พูดขึ้น: “แกคิดว่าสายงานที่ฉัน ทำอยู่นี่ต้องพึ่งอะไรไหม? ขี้ขลาดตาขาวงั้นเหรอ?” “จะบอกแกให้ ถ้าวันนี้ไม่เห็นเงิน ไม่เพียงแค่ลูกสาวแก เดือดร้อน แขนสองข้างของแกนี้ ก็อย่าคิดว่าจะรักษาไว้ได้! ”
ไอ้หัวล้านถือมีดขู่เทพยางศ์ รอเทพยางศ์พูด
ในเวลานี้ มีคนตบไหล่ของเขา เขาหันหน้ามองไป พบว่า
เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก “ปล่อยเขาซะ” รพีพงษ์พูดเบาๆ
ไอ้หัวล้านหันไป ชี้มีดไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้น: “แม่งแกเป็น ใครอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องเหรอ?”
“เงินที่เขาเป็นหนี้พวกแกฉันคืนแทนให้ได้” รพีพงษ์พูดต่อ
เทพยางศ์คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดออกมาแบบนี้ ตกใจ เล็กน้อยเช่นกัน แต่มีคนคืนเงินแทนเขา เขาก็ต้องยินดีอยู่ แล้ว ฉะนั้นจึงรีบตะโกนขึ้น: “พวกแกได้ยินไหม คนคนนี้จะ ช่วยฉันคืนหนี้ พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ไอ้หัวล้านมองไปรพีพงษ์ ดูคนคนนี้เหมือนไม่ใช่คนฐานะดี อะไร จึงถาม: “แกมั่นใจนะว่าจะช่วยเขาคืนหนี้? เขาเป็นหนี้ พวกเราสามแสนเลย “จะบอกแกให้ ถ้าวันนี้ไม่เห็นเงิน ไม่เพียงแค่ลูกสาวแก เดือดร้อน แขนสองข้างของแกนี้ ก็อย่าคิดว่าจะรักษาไว้ได้! ”
ไอ้หัวล้านถือมีดขู่เทพยางศ์ รอเทพยางศ์พูด
ในเวลานี้ มีคนตบไหล่ของเขา เขาหันหน้ามองไป พบว่า
เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก “ปล่อยเขาซะ” รพีพงษ์พูดเบาๆ
ไอ้หัวล้านหันไป ชี้มีดไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้น: “แม่งแกเป็น ใครอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องเหรอ?”
“เงินที่เขาเป็นหนี้พวกแกฉันคืนแทนให้ได้” รพีพงษ์พูดต่อ
เทพยางศ์คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดออกมาแบบนี้ ตกใจ เล็กน้อยเช่นกัน แต่มีคนคืนเงินแทนเขา เขาก็ต้องยินดีอยู่ แล้ว ฉะนั้นจึงรีบตะโกนขึ้น: “พวกแกได้ยินไหม คนคนนี้จะ ช่วยฉันคืนหนี้ พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ไอ้หัวล้านมองไปรพีพงษ์ ดูคนคนนี้เหมือนไม่ใช่คนฐานะดี อะไร จึงถาม: “แกมั่นใจนะว่าจะช่วยเขาคืนหนี้? เขาเป็นหนี้ พวกเราสามแสนเลย ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็สุดจะทน เห็นลูกน้องพวกนั้นของไอ้หัว ล้านเหมือนอยากลงไม้ลงมือกับเขา เขาไม่เกรงใจ ลงมือ ทันที โยนพวกเขาทั้งหมดออกไปนอกประตู
ถูกโยนออกไปเรียงรายกัน ด้านนอกกองเป็นเนินเขาเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
ไอ้หัวล้านถูกกดอยู่ที่พื้น แทบจะหายใจไม่ออก
“เบอร์ที่ฉันให้พวกแกมีผลจริงๆ พวกนายแค่บอกว่ารพี พงษ์เป็นหนี้พวกนาย ให้เขาช่วยคืนก็พอ” รพีพงษ์พูดกับคน ข้างนอก หลังจากนั้นก็ปิดประตู
คนทั้งกลุ่มลุกขึ้นจากพื้น ทุกคนจ้องไปที่ประตูบ้านของ เทพยางศ์ด้วยใบหน้าที่โกรธ อยากจะพุ่งกลับไปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ทุกคนรู้ถึงความร้ายกาจของรพีพงษ์แล้ว จึงไม่มี ใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า
“ลูกพี่เราจะทำยังไง? คงไม่สามารถปล่อยให้ผ่านไปแบบ นี้หรอก?” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้น
ไอ้หัวล้านก็กัดฟันกรอด จากนั้นพูดขึ้น: ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็สุดจะทน เห็นลูกน้องพวกนั้นของไอ้หัว ล้านเหมือนอยากลงไม้ลงมือกับเขา เขาไม่เกรงใจ ลงมือ ทันที โยนพวกเขาทั้งหมดออกไปนอกประตู
ถูกโยนออกไปเรียงรายกัน ด้านนอกกองเป็นเนินเขาเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
ไอ้หัวล้านถูกกดอยู่ที่พื้น แทบจะหายใจไม่ออก
“เบอร์ที่ฉันให้พวกแกมีผลจริงๆ พวกนายแค่บอกว่ารพี พงษ์เป็นหนี้พวกนาย ให้เขาช่วยคืนก็พอ” รพีพงษ์พูดกับคน ข้างนอก หลังจากนั้นก็ปิดประตู
คนทั้งกลุ่มลุกขึ้นจากพื้น ทุกคนจ้องไปที่ประตูบ้านของ เทพยางศ์ด้วยใบหน้าที่โกรธ อยากจะพุ่งกลับไปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ทุกคนรู้ถึงความร้ายกาจของรพีพงษ์แล้ว จึงไม่มี ใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า
“ลูกพี่เราจะทำยังไง? คงไม่สามารถปล่อยให้ผ่านไปแบบ นี้หรอก?” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้น
ไอ้หัวล้านก็กัดฟันกรอด จากนั้นพูดขึ้น: “คนข้างในร้ายกาจเกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เรื่องนี้ เกรงว่าต้องให้พี่หมีตำมาจัดการแล้ว พวกนายกลับไปก่อน ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับพี่หมีตำ”
พวกลูกน้องฟังไอ้หัวล้านพูดแล้ว ต่างผงกหัว หันหลังกลับ
ไป
และไอ้หัวล้านก็รีบเรียกรถ รีบเข้าไปในเมือง
ในร้านKTVแห่งหนึ่ง หมีดำและไอ้หัวล้านนั่งอยู่ด้วยกัน หมีตำกำลังร้องเพลง ไอ้หัวล้านนั่งอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าเต็มไป ด้วยความเคารพ และไม่กล้าขัดจังหวะ
รอเป็นเวลานาน หมีดำร้องเพลงจบหนึ่งเพลง ไอ้หัวล้านจึง หาโอกาสได้ พูดเรื่องของตัวเองให้หมีดำฟัง
“คนคนนั้นให้เบอร์โทรศัพท์กับผม บอกว่าโทรเบอร์นี้จะ ขอเงินได้ ผมคิดว่าเขาน่าจะหลอกผมแน่ๆ ฉะนั้นจึงมาหาพี่ หมีดำขอความช่วยเหลือ” ไอ้หัวล้านพูด ยื่นกระดาษโน้ต แผ่นนั้นให้หมีดำ
หมีต่าจ้องที่กระดาษโน้ตอย่างไม่สนใจจากนั้นดวงตาทั้ง สองข้างก็เบิกกว้าง นี่มันเบอร์ “คนข้างในร้ายกาจเกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เรื่องนี้ เกรงว่าต้องให้พี่หมีตำมาจัดการแล้ว พวกนายกลับไปก่อน ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับพี่หมีตำ”
พวกลูกน้องฟังไอ้หัวล้านพูดแล้ว ต่างผงกหัว หันหลังกลับ
ไป
และไอ้หัวล้านก็รีบเรียกรถ รีบเข้าไปในเมือง
ในร้านKTVแห่งหนึ่ง หมีดำและไอ้หัวล้านนั่งอยู่ด้วยกัน หมีตำกำลังร้องเพลง ไอ้หัวล้านนั่งอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าเต็มไป ด้วยความเคารพ และไม่กล้าขัดจังหวะ
รอเป็นเวลานาน หมีดำร้องเพลงจบหนึ่งเพลง ไอ้หัวล้านจึง หาโอกาสได้ พูดเรื่องของตัวเองให้หมีดำฟัง
“คนคนนั้นให้เบอร์โทรศัพท์กับผม บอกว่าโทรเบอร์นี้จะ ขอเงินได้ ผมคิดว่าเขาน่าจะหลอกผมแน่ๆ ฉะนั้นจึงมาหาพี่ หมีดำขอความช่วยเหลือ” ไอ้หัวล้านพูด ยื่นกระดาษโน้ต แผ่นนั้นให้หมีดำ
หมีต่าจ้องที่กระดาษโน้ตอย่างไม่สนใจจากนั้นดวงตาทั้ง สองข้างก็เบิกกว้าง นี่มันเบอร์ ส่วนตัวของฉันไม่ใช้เหรอ?
“คนที่ให้กระดาษโน้ตพูดอะไรอีก? ” หมีดำรีบถามขึ้น
“คนนั้นบอกว่าแต่พูดว่ารพีพงษ์เป็นหนี้พวกผม โทรเบอร์นี้ ก็จะได้เงิน” ไอ้หัวล้านพูดขึ้นอีก
หมีดำจ้องมองไอ้หัวล้าน จากนั้นก็พูดลอยๆ : “เบอร์นี้ไม่ ต้องโทรแล้ว เงินนี้นายก็ไม่ต้องเอาแล้ว”
“หะ? ” ไอ้หัวล้านเบิกตากว้างทันที สีหน้างงงวย พูตขึ้น “เพราะอะไรกัน?”
หมีดำเหลือบมอง พูดอย่างเย็นชา: “เพราะเบอร์นี้เป็น เบอร์ของกู หรือถึงยังจะอยากเอาเงินจากกู?”
ไอ้หัวล้านตะลึงอยู่ตรงนั้นทันที ไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน ส่วนตัวของฉันไม่ใช้เหรอ?
“คนที่ให้กระดาษโน้ตพูดอะไรอีก? ” หมีดำรีบถามขึ้น
“คนนั้นบอกว่าแต่พูดว่ารพีพงษ์เป็นหนี้พวกผม โทรเบอร์นี้ ก็จะได้เงิน” ไอ้หัวล้านพูดขึ้นอีก
หมีดำจ้องมองไอ้หัวล้าน จากนั้นก็พูดลอยๆ : “เบอร์นี้ไม่ ต้องโทรแล้ว เงินนี้นายก็ไม่ต้องเอาแล้ว”
“หะ? ” ไอ้หัวล้านเบิกตากว้างทันที สีหน้างงงวย พูตขึ้น “เพราะอะไรกัน?”
หมีดำเหลือบมอง พูดอย่างเย็นชา: “เพราะเบอร์นี้เป็น เบอร์ของกู หรือถึงยังจะอยากเอาเงินจากกู?”
ไอ้หัวล้านตะลึงอยู่ตรงนั้นทันที ไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ