บทที่ 332 ทำตามใจของนายได้ตามสบาย
อารียามองท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของรพี พงษ์ เธอเป็นกังวล แต่เธอไม่มีทางห้ามรพีพงษ์ได้ ราวกับ ว่านี่คือชะตากรรมของรพีพงษ์ ใครก็ไม่สามารถห้ามเขา ได้
“ผมรู้ว่าคุณกังวล คุณวางใจเถอะ ศัตรูตัวฉกาจของ ผมที่เกียวโตก็คือวีธรา ตอนนี้เธอตายไปแล้ว อีกทั้งป้าย คำสั่งกับรหัสบัญชีหลักของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ อยู่ในมือผมแล้ว การที่ผมกลับไปครั้งนี้ ผมแค่ปรากฏตัว ให้พวกเขาเห็น ก็สามารถเอาตระกูลกลับมาเป็นของผม แค่ต้องคิดแผนรับมือผู้หญิงอย่างโยษิตาเท่านั้นเอง” รพี พงษ์เอ่ยขึ้น
เขาไม่ได้พูดให้อารียาสบายใจ แต่มันเป็นเรื่องจริง เมื่อไม่มีป้ายคำสั่งกับอำนาจในการใช้สมบัติของตระกูล ลัดดาวัลย์ ถึงแม้โยษิตาจะใช้อำนาจที่วีธราหลงเหลือไว้ ให้แล้วให้คนในตระกูลมาจัดการเขา นั่นมันก็แค่เรื่องเล็ก น้อยเท่านั้น
อารียาสูดหายใจเฮือก เธอมองรพีพงษ์ด้วยแววตา มั่นใจ หญิงสาวยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเชื่อนาย”
“แต่ว่าตอนนี้ นายจะเล่าเรื่องเมื่อก่อนของนายให้ฉัน ฟังได้หรือยัง ฉันอยากรู้เรื่องในอดีตของนายมาตลอด เมื่อก่อนนายเอาแต่พูดว่าเมื่อถึงเวลาก็จะบอกฉันเอง ตอน นี้น่าจะถึงเวลานั้นแล้วใช่ไหม” อารียาเบิกตาโตมองรพี พงษ์ รพีพงษ์หัวเราะ ในเมื่อวีธราตายไปแล้ว คงไม่เป็น อะไรถ้าจะบอกเรื่องพวกนี้กับอารียา
“ในเมื่อคุณอยากรู้ งั้นผมจะเล่าให้คุณฟังละกัน แต่ ทางที่ดีคุณอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร การปกปิดคือการ ปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด วันนี้คุณก็เห็นแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะวี ธราคิดว่าผมเป็นคนไม่เอาไหน เธอคงเอาคนของตระกูล ลัดดาวัลย์มาฆ่าผม คงไม่เหลือโอกาสให้ผมได้ยืนอยู่ตรง นี้หรอก” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
อารียาพยักหน้า “นายวางใจเถอะ ฉันจะไม่เล่าเรื่องนี้ ให้ใครฟังเด็ดขาด”
รพีพงษ์คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงสูดหายใจ แล้วเริ่มเล่า เรื่องของวีธรา เขาเล่าเรื่องก่อนที่วีธราจะแต่งเข้ามาใน ตระกูลลัดดาวัลย์ จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองใน ตระกูลลัดดาวัลย์
เขาเล่าเรื่องวัยเด็กที่เขามีพรสวรรค์กว่าคนอื่น และ เรื่องที่วีธราเย็นชากับเขา ศิลปะป้องกันตัวที่นนทภูสอนให้ เขา รวมถึงเรื่องที่นนทภูหายตัวไป
สุดท้ายจึงโยงไปถึงเรื่องที่วีธรากับโยษิตาไล่เขาออก จากบ้าน และใส่ร้ายเขามาตลอด รวมถึงเรื่องครั้งก่อนที่ เขากลับเกียวโต
เมื่อฟังเรื่องที่รพีพงษ์เล่าจบ จิตใจของอารียาเต็มไป ด้วยความรู้สึกมากมาย เธอคิดว่าการที่เธอเจอเหตุการณ์ ต่างๆในตระกูลฉัตรมงคลว่าเยอะแล้ว คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ จะผ่านอะไรมามากมายยิ่งกว่าเธอหลายเท่า ถึงแม้ว่าเธอจะถูกกลั่นแกล้งในตระกูลฉัตรมงคล แต่ อย่างน้อยมันก็แค่วัยเด็ก ตอนมัธยมกับมหาวิทยาลัยเธอ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอไม่มีความสุขตอนที่อยู่ใน ตระกูลแล้วเจอหน้าชรินทร์ทิพย์กับธายุกรเท่านั้น
แต่รพีพงษ์ต้องเจอความเย็นชาของวีธราตั้งแต่เด็ก แถมเขายังไม่รู้ว่าวีธราเกลียดเขาตั้งแต่แรก
เธอรับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมที่วีธรามีต่อรพีพงษ์ ตอน นั้นที่เห็นวีธราถูกจักรพันธ์บีบคอ จริงๆ เธอรู้สึกว่าวีธราน่า สงสาร แต่หลังจากฟังเรื่องที่รพีพงษ์เล่า เธอรู้สึกว่าการที่วี ธราตายเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
คนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแบบผู้หญิงคนนั้น จะได้รับการ ให้อภัยจากรพีพงษ์ได้อย่างไร
รพีพงษ์เล่าเรื่องที่ตัวเองได้ผ่านมาจนจบ เขารู้สึกหดหู่ ใจ ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองผ่านมันมาได้ แต่เมื่อ พูดเรื่องนี้ออกมา เขาก็รู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจาก อก เขารู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆ
ไม่มีใครที่ไม่อยากได้รับความเอาใจใส่จากผู้เป็นแม่ แต่รพีพงษ์ไม่เคยได้รีบสิ่งนี้ เขาไม่รู้ว่าความรักของแม่ เป็นอย่างไร มันเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากใจเขา
นี่ถึงเป็นสาเหตุที่หลังจากรพีพงษ์มาถึงเมืองริเวอร์ เขาถึงรักอารียาอย่างไม่สามารถห้ามใจได้ มีแค่อารียาที่ เป็นแสงสว่างตอนที่เขาอยู่ในค่ำคืนอันโดดเดี่ยว
“คุณยังจำเรื่องเมื่อสองสามปีก่อนได้ไหม ที่สถานี รถไฟเมืองริเวอร์ คุณได้ช่วยคนที่เสื้อขาดหลุดลุ่ยและ ไม่มีที่ไป” รพีพงษ์ถามขึ้น
อารียาคิดไปคิดมา เรื่องนานขนาดนั้นเธอจำไม่ได้แล้ว
“ผมรู้ว่าคุณคงจะลืมไปแล้ว สำหรับคุณแล้วมันเป็น เพียงการช่วยเหลือคนเท่านั้น แต่สำหรับผมมันคือความ หวังที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ ผมไม่มีวันลืมของที่คุณให้ผม กินในคืนนั้น คำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยเหล่านั้น รอย ยิ้มที่อยู่บนใบหน้า สำหรับผมแล้วมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ ผมได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของผู้หญิง”
“ดังนั้นต่อมาผมจึงไปหาคุณย่าฉัตร แล้วบอกฐานะ ของผม อีกทั้งยังรับรองกับเธอว่าผมจะทำให้คุณใช้ชีวิต อย่างมีความสุข คุณย่าฉัตรตอบตกลงเงื่อนไขของผม จากนั้นจึงขอให้ผมแต่งเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณ ถึงแม้ว่า จะดูออกว่าคุณไม่เต็มใจ แต่ผมมั่นใจว่าผมจะเปลี่ยน ความคิดที่คุณมีต่อผมได้ อีกทั้งความจริงมันก็พิสูจน์แล้ว ว่าผมทำได้”
รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูด เยอะขนาดนี้ และเป็นเพียงครั้งเดียวที่เขาจะพูดความใน ใจออกมา
อารียาเบิกตาโตมองรพีพงษ์ เธอพูดด้วยสีหน้าตกใจ “งั้นตอนแรกคุณย่าก็บังคับให้นายแต่งเข้ามาในบ้านฉัน ไม่ได้คิดว่าพ่อของฉันเป็นคนไม่เอาไหน แต่เพราะรู้ว่านาย เป็นใครเหรอ”
“แน่นอน คุณย่าชอบคุณมาตั้งแต่แรก จะปล่อยให้คุณ แต่งง่ายๆ ได้ยังไง ถ้าผมไม่บอกฐานะของผม คุณย่าก็ คงจะไม่ยอมเหมือนกัน” รพีพงษ์พูดแล้วยิ้มออกมา
“แต่ว่าได้ยินนายพูดแบบนี้ เพราะว่าฉันช่วยนายครั้ง นั้น นายเลยยึดติดกับมัน” อารียาพูดด้วยความหงุดหงิด เล็กน้อย
“มันก็อย่างที่คุณพูด ถ้าคืนนั้นไม่ได้รอยยิ้มที่อบอุ่น เหมือนฤดูใบไม้ผลิของคุณ ไม่แน่ตอนนี้คุณอาจจะแต่ง เข้าไปในบ้านเศรษฐีสุดหล่อ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้ว ก็ได้” รพีพงษ์พูด
อารียาย่นปากยู่เธอหยิกเนื้อที่แขนของตัวเองแล้วพูด ว่า “ในเมื่อตัวติดกันไปทั้งชีวิตแล้ว เป็นไงก็เป็นกัน”
รพีพงษ์หัวเราะออกมาเสียงดัง “ที่จริงผมก็เป็นหนุ่มรูป หล่อชาติตระกูลดี บางทีเศรษฐีพวกนั้นอาจจะไม่สามารถ ซื้อสร้อยหัวใจวีตัสให้คุณได้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอารียา “นายพูดถูก ตั้งแต่ฉันเห็นว่านายยิ่งดูยิ่งเข้าตา จู่ๆ ฉันก็คิดว่านายก็ หล่อและรวยไม่ด้อยไปกว่าเศรษฐีพวกนั้น”
“หีหึ งั้นถ้ามผมกลับบ้านดึกแล้วเอาแต่ใจเหมือน เศรษฐีพวกนั้นล่ะ คุณจะรับได้ไหม” รพีพงษ์ยิ้มร้ายกาจ
อารียากลอกตามองบนใส่รพีพงษ์ “ถ้านายสำนึกได้ เร็วกว่านี้คงจะดี”
รพีพงษ์อึ้งไป เขาไม่เข้าใจสิ่งที่อารียาต้องการจะสื่อ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหมายความว่าอะไร”
อารียาเห็นรพีพงษ์ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ จึง โมโหขึ้นมาแล้วตะโกนออกมาว่า “นายนี่มันผู้ชายชื่อปี อจริงๆ ฉันหมายความว่าสิ่งที่นายพูดไปเมื่อกี้มันสายไป แล้ว!”
จู่รพีพงษ์รู้สึกท้อแท้ใจ เขารู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายชื่อ บื้อ แต่คิดไม่ถึงว่าอารียาจะโกรธเพราะเรื่องนี้ แถมเธอยัง บอกว่าที่เขาพูดเมื่อกี้มันสายไปแล้ว หมายความว่าเธอไม่ อนุญาตให้เขาทำแบบนั้นแล้วสิ
อารียามองรพีพงษ์ท่าทางของรพีพงษ์ที่ทั้งเสียใจและ โกรธ จู่ๆ เธอก็มีสีหน้าเหนื่อยใจ และคิดในใจว่าเด็กที่ขาด ความรักจากแม่จะเป็นผู้ชายชื่อๆ การที่มีผู้หญิงอยู่ด้วย ตั้งแต่เด็ก ทำให้พวกเขาไม่รู้ถึงสิ่งที่ผู้หญิงต้องการจะสื่อ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อารียาจึงเห็นใจรพีพงษ์ เธอคิดว่าผู้ ชายซื่อๆ อย่างรพีพงษ์ เธอต้องเป็นคนรักษาให้
เธอมองรพีพงษ์ด้วยความรัก จากนั้นจึงพูดว่า “นายยื่น หน้ามานี่”
รพีพงษ์ที่กำลังอยู่ในอาการหดหูเมื่อได้ยินอารียาให้ เขายื่นหน้าไปหาเธอ ก็รู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามว่า “ให้ผมยื่น หน้าไปทำไมเหรอ คุณคงจะไม่ตบผมเพราะผมพูดแบบ นั้นออกไปใช่ไหม”
อารียาจ้องรพีพงษ์ “ฉันให้ยื่นหน้ามาก็ยื่นมาสิจะชัก ช้าทำไมเนี่ย!”
รพีพงษ์ไม่กล้าชักช้า จึงพูดบ่นออกไปว่า “โอเค โอเค คุณเป็นคนป่วย ผมจะเชื่อฟังคุณก็ได้”
จากนั้นเขาจึงยื่นหน้าเข้าไปหาอารียา อารียาเห็นรพีพงษ์ยื่นหนัเข้ามา เธอยิ้มร้ายกาจแล้ว ยื่นหน้าเข้าไปจูบลงบนริมฝีปากรพีพงษ์
ตอนที่ปากของทั้งคู่สัมผัสกัน รพีพงษ์เบิกตาโต เขา คิดไม่ถึงว่าอารียาจะจูบเขากะทันหันแบบนี้ ตอนแรกเขา เกือบจะหลบแล้วด้วยซ้ำ
แต่เพราะริมฝีปากนุ่มของอารียาทำให้เขาไม่สามารถ ขัดขืนได้ เมื่อได้สัมผัสแล้ว แทบไม่อยากจะผละออก เพราะเป็นเช่นนี้รพีพงษ์จึงไม่ได้ผละออกอารียาทันที
หลังจากที่ตกใจไปชั่วระยะเวลาสั้นๆ รพีพงษ์ตั้งสติได้ จากนั้นเขาจึงจูบอารียาอย่างจริงจัง เขาพบว่าเธอเป็นฝ่าย เริ่มก่อน หญิงสาวหยอกล้อเขามากขึ้น ทำให้เขาสัมผัสกับ ความสุขอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
ทั้งสองจูบกันอยู่เป็นเวลานาน อารียาคิดว่าคงพอแล้ว เธอจึงผละออกจากรพีพงษ์ จากนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปที่ข้าง หูของเขาแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อนาย อยากทำตามใจตัวเอง ก็ต้องเด็ดขาดหน่อยสิ เดี่ยวรอให้ แผลบนตัวของฉันหายดีก่อน ฉันจะนอนบนเตียงแล้วให้ นายทำตามใจตัวเอง”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ