พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่279 ความเกรี้ยวกราดของธฤตญาณ



บทที่279 ความเกรี้ยวกราดของธฤตญาณ

ทุกคนมองไปที่ณัฐที่เพิ่งเข้ามาอย่างสงสัย ไม่รู้ ว่าเป็นใครทำไมถึงทำให้สุกรณ์กลัวได้ขนาดนี้

ในขณะนี้มีคนที่คุ้นเคยกับรถคันนั้นที่จอดอยู่ ข้างนอก แล้วกล่าวอย่างตะลึงว่า “นั้นมันรถของท่าน หัวหน้าตระกูลธนาพัชร์กุลน เขาเป็นของธนาพัชร์ กุล!”

ทุกคนสุดหายใจเข้าลึกๆ ตระกูลธนาพัชร์กุลมี ฐานะทางสังคมอย่างไรกับเมืองกรีนโคล พวกเขารู้ดี ถึงแม้สุกรณ์จะเก่งขนาดไหน ก็เทียบกับตระกูลธนา พัชร์กุลไม่ได้

แม้จะเป็นคนขับรถของตระกูลธนาพัชร์กุล สุ กรณ์ก็แตะต้องไม่ได้

“ถ้ากูไม่มา ถึงได้มีปัญหาหนักแน่ ถึงรู้ไหมว่า สองคนนี้เป็นใคร แม้แต่พวกเขามึงยังกล้ายั่วโมโห จึงอยากตายมากใช่ไหม?” ณัฐพูดกับสุกรณ์อย่าง เกรี้ยวกราด

สุกรณ์ใจเต้นรัว แล้วมองไปที่รพีพงษ์และธฤต ญาณอย่างหวาดหวั่น แล้วถาม “พี่ณัฐ พนักงานของ ผมบอกว่าพวกเขาทั้งสองมาจากต่างถิ่นแล้วยังด่าผม ผมก็แค่พูดคุยเท่านั้น หรือพวกเขาทั้งสองยังมี นายใหญ่อยู่เบื้องหลังหรอ”

ณัฐมองไปที่สุกรณ์อย่างเสียอารมณ์แล้วกล่าว “พวกเขาทั้งสองเป็นแค่วีไอพีที่ท่านหัวหน้าตระกูล เชิญมา อย่าว่าแต่เขาจะด่ามึงเลย เขาให้ถึงร้องเสียง หมูมึงก็ต้องทำ!”

ร่างกายของสุกรณ์เต็มไปด้วยเหงื่อ เขาคิดไม่ ถึง ว่าคนสองคนที่มาจากต่างถิ่นนี้ เป็นแขกวีไอพี ของท่านหัวหน้าตระกูลธนาพัชร์กุล ถ้าเป็นความจริง ละก็ คำพูดที่ณัฐพูดนั้นก็เป็นความจริง

การยั่วโมโหแขกวีไอพีของท่านหัวหน้าตระกูล ธนาพัชร์กุลของเมืองกรีนโคล เป็นการรนหาที่ตาย!

พนักงานพวกนั้นก็ต่างมองไปที่รพีพงษ์และธฤต ญาณอย่างตะลึง หลังจากที่คนเหล่านั้นรู้แล้วว่า กำลังยั่วโมโหแขกวีไอพีของท่านหัวหน้าตระกูลธนา พัชร์กุลอยู่นั้น ขาทั้งสองก็สั่นขึ้นมา

“พี่…. ี่ณัฐ ผมไม่รู้ตัวตนของพวกเขาทั้งสอง จริงๆ ไม่งั้นผมก็ไม่มีทางให้คนมาหาเรื่องพวกเขาทั้ง สองได้หรอก คุณช่วยผมอ้อนวอนหน่อย ให้พวกเขา อย่าโกรธได้ไหม?” หลังจากที่ตัวเองรู้ความจริง สุ กรณ์ก็อ่อนน้อมลง

“ฉันช่วยแกอ้อนวอนมีประโยชน์อะไร แกต้องไปขอโทษแขกวีไอพีทั้งสองด้วยตัวเอง” ณัฐพูดอย่าง

เยือกเย็น

สุกรณ์พยักหน้า จากนั้นเดินไปตรงหน้าของรพี พงษ์และธฤตญาณโค้งคำนับแล้วกล่าว “ลูกพี่ทั้ง สอง ผมมีตาแต่หามีแววไหม ยั่วโมโหพวกคุณ ผม ขอโทษพวกคุณ ขอโทษครับ พวกคุณเชิญด่าผมว่า หมูได้ตามสบาย ผมคือหมูหนึ่งตัว ขอพวกคุณได้ โปรดอภัยให้ผมด้วย”

รพีพงษ์เห็นสุกรณ์อ่อนลงอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึก ตกใจขึ้นมา ณัฐเป็นเพียงคนขับรถของตระกูลธนา พัชร์กุล ไม่คิดว่าจะทำให้เขากลัวได้ขนาดนี้ ดูๆแล้ว ตระกูลธนาพัชร์กุลของเมืองกรีนโคลไม่ธรรมดา

ธฤตญาณรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ถ้าเป็นตอน นั้น เขาก็สามารถทำให้สุกรณ์อ่อนได้เช่นกัน แต่ ตอนนี้ เพียงแค่คนขับรถของตระกูลตระกูลธนาพัชร์ กุล ดูๆแล้วเทียบกับตระกูลที่มีอำนาจและแบ๊คกราว ด์นั้น ยังต่างกันมาก

“พี่ รพี ไอหมูนี้ทำผิดต่อคุณ คุณจะจัดการมันยัง ไงก็ได้ ถ้ามันกล้าพูดอะไรขึ้นมา ผมจะจัดการมัน เองณัฐพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ผมไม่ได้อยากจัดการเขา ผมแค่อยากพูดให้รู้เรื่อง ผมไม่ได้ว่าคุณ ก่อนที่ผมจะมาที่นี้พวกผมไม่รู้จักชื่อคุณเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ เป็นยังไงคุณควรถามพนักงานคนนี้ “เมื่อพูดจบ รพี พงษ์ชี้ไปที่พนักงานคนนั้นที่บาจรีย์จ้างมา

สีหน้าของพนักงานเปลี่ยนทันใด รู้ว่าวันนี้ตัวเอง โชคร้ายแล้ว สองคนนี้เป็นแขกวีไอพีของตระกูลธนา พัชร์กุล ไม่ว่ายังไง สุกรณ์ก็ไม่มีทางออกหน้าแทน เขาได้

ถ้าตอนนี้เขายังไม่ยอมรับ คงต้องโดนสุกรณ์ เล่นงานจนตายแน่

แต่ถ้าพูดไป สุกรณ์ก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป

เขาด่าในใจแล้วสาปแช่งบาจรีย์เจ็ดชั่วโคตร จากนั้นก็หันหลังไปแล้วเดินออกไปด้านนอก

“ไปจับมันมา!” สุกรณ์เห็นเหตุการณ์ แล้วรีบ ตะโกนลูกน้องเหล่านั้นของเขาพุ่งไปจับพนักงานคน นั้นทันทีแล้วพากลับมา

สุกรณ์ชักสายตาไปที่เขาแล้วกล่าว “บอกมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้ามึงกล้าพูดโกหกแม้แต่นิด เดียว ถึงได้เห็นดีแน่!”

“เจ้า….เจ้านาย นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ ผู้ หญิงสองคนนั้นให้ผมพูดแบบนี้ พวกเธอให้ผมสอง ร้อยหยวน บอกว่าสองคนนี้ทำผิดต่อพวกเธอ จึงอยากจะให้สองคนนี้ชดใช้ ผมก็ไม่รู้จักตัวตนของ พวกเขา” พนักงานมองไปที่นั่งก่อนของบาจรีย์ เห็น ว่าทั้งสองได้จากไปแล้ว

“ผู้หญิงสองคนเชี้ยอะไร มีงพูดมั่วอะไร?”สุกรณ์ ตบไปที่หน้าของพนักงานหนึ่งฉาด

“พวกเธอทั้งสองหนีไปแล้ว นี่เป็นเงินสองร้อย หยวนที่พวกเธอให้ผมไว้ ผมไม่ได้พูดมั่ว” พนักงาน ใกล้จะร้องออกมาแล้ว

“แม่งยังกล้าโกหกกูอีก ถึงอยากหาเรื่องคุณทั้ง สองนี้ใช่ไหม เลยตั้งใจแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา?”

สุกรณ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ถีบไปที่ร่างของ พนักงานนั้นโดยตรง จากนั้นก็ตบเขาไปหลายฉาด

“เขาไม่ได้โกหก น่าจะเป็นเพราะคนอื่นเอาเงินให้ เขาทำแบบนี้” รพีพงษ์เห็นพนักงานโดนตบ ก็ช่วยเขา อธิบาย

สุกรณ์เห็นรพีพงษ์พูดแบบนี้ จึงได้หยุดตบ พนักงานคนนั้น แล้วหันกลับไปที่รพีพงษ์ กล่าว “คุณ ผู้ชาย ทำคุณเดือดร้อนแล้ว คุณมีข้อเรียกร้องอะไร กรุณาบอกมา ผมจะทำให้ ผมมันสมองมีปัญหา ถึง ได้เชื่อในคำพูดของมัน”

รพีพงษ์มองไปที่เขา แล้วกล่าว “พูดให้เคลียร์ก็พอแล้ว ในเมื่อคุณรู้จักกับณัฐ ก็ตามนี้แล้วกัน”

สุกรณ์ได้ยินรพีพงษ์เรียกคนขับรถว่าณัฐ ก็รู้สึก อิจฉา เขาเห็นคนขับรถยังต้องเรียกว่าพี่ณัฐ นี่เป็น คนขับรถของท่านหัวหน้าตระกูลธนาพัชร์กุล ที่ สามารถเรียกเขาว่าพี่ณัฐได้นั้น ก็มีเพียงไม่กี่คน

ณัฐเห็นนพพงษ์ไม่ติดใจ ก็สบายใจขึ้นมา

รพีพงษ์และธฤตญาณกินอิ่มแล้ว ตอนนี้ปัญหาก็ แก้ไขแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

สุกรณ์ให้ทั้งสองกินฟรี แล้วยังให้บัตรสมาชิก คนล่ะใบ ต่อไปถ้าไปกินข้าวที่ร้านอาหารของเขา ก็ ไม่ต่องจ่ายเงิน

ขณะกำลังจะกลับ ธฤตญาณมองไปที่สุกรณ์ ยิ้มแล้วกล่าว “ชื่อนี้ของมึงเจ๋งจริง”

สุกรณ์หน้าแดง ไม่กล้าพูดอะไร

รอให้รพีพงษ์ทั้งสามคนออกไป สุกรณ์มองไปที่ พนักงานคนนั้น แล้วกล่าว “ไสหัวไปซะ ต่อไปถ้ากู เห็นถึงอีก กูจะหักขาถึงซะ”

ต่อหน้าของณัฐ เขาเป็นคนที่ชื่อตลก เป็นคนที่ เคารพนอบน้อม เพราะคนขับของตระกูลธนาพัชร์ กุลนั้นเขายั่วโมโหไม่ได้ แต่ต่อหน้าของคนทั่วไป เขา คือลูกพี่ในวงการร้านอาหารของเมืองกรีนโคล ก็มีอารมณ์เช่นเดียวกัน

พนักงานคนนี้เอาเขาเป็นตัวล่อ แม้รพีพงษ์จะไม่ เอาเรื่อง เขาก็ไม่มีทางปล่อยพนักงานคนนี้ไปอย่าง ง่ายๆ

หลังจากที่พนักงานคนนั้นได้ยินคำพูดของสุ กรณ์แล้ว ก็หวาดกลัวจนวิ่งหนีออกจากร้านอาหาร ฟอร์จูนแทบไม่ทัน เขารู้ถึงความน่ากลัวของสุกรณ์ ทำร้านอาหารโด่งดังได้ขนาดนี้ สุกรณ์ก็มีวิธีของ ตนเอง ถ้าเขายังอาลัยอาวรณ์อยู่ล่ะก็ เกรงว่าสุกรณ์

จะตีขาเขาจนหักจริงๆ

หลังจากที่วิ่งออกจากร้านอาหารฟอร์จูนแล้ว กัดฟันแล้วด่า “ไอผู้หญิงเชี้ยทั้งสอง อย่าให้กูเจอนะ พวกมึงทำให้กูตกงาน ถ้ากูเจอพวกมึง กูจะไม่ให้มึงมี ความสุขแน่นอน!”

ขณะที่บาจรีย์และกันตาทั้งคู่ถึงบ้านก็ได้จาม พร้อมกัน ทั้งสองแปลกใจ

“อากาศก็ไม่เย็น ทำไมเราทั้งสองถึงได้จามนะ คงไม่ใช่มีคนพูดให้ร้ายพวกเราอยู่นะ” บาจรีย์กล่าว

“ต้องเป็นไอ้สวะรพีพงษ์ที่ถูกสั่งสอนอย่างโหด เชี่ยมแน่นอน คงจะด่าพวกเราในใจอยู่ ไอ้นี่มันก็ สมควรแล้ว ทำให้ฉันโชคร้ายขนาดนี้ ถ้ามันโดนตี ตายฉันถึงจะสบายใจ” กันตาพึมพำ
“ไม่ต้องคิดถึงไอ้เชี้ยนั่นแล้ว จะบอกให้นะพี่สาว การแข่งขันโกะในครั้งนี้มีหลายๆสมาคมมาเข้าร่วม การแข่งขันด้วยนะ ได้ยินมาว่าจะมีผู้มีฝีมือมากมาย มาด้วย ถึงวันนั้นพวกเราต้องไปเร็วๆ เพื่อจะได้ที่นั่ง ดีๆ” บาจรีย์กล่าว

บนรถ Bentley

ความจริงณัฐตักสินใจจะพารพีพงษ์และธฤต ญาณทั้งคู่ไปคฤหาสน์ตระกูลธนาพัชร์กุล แต่ถูกธ ฤตญาณห้ามไว้

“ผมไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ตอนนี้เมืองกรีนโคล เป็นอย่างไรบ้าง?” ธฤตญาณถาม

“ตอนนี้เมืองกรีนโคล มองเผินๆ เหมือนตอนแรก ที่คุณได้รวมอำนาจเอาไว้ หลังจากที่คุณจากไปแล้ว นั้น ลักษณะแบบนั้นเป็นอยู่ได้ไม่นาน ช่วงหล่ยปีมานี้ มักจะมีพวกที่พยายามต่อต้านอำนาจไม่ขาดสาย สร้างปัญหาให้กับคนที่คุณส่งต่ออำนาจให้คนที่รับ ช่วงต่ออำนาจจากคุณคือผู้หญิง ดูๆแล้วน่าจะกุม อำนาจได้อีกไม่นาน ณัฐอธิบายให้ฟัง

ธฤตญาณถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เขาพอจะเดาออกตั้งแต่เริ่มแรก แล้ว บุญสิตาเป็นหุ่นเชิดที่ตระกูลรัตนชัยนันท์สร้างขึ้นมา แล้วฆนาคมเป็นคนที่ไร้ศักยภาพ หลังจากที่ธ ฤตญาณจากไปแล้วนั้น นอกจากตระกูลรัตนชัย นันท์จะหาเงินจากอำนาจที่มีแล้ว ก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าจะมีใครพยายามจะเป็นใหญ่แทนหรือไม่

ปัญหาพวกนี้ฆนาคมได้โยนให้กับบุญสิตา ปัญหาทุกอย่าง ฆนาคมจะให้บุญสิตาจัดการทั้งหมด

“ช่วงสองสามปีมานี้ตระกูลรัตนชัยนันท์เป็น อย่างไรบ้าง?” ธฤตญาณถามต่อ

สองสามปีมานี้ตระกูลรัตนชัยนันท์เจริญรุ่งเรือง คนที่รับช่วงอำนาจต่อจากคุณ ก็คือบุญสิตาแห่ง ตระกูลรัตนชัยนันท์คนนั้น ในตอนนั้นมีข่าวลือว่าเธอ อยู่ด้วยกันกับคุณ เพื่อจะยึดอำนาจจากคุณ หลัง จากที่คุณจากไปแล้ว บุญสิตาได้ดูแลตระกูลรัตนชัย นันท์จริงๆ กิจการเหล่านั้นในมือคุณ กำไรทั้งหมด ล้วนเข้ากระเป๋าของตระกูลรัตนชัยนันท์ทั้งนั้น ไม่ พูดก็ไม่ได้ บุญสิตาคนนี้ถือว่าเป็นหญิงที่ใจร้าย เหี้ยมโหด ครั้งนี้คุณกลับมา น่าจะมาล้างแค้นเธอใช่ ไหม?” ณัฐกล่าว

ธฤตญาณหน้าบึง แล้วกล่าว “บุญสิตาไม่ได้เป็น คนที่ใจร้ายเชี้ยมโหด นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลรัตนชัยนันท์ บีบบังคับทั้งนั้น คนที่ผมจะไปหา คือตระกูลรัตนชัย นันท์ สิ่งที่ตระกูลรัตนชัยนันท์ติดค้างผมมาหลายปีผมจะเอาคืนจากพวกเขาให้หมด!”

ณัฐเห็นปฏิกิริยาของธฤตญาณ ก็แปลกใจขึ้น มา เดาได้ว่าต้องมีอะไรแอบแฝงที่เขาคาดไม่ถึงเป็น แน่ จากนั้นก็รีบพูดทันทีว่า “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ ตั้งใจ”

ธฤตญาณสูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ให้ สงบ แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร เมื่อกี้ผมร้อนใจไปหน่อย”

“ผมได้ยินมาว่ามะรืนนี้เป็นวันเกิดของท่านหญิง ฝนทิพย์ พวกเขาเชิญหลายคนไปร่วมงาน ได้ยินว่า ท่านหญิงฝนทิพย์จะหา….ผู้ชายคนใหม่ให้บุญสิตา แต่งงานด้วย” ณัฐบอกไปที่ธฤตญาณอย่างลังเล

หลังจากที่ธฤตญาณได้ยินณัฐพูดแล้วนั้น กำ หมัดไว้ แล้วกัดฟันพูด “พวกเขาหาคนของตระกูล ไหน?”

“จากข่าวกรองที่ผมได้รับมา น่าจะเป็นไอศูรย์ ของตระกูลวรโชติธีรธรรม ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนแรก นั้นคุณและไอศูรย์คือเพื่อนรักกัน ตอนนี้ตระกูลวร โชติธีรธรรมเป็นตระกูลลำดับสองที่มีอำนาจของเมือ งกรีนโคล ตระกูลรัตนชัยนันท์ให้บุญสิตาแต่งงานไป น่าจะเป็นไปเพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลวร โชติธีรธรรม” ณัฐกล่าว

ธฤตญาณต่อยไปที่ประตู ที่ตรงนั้นเกิดเป็นหลุมขึ้นในทันใด

“ไอเลว สุดท้ายคือไอศูรย์ เหอะเหอะ เสียดายที่ ตอนแรกผมถือมันเป็นเพื่อนรัก ไม่คาดคิดว่ามันจะ ทำแบบนี้กับผม!” ดวงตาของธฤตญาณแดงก่ำด้วย ความโกรธ

ตระกูลวรโชติธีรธรรมเป็นตระกูลแห่งศิลปะการ ป้องกันตัว ถึงแม้การค้าในเมืองกรีนโคลตระกูลวร โชติธีรธรรมเทียบไม่ได้กับตระกูลอื่น แต่คนของตระ กูลวรโชติธีรธรรมมีฝีมือก้านการต่อสู้ทุกคน ตอน แรกที่ธฤตญาณกำลังขยายอำนาจของตัวเอง เพราะ ร่วมมือกับไอศูรย์ด้วยกัน ทั้งคู่จึงได้เป็นเพื่อนรักกัน

จากนั้นหลังจากที่ธฤตญาณเจริญก้าวหน้าแล้ว ไอศูรย์ก็ช่วยเขาไว้ไม่น้อย

แต่ทว่าเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ยังไงเขาก็คาด ไม่ถึง เพื่อนรักของตนเอง ตอนนี้จะแต่งงานกับ ภรรยาของตนเอง ตอนนี้ธฤตญาณอยากจะฆ่า ไอศูรย์ให้ตายเสียเดี๋ยวนี้

“ประตูนี้ผมชดใช้เอง ตอนนี้พาผมไปคลับสิตา หน่อยได้เถอะ” ธฤตญาณมองไปที่ณัง

ณัฐยิ้ม แล้วกล่าว “ก็แค่ประตู ไม่ต้องชดใช้ครับ” เมื่อพูดจบ เขาก็สตาร์ทเครื่อง แล้วไปยังคลับสิตา
“คุณจะเปิดตัวตอนนี้เลยหรอ? ถ้าเปิดตัวตอนนี้ อาจจะทำให้ตระกูลรัตนชัยนันท์ไหวตัวทัน ถึงเวลา นั้นที่จะล้างแค้น เกรงว่าจะยุ่งยากขึ้นนะ” รพีพงษ์ ทองไปที่ธฤตญาณ

ธฤตญาณสูดหายใจเข้า แล้วกล่าว “ฉันไม่เห็น บุญสิตามาหลายปีแล้ว ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เธอเป็น อย่างไรบ้าง ฉันรู้ว่าต้องทำไง ฉันแค่ไปดูเท่านั้น จะ ไม่ให้เธอเห็น ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือในวันเกิด ของท่านหญิงฝนทิพย์เลวทรามนั่น ฉันจะทำให้ทุก คนรู้ว่าฉันธฤตญาณกลับมาแล้ว!”

รพีพงษ์พยักหน้า เขาสังเกตเห็นนัยน์ตาของธ ฤตญาณ ทำให้ผู้ชายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวรู้สึกร้อน ใจขนาดนี้ ดูๆแล้วบุญสิตานั้นสำคัญมากสำหรับเขา

ไม่นาน ณัฐจอดรถ ทั้งสามลงจากรถ รพีพงษ์ เงยหน้าขึ้น เห็นป้ายหน้าผับเขียนบุญสิตาสามคำนี้ นี่เป็นที่ๆรพีพงษ์อยู่มาก่อน ชื่อผับสิตาก็ตั้งเพื่อ

บุญสิตา

ธฤตญาณสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปในผับ รพีพงษ์และณัฐก็เดินตามเข้าไป

ในผับเสียงดังวุ่นวาย หลังกจาที่ธฤตญาณ เข้าไปแล้วนั้น สายตาก็มองไปที่เคาท์เตอร์นั้น
เมื่อก่อนเขาและบุญสิตาจะกินเหล้าพูดคุยกัน ตรงที่เคาน์เตอร์นั้นทุกคืน ตรงนั้นเป็นจุดแห่งความ ทรงจำมากมายระหว่างเขาและบุญสิตา

ขณะนี้เองด้านหน้าเคาน์เตอร์มีผู้หญิงที่เจ็บปวด จากความรักกำลังนั่งอยู่ หน้าด้านของเธอได้วางแก้ว เหล้าแก้วใหญ่ไว้ ดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว

เมื่อธฤตญาณเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว ในใจก็เต้น เร็ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา

คนนั้นคือบุญสิตา เป็นคนที่ธฤตญาณฝันถึงใน ทุกคืน

ในอดีตบุญสิตาเป็นผู้หญิงที่ชอบยิ้ม แม้จะเสีย เปรียบมากขนาดไหน เธอก็จะยิ้มเข้าสู้ แต่ทว่าผู้ หญิงด้านหน้าของเคาท์เตอร์นั้น เต็มไปด้วยอารมณ์ เศร้าโศกเสียใจ แอบซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวเอา ไว้

“เธอจะได้กลับไปในที่ของเธอ ฉันสัญญา” รพี พงษ์ตบบ่าของธฤตญาณ

ธฤตญาณหันไปหารพีพงษ์ ด้วยความซาบซึ้งใจ

ในขณะที่ธฤตญาณกำลังจะออกจากที่นี่ เพื่อ วางแผนล้างแค้นตระกูลรัตนชัยนันท์ ในผับก็เกิด เหตุการณ์ชุลมุนขึ้น
ผู้คนที่เต้นอยู่บนฟลอร์วิ่งกระจายไปรอบๆ ด้วย เสียงร้องที่ดังกว่าเสียงเพลงที่เปิดอยู่แล้ว

จากนั้น ผู้ชายถืออาวุธร่างบึกบึนได้ปรากฏกาย ที่ฟลอร์เต้น คนที่เป็นหัวหน้าเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่ ใบหน้าโหดเชี้ยม

“บุญสิตา เมืองกรีนโคลในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ภาย ใต้การปกครองของผับสิตาของพวกแกแล้ว ฉัน ได้ยินมาว่าแกจะแต่งงานกับไอศูรย์ของตระกูลวร โชติธีรธรรมนั่น จากที่ฉันดู แกแต่งงานกับฉันเถอะ แกกับฉันร่วมมือกัน ฉันรับรองว่าอนาคตจะไม่มีใคร กล้ามาวุ่นวายในผับสิตาได้อีก!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ