My Girl ภรรยาตัวน้อยของผม

ตอนที่831โชว์ออฟ



ตอนที่831โชว์ออฟ

ปาณีหยุดฮัมเพลงพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้ว ขมวดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้” “ทำไมทำหน้าอย่าง นั้นล่ะคะ? ท้องผูกเหรอคะ? ”

ธามนิธิยังคงนิ่งเงียบ

“อืมมม”ปาณีทำเสียงฮมฮัมก่อนจะบอกไปว่า “คนไม่โร แมนติกก็เลยไม่เข้าใจเรื่องราวของความรัก!

จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปทางลิฟต์แต่ทว่าทันใดนั้นเธอ ก็ถูกธามนิธิดึงตัวกลับมาปาณีถลึงตาใส่เขาด้วยความ ตกใจ: “คุณอาจะทำอะไรคะ? 11

ธามนิธิเริ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมและดุดัน : “เนื้อเพลงที่เธอร้อง

เมื่อกี้นี้มันหมายความว่าอะไร? ”

ปาณีทําหน้างง : “ต๊ะหมายความว่าอะไรอ่ะคะ? 11

ใบหน้าของธามนิธิเรียบนิ่งหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัดเขาทวน เนื้อเพลงที่เธอร้องไปเมื่อสักครู่แต่น้ำเสียงนั้นช่างฟังดูแข็งกร้าว และเย็นชา : “รักฉันรักเธอนะฉันก็เลยยอมยอมให้เธอนั้น โบยบินไปยังดินแดนแห่งความสุข! ประโยคนี้ยังไงล่ะ! ” ปาณีมองหน้าเขาด้วยความฉงนสงสัย : “แล้วยังไงอ่ะคะ? ”

ธามนิธิตะโกนแผดเสียงขึ้นใส่เธอด้วยความหงุดหงิดใจ” “เธอก็เลยอยากให้ฉันไป! เธอจะได้ไปหาคนใหม่อย่างนั้น ใช่มั้ย? อย่างเช่นผู้ชายหนุ่มๆอย่างเวทสไง! เธอเธอไม่ต้องการ ฉันแล้วเหรอ? ”

ปาณีที่เต็มไปด้วยความงุนงงมองไปที่คุณอาด้วยสีหน้าอัน เลื่อนลอยภาพของคุณอาที่อยู่เบื้องหน้าเธอในตอนนี้แววตาเขา เปี่ยมล้นอัดแน่นไปด้วยความเศร้าโศกและผิดหวังเขายังคงม อยู่ในภวังค์ “อะไรนะคะ? ”

ธามนิธิออกเดินไปข้างหน้า โดยไม่พูดอะไรสักคำในวินาทีนั้น ปาณีรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาวะที่ซึมเซาและโดด เดี่ยวอ้างว้างเหมือนกับตอนที่เขานั่งอยู่บนรถเข็นไม่มีผิดที่มักจะ โดนคนอื่นคอยนินทาว่าร้ายพูดจาวิพากษ์วิจารณ์ใส่เขาต่างๆ นานาปาณีรู้สึกเหมือนถูกบีบที่หัวใจรู้สึกแย่มากอย่างบอกไม่ ถูก!

ปาณียืนมองเงาด้านหลังของเขาที่กำลังเคลื่อนจากไปก่อนจะ ตะโกนออกมา: “คุณอา…….”

จากนั้นเธอก็รีบวิ่งตามเขาไปทันทีเธอสวมกอดเขาจากด้าน หลัง : “โง่เง่าเต่าตุ่นที่สุด! คิดว่าฉันจะผลักไสคุณไปให้ผู้หญิง คนอื่นอย่างนั้นเหรอ? คุณบ้าไปแล้วเหรอเนี่ยคุณคิดว่าฉันมัน เง่าปัญญาอ่อนนักรึไง? ฉันจะไปยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนมาครอบ ครองคุณได้ยังไง! คุณเป็นของปาณีคนเดียวเท่านั้น! ชั่วชีวิต นี้! ไม่ใช่สชาติหน้าด้วยแล้วก็ชาติต่อๆไปคุณก็ต้องเป็นของฉัน คนเดียวเท่านั้น! ใครหน้าไหนก็มาพรากคุณไปจากฉันไม่ได้!!
ธามนิธิหันหลังกลับมามองเธอด้วยความประหลาดใจดวงตา เขาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาเพิ่ง ได้ยิน : “เธอพูดจริงเหรอ? ทั้งหมดที่เธอพูดมาไม่ใช่แค่อยาก ปลอบใจฉันใช่มั้ย? แต่เมื่อเธอตั้งใจร้องเพลงนั้นออกมาไม่ใช่ เพราะอยากสื่อว่าเธอต้องการผลักไสฉันออกไปแล้วตัวเธอเองจะ ได้ออกไปแสวงหาความสุข

เล่นเอาปา งงเป็นไก่ตาแตกจนรอยย่นตรงหน้าผากเกือบจะ ปรากฏขึ้นมาจนครบ3เส้น : “ฉันก็ร้องไปเรื่อยอ่ะค่ะคุณอาศัยย ช่างมันเถอะค่ะ! ”

เมื่อได้เห็นปาณีเริ่มจะหน้าแดงระเรื่อๆ ธามนิธิก็ยิ่งสาดสายตา จ้องเขม็งไปที่เธอเขาจะไม่ยอมพลาดที่จะได้เห็นการแสดงออก บนใบหน้าของเธอค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปโดยเด็ดขาด!

เมื่อต้องถูกสายตาอันดุดันจับจ้องอยู่อย่างนั้นปาณีก็อดทนต่อ ไปไม่ไหวจึงพูดโพล่งออกมา “เพลงเมื่อกี้ฉันก็ร้องมันไปเรื่อ ยอ่ะค่ะฉันคิดเพลงอื่นไม่ออกนะคุณอาคุณอาแค่รู้ไว้ว่าฉันรักคุณ อามากแค่นั้นก็พอแล้วเนื้อเพลงต่อจากนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ มัน! ”

พูดจบเธอก็รีบวิ่งไปที่ลิฟต์ที่กำลังเปิดออกพอดีโดยไม่ยอมหัน กลับมามองที่เขา

เมื่อธามนิธิรู้สึกตัวกลับมาอีกทีก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะ ตามเธอเข้าไปในลิฟต์

ในลิฟต์นั้นค่อนข้างจะแออัดอยู่ไม่น้อยธามนิธิดึงตัวปาณีมาไว้ในอ้อมแขนตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาชนเธอ

แต่ปาณีกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมายืนคิดถึงสิ่งที่เขาทำ กับเธออยู่ในตอนนี้หญิงสาวเอาหน้าซุกไว้ในอุ้งมือของตัวเอง พลางคิดทบทวนด้วยความกลัดกลุ้มใจ: “โอ๊ยยนร้องเพลงอะไร ออกมาวะเนี่ย? กลายเป็นว่าเพลงที่ร้องไปเรื่อยเปื่อยกลับทำให้ คุณอาเข้าใจผิดไปอีก! นี่มันเหมือนยกก้อนหินมาทุ่มลงบนเท้า ตัวเองนะเนี่ย?

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ

ตลอดทางเดินไปที่รถปาณีเดินก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้น มามองสบตากับคุณอาเพราะกลัวว่าเขาจะหัวเราะเยาะใส่เธอ

เมื่อเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ปาณีจัดการเอาของเก็บใส่รถเรียบ ร้อยแล้วจู่ๆตัวเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นได้กลิ่น หอมอ่อนๆอันแสนคุ้นเคยเธอไม่ดิ้นรนขัดขืนแต่กลับยืนซุกกาย เงียบๆอยู่ในอ้อมแขนของเขา

เสียงอ่อนนุ่มของธามนิธิกระซิบเบาๆไปที่ข้างหูเธอ” “ปาณี

ฉันดีใจมากเลยนะเธอทำให้ฉันมีความสุขมาก ปาณีเงยหน้าขึ้นมองเขาจึงได้เห็นแววตาอันเอ่อท้นไปด้วย ความรักใคร่เสน่หาของคุณอาผู้เป็นที่รัก

ปาณีอดใจไม่ไหวค่อยๆเงยหน้าเชิดคางขึ้นไปหาชายหนุ่มที่ ค่อยๆ โน้มหัวก้มลงมา……

ในทันใดนั้นเองอยู่ๆเสียงกระแอมไอก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะบรรยากาศที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มของทั้งคู่

ปาณีเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับน้องชายของตัวเองพอดีพอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลัง จะทำกับคุณอาไปเมื่อสักครู่หน้าของปากแดงเป็นลูกตำลึงขึ้น มาในทันทีทันใด

ทว่าธามนิธิกลับทําใจเย็นไม่สะทกสะท้านก่อนจะหันไปยิ้มให้ นภันต์ : “แม่ลงมาแล้วหรือยัง? ”

นภันต์พยักหน้าให้เขาพูดพลางยิ้มกว้าง : “พ่อกำลังพาแม่ เดินออกมาน่ะผมเลยเดินเอาของมาเก็บที่รถก่อน! ”

พูดจบนภันต์ก็จัดแจงเอาถุงที่ถือมาวางใส่หลังรถจากนั้นจึง หันไปยิ้มให้ปาณีก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่ประตูทางเข้าโรง พยาบาล

ฝนสิริกำลังพูดเรื่องเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีก ในขณะที่เดินตรงมาที่

ปาณีใช้กำปั้นน้อยๆทุบไปที่อกของธามนิธิเบาๆก่อนจะแอบ ตำหนิเขา: “อับอายขายหน้าจริงๆคุณอาอ่ะโทษคุณอาคนเดียว เลย! ”

ธามนิธิจับมือน้อยๆ ที่กำลังทุบตัวเองเอาไว้แล้วจึงพูดเสียง อ่อนใส่เธอ “ระวังมือเธอไว้ให้ดีๆล่ะ! ฉันน่ะมันพวกเนื้อหยาบ หนังหนายังไงก็ไม่เจ็บมือนุ่มๆของเธอต่างหากที่ต้องระวังให้ดี! กลับบ้านไปเธออยากจัดการยังไงกับฉันก็เชิญเลย!
เมื่อได้ฟังนั้นปาณีก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการไกลไปถึงฉากนั้น ซึ่งไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หน้าของเธอค่อยๆ แดงระเรื่อหนักขึ้นกว่าเดิม

ก่อนที่ฝนสิริจะเดินมาถึงปาณีก็ก้มหัวมุดเข้าไปนั่งในรถเป็นที่ เรียบร้อย

ฝนสิริเห็นจังหวะนั้นพอดีเลยรีบหันไปฟ้องจิรเวช : “คุณดูสิ ลูกสาวที่ฉันคลอดมันออกมาส! แทนที่มันจะมาช่วยประคองฉัน ที่ไหนได้กลับโดดขึ้นไปนั่งบนรถก่อนใครเลย! ดูมันทำ…….

ธามนิธิได้ยินที่ฝนสิรินให้ปาณีก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะ หันกลับไปบอกเธอว่า “เมื่อสักครู่นี้ปาณีไม่ค่อยสบายน่ะครับ เพิ่งขึ้นไปนั่งบนรถเมื่อกี้นี่เอง! เชิญพ่อกับแม่ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง!

ทันทีที่พูดจบเขาก็เปิดประตูให้พ่อกับแม่ของปาณีขึ้นไปนั่งบน รถจากนั้นตัวเขาถึงจะตามขึ้นรถไป

หน้าของปาณีค่อยๆกลับมาเป็นปกติอีกครั้งแต่ถึงกระนั้นก็ยัง คงหลงเหลือร่องรอยระเรื่อๆอยู่บนแก้มทั้งสองข้างของเธอเมื่อ ฝนสิริเห็นหน้าปาณีก็พูดใส่เธอด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน : “ไอ้ ลูกคนนี้หน้าแดงก่ำแบบนี้ยังมีหน้าบอกว่าไม่สบายอีก! ดูก็รู้ว่า มันไม่เคยเห็นแม่คนนี้อยู่สายตาเลย….

ยังไม่ทันที่ปาณีจะได้อ้าปากเถียงนภันต์ทอดรนทนไม่ไหวรีบ พูดแทรกขึ้นมาทันที : “แม่พูดน้อยๆหน่อยเถอะแม่พี่ปาณีกับพี่ เขยอุตส่าห์มารับแม่ออกจากโรงพยาบาลนะแม่ทำอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะแม่! ”

ฝนสิริยังมีท่าทีอยากจะบ่นไม่เลิกแต่เมื่อนึกถึงธามนิธิที่ขับรถ หรูมารับเธอไปส่งที่บ้านก็ยังพอได้อวดบรรดาเพื่อนบ้านได้สัก หน่อยดังนั้นเธอก็เลยรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อยฝนสิริแอบชำเลืองไปที่ ธามนิธิแวบหนึ่งในที่สุดก็ยอมหุบปากลงได้

ปาณีกลับมาอยู่ในสภาพปกติแล้วขณะที่เธอกำลังคิดที่จะ เถียงใส่แม่ของเธอนั้นจู่ๆ มือหนึ่งที่ยื่นออกมาจับมือเธอไว้จังหวะ ที่ชะงักงันอยู่นั้นนภันต์ก็จัดการกำราบฝนสิริที่พูดเป็นน้ำไหลไฟ ดับจนเธอค่อยๆหยุดพูดได้ในที่สุด!

เมื่อนึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่คุณอามอบให้เธอปาณีอดไม่ ได้ที่จะหันไปมองที่คุณอาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

รถแล่นมาถึงเมืองชลธีฝนสิริลงจากรถได้ก็เดินยึดดุจนกยูง ร่าแพนหางเลยทีเดียว! แถมยังไม่ลืมที่จะตะโกนเรียกเหล่า เพื่อนบ้านที่กำลังจะเดินขึ้นตึกเสียด้วย! ประมาณว่า” โชว์ ออฟ”นั่นแหละ! ทำเอาปาณีรู้สึกเอือมระอากับแม่ตัวเองจริงๆ

จังหวะที่ปาณีกำลังคิดที่จะเอ่ยปากอยู่ๆก็รู้สึกคันๆที่ฝ่ามือพอ ก้มหัวลงไปมองก็เห็นธามนิธิกำลังวาดๆเขียนๆอะไรบางอย่างใน ฝ่ามือของเธอ

วินาทีนั้นหัวใจก็กลับอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้งแม่อยากจะทำ อะไรก็ปล่อยแม่ทำตามใจเธอไป

ปาณีเอื้อมมือไปคว้ามือเรียวยาวของคุณอาไว้มีอนุ่มๆของเธอ ค่อยๆเรียวไล้ไปตามนิ้วมือของเขาอย่างแผ่วเบาหัวใจค่อยๆสั่นไหวระริกๆ

ธามนิธิจัดการดูให้ฝนสิริและทุกคนลงจากรถเรียบร้อยถึงจะ กลับมารู้สึกตัวอีกทีเขาไม่รีรอที่จะก้มลงไปจุมพิตเธอเบาๆจูบนั้น นุ่มนวลและบางเบาดั่งปีกจักจั่นเขาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะลงจา กรถและเตรียมเผชิญหน้ากับสายตาอิจฉาริษยาของบรรดาเพื่อน บ้านของเธอ

ป้ามิ่นพูดกับฝนสิริว่า “โอ้ววันนี้ลูกเขยก็มาด้วยนี่รถของเธอ เหรอ? ราคาหลายล้านเลยนะเนี่ย!!

อีกฝั่งหนึ่งซึ่งไม่ค่อยจะลงรอยกับฝนสิริสักเท่าไหร่น้านีรภายน ทําท่าพยักพเยิดพูดจาขวางโลก “บ้านฉันก็มีไอ้รถหรูๆแบ บนี้น่ะลูกเขยฉันเค้าซื้อให้

สุดท้ายก็มีเสียงของป้ามึนหัวเราะคิกคักพูดสวนกลับมา ว่า “ไอ้รถยี่ห้อนั้นอ่ะนะยังจะมาคุยโธ่! ฉันจะบอกแกให้ลูก ชายฉันน่ะไปเช็คดูในเนตมาแล้วว่าราคาของรถคันนี้น่ะซื้อรถ อย่างบ้านแกได้ตั้งหลายคนเลยแหละ

ได้ยินเสียงคนพากันหัวเราะทำเอาน้านีรภาหน้าเลื่อนขึ้นมา ทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ