ตอนที่ 879 สำนึกผิดชอบชั่วดี
ไม่กี่วันถัดมา เวทัสก็มารายงานตัวที่อพาร์ทเมนต์ของนภันต์ทุก วัน หลังจากแรงต่อต้านอันหนักหน่วงของปาณีในช่วงแรกๆ บัดนี้กลับค่อยๆอ่อนลงๆเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าสีหน้าท่าทางของเธอจะ ยังดูไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับชักสีหน้าโกรธถมึงทึงใส่เหมือนแต่ ก่อน
แรกเริ่มเดิมที เวทัสก็ชอบหน้าด้านมาอาศัยกินข้าวฟรีบ้าน นภันต์ จนมาถึงตอนนี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งบนโต๊ะอาหารไป โดยปริยาย ซึ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก วันๆก็ดูสุขสำราญ เบิกบานใจ ไม่ทำตัวเย่อหยิ่ง เย็นชา ขวางโลกเหมือนสมัยก่อนๆ ราวกับว่าเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
อย่างน้อยๆ ในสายตาของปาณีที่มองดูเวกัส ณ ขณะนี้ เธอก็ รู้สึกราวกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่กัปตัน ทีมผู้เย่อหยิ่งจองหองอีกต่อไป แต่กลับดูเหมือนตาที่มคนหนึ่ง ที่ วันๆเอาแต่ยิ้มหัวเราะไม่หยุดหย่อน
ส่วนพี่สาวเขาเอง ก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนด้วยเช่นกัน ท่าทางที่แสดงออกต่อเวทัสก็ไม่ค่อยจะยินดียินร้ายสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดี!
นภันต์ทำท่ากัดตะเกียบ ตาก็มองไปที่เวทัสกับปาณีที่กำลัง แย่งชิงลูกชิ้นเนื้อกันอยู่ เขาหันไปมองทั้งคู่แบบซ้ายทีขวาที่ด้วย ความอึดอัดใจ
“เอาวางลงเลยนะ ! นั่นฉันเป็นคนซื้อมานะ ! ” ปาณีพูด ด้วยน้ำเสียงที่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
เวทัสก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ” ฉันเป็นคนช่วยเธอถือมานะ! ดังนั้นฉันก็ควรจะได้กินเยอะขึ้นด้วยซ้ำ ”
” ปล่อยเดี๋ยวนี้ !
ไม่ปล่อย เธออ่ะสิปล่อย ! ”
ฉันบอกให้นายปล่อย ! ”
ฉันไม่ปล่อย ! เธอนั่นแหละปล่อย ! ”
ในที่สุด นภันต์ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ในขณะที่สองคนนั้นกำลัง ยื้อแย่งกันอยู่ จู่ๆเขาก็ยื่นตะเกียบออกไป แล้วก็รีบเอาลูกชิ้นเนื้อ ลูกสุดท้ายใส่ปาก ก่อนจะกลืนกินลงท้องไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น จึงหันไปสบตากับสองคนนั้น ที่กำลังทำหน้าตาขมึงทึงใส่เขา เขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบใจเย็นออกไปว่า ” ก็เห็นแย่งกันไป แย่งกันมาอยู่ได้ ฉันก็เลยหยิบมากินเอาดื้อๆนี่แหละ พวกนายจะ ได้ไม่ต้องแย่งกันแล้วยังไงล่ะ!
เวทัสหันไปจ้องเขาตาเขม็ง จากนั้นจึงหันไปบอกกับปาณี ” ถ้า เกิดฉันพลั้งมือฆ่าน้องชายเธอขึ้นมา เธอจะโกรธฉันมั้ย ? ”
ปาณีเองก็แกล้งทำท่าโมโหโกรธาใส่นภันต์ด้วย ” ฉันก็อยาก จะอัดเขาให้น่วมอยู่เหมือนกัน ! ”
สองคนหันมาสบตากันแล้วก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็จัดการเอา ตะเกียบไปเคาะหัวนภันต์ ” โป๊กๆๆๆๆ ”
ขณะที่เคาะหัวไป ปากก็บ่นไปด้วย ” นี่แน่ะๆ ใครใช้ให้แก ขโมยลูกชิ้นเนื้อของฉัน ! ”
นภันต์โดนสองคนนั้นรุม จนต้องถือชามอพยพหนีจากโต๊ะกิน ข้าว ไปหลบมุมทำท่าน่าสงสารยืนกินข้าวที่เหลืออยู่ในชามตา ปริบๆอยู่ตรงมุมห้องแทน
เวทัสกับปาณีหันมาสบตาแล้วก็ยิ้มให้กัน ก่อนจะก้มหน้าก้ม ตากินข้าวต่อไป
ระยะนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่อาการแพ้ท้องของปาก หายแล้ว แต่เธอในตอนนี้ สิ่งแรกที่คิดถึงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็มี แต่เรื่องกิน !
แต่ก็ยังดีหน่อยที่ช่วงนี้เวทัสมักจะมาหาเธอทุกวัน พร้อมกับ อาหารการกินถุงเบ้อเริ่ม ยิ่งไปกว่านั้น บางวันเขายังพาเธอไป เดินซุปเปอร์มาร์เก็ต บางทีก็ไปตลาดสด แล้วยังช่วยเธอเดิน เลือกซื้อกับข้าวกับปลาอีกด้วย
แน่นอนว่าปาณีเป็นคนซื้อ ส่วนเขาน่ะเป็นคนถือกลับมา !
นภันต์เห็นสองคนนั้นกลับมาเป็นปกติแล้ว ในใจก็อดนึกถึงพี่ เขยไม่ได้ยิ่งนึกยิ่งไม่สบอารมณ์ ก่อนจะแอบคิดเงียบๆคนเดียว ในใจ ” ไม่รู้ว่าพี่เขยจะเป็นยังไงบ้าง ? ฉันควรจะไปคุยกับเขา สักหน่อยดีไหมนะ ? ”
แต่แล้วเขาก็เลิกล้มความคิดนี้ในทันทีเมื่อเขานึกไปถึงเมื่อไม่ กี่วันที่ผ่านมา ที่อาการแพ้ท้องของพี่สาวกำลังสำแดงฤทธิ์เดช อย่างหนัก อ้วกแตกอ้วกแตนตลอดทั้งวัน ตั้งแต่วันนั้น ธามนิธิ ไม่ได้เป็นไอดอลของเขาอีกต่อไป !
เพราะในเวลาอันเลวร้ายที่สุดของพี่สาวเขา ธามนิธิกลับพูด เรื่องขอหย่ากับเธอ
ด้วยเหตุผลนี้ นภันต์จึงสูญสิ้นความเคารพศรัทธาในตัวธา มนิธิไปอย่างสิ้นเชิง !
แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็หันไปมองที่เวกัส ที่เพิ่งจะจบศึก แย่งลูกชิ้นกับพี่สาวตัวเองไปหมาดๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกลังเลเพราะ เวทสเป็นหลานชายของธามนิธิ และเมื่อมองในมุมของความ สัมพันธ์ทางสายเลือดนี้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะไล่เวทัสไป เสียให้พ้นๆ !
แต่อีกมุมหนึ่ง เวทัสก็เป็นกัปตันของทีมของเขา ซึ่งเขาก็รู้สึก ยกย่องศรัทธาในตัวเวทสอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาคง ไม่มีทางที่จะผลักไสไล่ส่งเวทัสไปได้ !
นกันต่อดไม่ได้ที่จะเผลอส่ายหัวออกมาเบาๆ ยิ่งคิดก็คิด ลำบากใจ ควรจะลืมๆมันไปเสียดีกว่า ” ช่างมัน ปัญหาทุกอย่าง ย่อมมีทางออก ! ฉันจะมามัวคิดมากให้ปวดหัวอยู่ทำไมล่ะ เนี่ย ! ”
พอนึกมาถึงตรงนี้ นภันต์ก็ก้มหน้าลงกินข้าวของเขาต่อไป ทางด้านของธามนิธิ ในช่วงเวลาเพียงสิบกว่าวัน เขาดูผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้เห็นธามนิยซูบผอมซีดเซียวลง ไปมาก ก็พาลให้แม่ของเขาก็ล้มป่วยลงไปด้วย ส่วนนวิภา ต้องคอยดูแลคุณแม่ และคอยตามหาเวทัส เจ้าลูกชายตัวดีที่ลา ออกจากโรงเรียนที่ต่างประเทศแล้วหนีกลับมา แต่ก็ยังไม่ยอม กลับเข้าบ้านสักที !
ส่วนตัวธามนิธิเอง ก็อยู่ในโหมดพึ่งพาไม่ได้เช่นกัน เพราะเขา ยังคงดั้นด้นตามหาปาณีที่กำลังตั้งท้องแล้วดันมาหนีออกจาก บ้านไป !
ต่อให้มีสภาพร่างกายอันแข็งแรงเข้มแข็งแค่ไหน หากต้องมา เจอเรื่องแบบนี้ก็ยากที่จะทัดทานได้ แล้วยิ่งต้องมาอดตาหลับขับ ตานอนด้วยความกังวลใจอยู่แบบนี้นานวันเข้า จันวิภาก็ทรุด ตามไปด้วยอีกคน
” น้องพี่ เธอช่วยพี่ตามหาเจ้าเวกัสด้วยนะ ! พี่ล่ะเป็นห่วงกลัว เขาจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ตอนไปเมืองนอกก็ยิ่งไม่เต็มใจที่จะไป อยู่ด้วย ………วิภาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย พูดกับธา มนิธิด้วยเสียงแผ่วเบา โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าธามนิธินั้น หน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดไหน
ธามนิธิชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบพี่สาวกลับไปด้วยน้ำ เสียงเรียบนิ่ง ” วางใจเถอะครับพี่ ผมให้ไวยาตย์ออกไปตามหา แล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้ข่าวของเวกัส ระหว่างที่พี่ กับแม่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ดูแลรักษาตัวเองดีๆนะครับ ผมยังมี ธุระที่ต้องสะสาง ขอตัวก่อนนะครับ ! ”
จนวิภาถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นจึงเอนกายนอนลงด้วย ความกังวลใจ
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ก็พลันได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ธามนิธิอดไม่ได้ที่จะหวนนึกไปถึงวันวาน ทันใดนั้น ภาพของ ปาณีที่แวบเข้ามาในสมองเขา จากนั้นเป็นตอนที่เธอและเขา กำลังเดินเล่นอยู่ด้วยกันในที่แห่งหนึ่ง
เธอในตอนนั้น กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วย รอยยิ้มอันสดใส แววตาใสซื่อบริสุทธิ์นั้นกำลังบ่งบอกถึงความ รักอันลึกซึ้งที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ “คุณอา เราสองคนจะจับมือซึ่ง กันและกันไว้แน่นๆแบบนี้ และเดินเคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไป ใช่มั้ยคะ ?
จำได้ว่าตัวเองในตอนนั้น ต้องตอบกลับไปแน่นอนว่า ” ใช่
หลังจากนั้น ยังไม่ทันที่ปาณีจะแสดงท่าที่ตอบกลับมา เขาก็ พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ ” นี่เธอยังคิดจะจูงมือผู้ชาย คนอื่น แล้วเดินจากฉันไปอย่างนั้นเหรอ ?
แต่ยังไม่ทันได้คำตอบจากเธอ เขาก็กระชากตัวหญิงสาวมาก อดรัดเอาไว้แน่น ก่อนจะประกบจูบลงบนริมฝีปากเธออย่าง เร่าร้อน จนเมื่อทั้งคู่ผละออกจากกันพร้อมด้วยเสียงหอบกระเป๋า จากรสจูบอันร้อนแรง ชายหนุ่มเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของหญิง สาว ” ถ้าเธอกล้าทิ้งฉันไป ฉันจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ!!
ในตอนนั้น ปาณีดูมีความสุขมาก เธอหัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว
แต่ทว่าตัวเขากลับเป็นคนที่กังวลกับเรื่องนี้เสียเอง เพราะปา
ยังสาวยังแส้ อีกทั้งยังเป็นเด็กสาวที่ดูสดใสมีชีวิตชีวา …… คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่เป็นฝ่ายปล่อยมือเธอก่อน กลับกลาย
เป็นตัวเขาเอง !
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ธามนิธิรู้สึกโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก เขา ตบหน้าตัวเองเข้าอย่างแรงไปหลายที ” นี่ผีห่าซาตานที่ไหนมา เข้าสิง ให้ฉันทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ลงไปได้ ยังไม่ได้ทันได้ฟัง อธิบายจากปาณีเลยด้วยซ้ำ กลับเอาไปมโนเป็นตุเป็นตะว่านั่น มันจะดีกับตัวเธอเอง! ซึ่งเธอก็กำลังท้องลูกของฉัน!
เขาเองที่เป็นคนผลักไสเธอผู้เป็นที่รักไปให้กับชายอื่น ทั้งๆที่ ในท้องของเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของพวกเขาแท้ๆ ลูกพ่อ ! ลูกที่ เขาเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน ในที่สุดมีมาให้เขาได้ชื่นใจ แต่ไอ้ หน้าโง่อย่างเขา กลับผลักไสให้ลูกเมียไปจากชีวิตเขาเสียได้ !
” เจี๊ยะ ! ” ธามนิธิตบฉาดเข้าที่หน้าตัวเองอย่างแรง จนรอย 11 ฝ่ามือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
และเมื่อเขากำลังเอื้อมือจะฟาดลงบนใบหน้าตัวเองอีกครั้งนั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อก้มลงไปมองก็ได้เห็นสาย เรียกเข้าจากไวยาตย์ เขารีบกดรับสาย ในทันที ” อะไรนะ ? เจอ ตัวเวทสแล้วเหรอ ? อยู่ที่ไหน ? ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ! ”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็รีบพุ่งไปที่รถในทันที
หลังจากรถแล่นทะยานฝ่าไปแดงไม่รู้กี่แยกต่อแยก ในที่สุด ธามนิธิก็ขับรถมาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาด ใหญ่แห่งหนึ่ง ไวยาตย์ที่มารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว รีบเดินเข้ามาหา เขา ” เวทัสอยู่ข้างในนั้นเหรอ ?
ไวยาตย์พยักหน้าเบาๆ ” อืม มีคนเห็นเขาอยู่ที่นี่ก็เลยมาบอก ผมนะครับ ผมยังไม่คอนเฟิร์ม !
ยังไม่ทันทีไวยาตย์จะพูดจบ ธามนิธิก็สาวเท้ายาวๆมุ่งหน้าไป ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที ไวยาตย์ยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบวิ่งตาม เขาไป
ด้านในของซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีคนมาเดินไม่ค่อย เยอะเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ใหญ่โตกว้าง ขวางมาก จนยากที่จะทำให้ธามนิธิและไวยาตย์หาตัวของเวส เจอได้ในพริบตาเดียว
ธามนิธิหันไปบอกกับไวยาตย์ ” พวกเราแยกกันออกตามหา เถอะ ! ”
จากนั้นเขาก็รีบออกเดินตามหาทันที และไม่รู้ยังไง ธามนิธิถึง ได้ตั้งใจมุ่งไปที่แผนกขายอาหารเป็นพิเศษมันเหมือนมีเหตุผล อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาคิดว่า คนที่เขากำลังตามหา น่าจะอยู่ ตรงนั้นแน่ๆ แต่ระหว่างที่เดินไปแผนกอาหารนั้น เขาก็ไม่วายที่ จะสอดส่ายสายตามองหาไปทั่วทุกทิศทาง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ