My Girl ภรรยาตัวน้อยของผม

ตอนที่822แฟชั่น



ตอนที่822แฟชั่น

ส้มโอเดินกลับมาพร้อมกับลาเต้หนึ่งแก้ววางเสิร์ฟไว้ด้านหน้า ของปาณีก่อนจะพูดอย่างอารมณ์ดี “แก้วนี้ฉันเลี้ยงเธอเอง!

ปาณีส่งยิ้มให้เพื่อนพร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจ

เธอมากนะส้มโอสุดสวย!

ส้มโอหัวเราะคิกคักเมื่อกวาดตามองไปรอบๆร้านก็พบว่าตอน นี้ลูกค้าในร้านไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ส้มโอจึงนั่งลงคุยกับ ปาณี : “เออนี่ปาณีเธอมาหาฉันที่นี่มีเรื่องอะไรรึเปล่าอ่ะ? ”

ปาณีวางแก้วกาแฟลงก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องที่บาร์นี่มาวีนใส่ เธอวันนี้ให้ส้มโอฟัง

ผลสุดท้ายกลายเป็นส้มโอที่ดูจะตื่นเต้นมากกว่าปาณีเสียอีก ถึงกับกระโดดโหยงเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ปาเล่าให้ฟังเลยที เดียว : “อะไรนะ? ยัยบาร์นี่ถึงขั้นไปขู่เธอเลยเหรอเนี่ย? 11

เมื่อเริ่มสังเกตได้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของลูกค้าในร้าน ปาณีก็ดึงส้มโอให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดเสียงเบากับ เธอ : “อย่าโมโหไปเลยส้มโอขนาดฉันเองยังไม่ได้โกรธอะไร มากมายเธอก็ใจเย็นๆก่อนนะ! จริงๆแล้วเรื่องนี้มันต้องโทษ นายนภันต์ถึงจะถูก! 11

เมื่อเอ่ยถึงนภันต์ส้มโอก็มีท่าทีเหงาหงอยเซื่องซึมลงไปไม่

น้อย
ปาณีเป็นคนที่มีน้ำใจไมตรีอันดีกับผู้อื่นอยู่เสมอเมื่อเห็นส้มโอ มีอาการเช่นนั้นจึงเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของเธอเบาๆแล้วพูดด้วย เสียงนึ่งทุ่ม : “วางใจเถอะฉันจะไปสั่งสอนนายนภันต์เองอิตาที่ม เอ๊ย! ผู้หญิงดีๆน่ารักๆอย่างส้มโอกลับไม่สนใจดันไปยุ่งกับแม่ เน็ตไอดอลซะได้สงสัยเขาคงจะตาบอดไปแล้วแน่ๆ

ส้มโอได้ยินที่ปาณีพูดจายกย่องชื่นชมตัวเองก็รู้สึกอึดอัดใจ อยู่ไม่น้อย “ปาณีเธอก็อย่ายกย่องฉันนักเลยฉันไม่ได้ดีอย่างที่ เธอพูดหรอก! H

ปาณีเอื้อมมือไปจับมือของส้มโอไว้ก่อนจะพูดกับเธอด้วยน้ำ เสียงจริงจัง : “ใครบอกเธอล่ะเธอเป็นลูกคนรวยที่อ่อนน้อมถ่อน ตนที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมาเธอรู้มั้ยว่าการที่ฉันแต่งงานกับคุณ อาฉันต้องทนทุกข์กับการโดนดูถูกเหยียดหยามจากบรรดา คนรวยมีชาติตระกูลมากมายแค่ไหนแต่เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคย ทำแบบนั้นกับฉันเลยและถึงแม้เธอจะเป็นลูกคุณหนูแต่เธอก็ยัง ฟังลำแข้งของตัวเอง! ถ้าฉันเป็นเธอฉันคงทําแบบเธอไม่ได้ จริงๆ! ”

เมื่อได้ฟังที่ปาณีพูดส้มโอก็เริ่มจะหน้าแดงระเรื่อๆ

หลังจากส่งปาณีกลับไปแล้วส้มโอก็คิดถึงนภันต์ขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นหน้าเธอก็ทวีความแดงยิ่งขึ้นไปอีกแต่พอนึกถึงความ สัมพันธ์ที่ยังคงคลุมเครือระหว่างเขากับบาร์นี่แล้วส้มโอถึงกับ สายหัวไปมาก่อนจะหันกลับไปทำงานของเธอต่อ

ในขณะที่ปาณีกำลังนึกจะไปหานภันต์เพื่อเคลียร์เรื่องราวให้กระจ่างยังไม่ทันได้ครึ่งทางจู่ๆ ธีระก็โทรเข้ามาพอดี : “ปาณีตอน นี้เธอว่างหรือเปล่า? คุณทัตธนเพิ่งจะแนะนำลูกค้ารายใหญ่ให้ เราแล้วก็อยากจะคุยกับพวกเราเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ นะ! ”

ปาณีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับไป: “ได้เดี๋ยวฉันจะ เข้าไปที่บริษัทเดี๋ยวนี้แหละ!

หลังจากวางสายเธอก็เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือนี่มันก็ใกล้ เวลาเลิกงานของคุณอาพอดีปาณีจึงกดมือถือ โทรออกไปหาคุณ อาปลายทางเองก็กดรับสายเร็วมาก

“คุณอาวันนี้คิดถึงฉันหรือเปล่าคะ? “ปาณีพูดเสียงอ่อนเสียง หวานออดอ้อนใส่เขา

ธามนิธิรู้สึกตัวร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีแต่ปากก็แกล้งพูดออก ไปว่า : “ปาณีเธอครั่นเนื้อครั่นตัวอยากโดนแบบเมื่อคืนอีกแล้ว ใช่ไหม? ”

ปาณีหัวเราะห์ จากนั้นจึงวกกลับมาพูดคุยแบบเป็นการเป็น งาน: “คุณอาคะฉันอยากจะโทรมาบอกว่าคืนนี้ฉันคงจะกลับ บ้านมืดหน่อยน่ะค่ะเมื่อกี้ธีระเพิ่งโทรมาบอกว่าคุณทัดธนแนะนำ ลูกค้ารายใหญ่ให้ฉันก็เลยโทรมาบอกให้คุณอาทราบก่อนน่ะค่ะ คืนนี้อย่าลืมทานข้าวเย็นนะคะ!

ธามนิธิที่เพิ่งจะยิ้มหน้าบานหัวใจชุ่มชื่นไปเมื่อสักครู่ตอนนี้ถึง กับยิ้มหุบ ในทันทีเขาตอบกลับไปอย่างเซ็งๆ” “อืม! ”

ปาณีหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบเขาไปว่า “คุณอาอย่าเป็นนี้สิคะทีเวลาคุณอาทำงานฉันสนับสนุนคุณอาอยู่ ตลอดเลยฉันกลับไปเดี๋ยวตบรางวัลให้อย่างงามเลย นะคะ”

ธามทันที ขอให้มันจริงเถอะ! ”

ปาณีพูดตอบโต้เขาได้อาคะต้องวางแล้วเดี๋ยวต้องรถไฟฟ้าจะไม่มี สัญญาณแล้วค่ะวางก่อนคะ! ”

ทันทีที่จบ”แกร็ก! “เสียงวาง

เมื่อธามนิธิกดวางสายโทรศัพท์ก็เหลือบเห็นไวยาตย์กำลัง แอบมองที่ตนอยู่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับเอ่ยถามเขา ทำไม? หน้าฉันอะไรติดอยู่? ”

ไวยาตย์ต่ำ ท่านประธานธามนิธิผมแค่ว่าอารมณ์ของคนเราแสดงออกมามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานะครับท่าน”

ธามจ้องหน้าไวยาตย์ด้วยท่าทางขึงขังก่อนพูดสั่งเขา ด้วยเสียงนุ่มลึก: รีบไปจัดการเรียกประชุมหัวหน้าแผนกต่างๆ จะกันบันทึกการประชุมเมื่อวานให้ด้วย”

ไวยาตย์หน้าสลดขึ้นทันทีก่อนจะมองไปเจ้านาย: บันทึกนั้นไม่ใช่ว่าต้องส่งให้วันพรุ่งเหรอครับท่าน? ”

ธามนิธิพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ก็เห็นนายว่างมากไม่ใช่เห

รอ? ”

“ไวยาตย์ยิ้มรับด้วยสีหน้าอันขมขื่นก่อนจะเดินจากไป

หลังจากที่เดินออกมาจากออฟฟิตไวยาตย์เอามือตบหัวตัวเอง เบาๆก่อนจะพูดมากับตัวเอง : “ต่อไปอย่าได้เผลอปากมากอีก นะมึงไวยาตย์! ความอ่อนโยนนุ่มนวลของท่านประธานธามนิธิ มีให้คุณปาณีเพียงคนเดียวเท่านั้นเองมันก็แค่ผู้ช่วยเขารีบไปตั้ง สติเขียนบันทึกการประชุมเดี๋ยวนี้เลย! ”

ธามนิธิลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างเขายืนมองดูวิวทิวทัศน์นอก หน้าต่างนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าวิวตรงนี้มันสวยมากเลยที เดียว

ในอดีตที่ผ่านมาของเขาเขาไม่เคยมองออกไปนอกหน้าต่าง อย่างจริงๆจังๆเลยสักครั้งจึงไม่เคยได้เห็นความงามภายนอก หน้าต่างนี้มาก่อนทั้งหมดนี้ปาณีเป็นคนสอนเขาทั้งนั้น

เมื่อคิดถึงยัยแมวน้อยขี้อ้อนของเขาขึ้นมาความอ่อนโยน ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที

“ไม่รู้ว่าคืนนี้ยัยแมวน้อยจะกลับบ้านกี่โมงกันนะ? ช่างเถอะ เดี่ยวให้ไวยาต ออกไปเค้กสักหน่อยดีกว่าประเหลาะยัยแม

วน้อยสักหน่อยก็ดีเหมือนกันรับรองว่าเธอต้องชอบแน่ๆ! ทางฝั่งของปาณีเธอนั่งรถมากับธีระไม่นานนักก็มาถึงโรงแรมห้าดาวที่ใหญ่ที่สุดของเมืองชยุต

ตลอดทางที่นั่งมาด้วยกันบนรถของธีระเขาเล่ารายละเอียด ทั่วๆไปเกี่ยวกับลูกค้าที่จะต้องไปพบในวันนี้ให้ปาณีฟัง

ปาณีนั่งมองเอกสารในมือตัวเองก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเธอไม่เคย คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้จะได้พูดคุยเจรจากับนักธุรกิจวงการแฟชั่น ที่มีชื่อเสียงที่สุดของปักกิ่งเท่าที่รู้คือบริษัทนี้ถือเป็นบริษัทแนว หน้าของอุตสาหกรรมแฟชั่นเลยก็ว่าได้โดยบริษัทพัฒนาใหญ่โต จนถึงขั้นแตกสาขากระจายไปทั่วทั้งประเทศเลยทีเดียวและที่เว่อ ร์วังไปกว่านั้นก็คือ CEOของบริษัทนี้เพิ่งจะอายุเพียง20ปีเท่านั้น อายุเท่าๆกับเธอเลย

ทว่าเขานะยืนอยู่บนปลายยอดพีระมิดเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ปาณี ก็แอบให้กำลังใจตัวเอง “ปาณีในเมื่อคนอื่นยังทำได้แกก็ต้อง ทําได้สิ! ”

เมื่อธีระได้เห็นท่าทางประหม่าของปาณีก็ถึงกับออกมาก่อน จะพูดปลอบใจเธอ : “ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้คุณทัดธนน่ะ จัดการทุกอย่างไว้ให้หมดแล้วขอแค่พวกเราไม่ทําอะไรผิดพลาด ก็พอ! ”

เมื่อนึกถึงคุณทัตธนใบหน้าของปาณีก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความ ซาบซึ้งใจ: “ต้องขอบคุณคุณทัดธนจริงๆ ถ้าไม่ได้เขาบริษัท เล็กๆของพวกเราคงไม่ได้ย่างกรายไปเฉียดบริษัทชั้นนำแบบนั้น ได้หรอก !

ธีระพยักหน้าพลางยิ้มให้เธอ

ได้ยินว่าเจ้าของบริษัทบังเอิญมาทําธุระที่เมืองชยุตพอดีถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนของคุณทัด ธนเป็นคนกว้างขวางนะกว่าพวกเราจะรู้ข่าวนี้เขาก็คงกลับไป นานแล้ว! ”

ปาณียิ้มระรื่นหน้าชื่นตาบาน “วันไหนมีโอกาสต้องเลี้ยง อาหารคุณทัตธนสักมื้อนะ!

ธีระไม่พูดอะไรเมื่อจอดรถเรียบร้อยทั้งสองจึงพากันเดินไปที่ ล็อบบี้ของโรงแรม

ถึงแม้จะทำการนัดหมายเอาไว้เรียบร้อยแต่ปาณีก็ยังมิวายที่ จะทำทุกอย่างตามขั้นตอนเธอเดินไปที่ล็อบบี้ “สวัสดีค่ะพวก เรามาพบท่านประธานศิวรรจน์CEOของบริษัทซี.ซี.เอส.ค่ะดิฉัน นามสกุลตันวิรัช! ”

พนักงานต้อนรับรีบต่อสายไปถึงท่านประธานศิวรรจน์ไม่กี่ นาทีต่อมาจึงพูดกับพวกเขาพลางชี้มือไปที่ลิฟต์ตัวหนึ่ง : “ท่าน ง: ประธานศิวรรจน์เชิญคุณสองคนเข้าพบได้ค่ะ!

หลังจากกล่าวขอบคุณพนักงานต้อนรับเสร็จทั้งสองก็พากัน เดินขึ้นลิฟต์ไป

“ติ้ง! “ประตูลิฟต์เปิดออกปาณีที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอก สารบรีฟงานอยู่ไม่ทันระวังก็ถูกผู้ชายที่สวมหมวกเบสบอลชนเข้า อย่างจัง

ธีระรีบเดินเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ได้ทัน

ปาณีไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อยเธอรีบก้มลงเก็บเอกสารที่ร่วงกระจายอยู่บนพื้นกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บน พื้นล้วนแต่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทซี.ซี.เอส.และท่านประธานศิว รรจน์ทั้งสิ้น

ชายสวมหมวกเบสบอลก็ลงไปนั่งยองๆช่วยเธอหยิบกระดาษ พวกนั้นขึ้นมา

ขณะที่ปาณีกำลังสาละวนกับการเก็บรวบรวมกระดาษที่ กระจัดกระจายอยู่นั้นก็ได้เห็นชายคนนั้นหยิบกระดาษของเธอขึ้น มาใบหนึ่งและอ่านมัน

เธอรีบเดินเข้าไปหาอย่างไม่เกรงใจและดึงมันกลับมาจากมือ ของผู้ชายสวมหมวกเบสบอล

ผู้ชายคนนั้นยืนงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะตะโกนใส่ด้านหลัง

ของปาณี : “คุณเป็นคนประเภทไหนกันเนี่ย? คนอุตส่าห์ช่วย

เก็บแท้ๆยังจะแสดงกิริยาหยาบคายแบบนี้ใส่อีก”

ธีระกำลังจะอ้าปากพูดอยู่แล้วเชียว

ปาณีรีบพูดสวนกลับไปทันควัน: “ยังจะกล้าพูดอีกนะเห็นๆอยู่ ว่าคุณเป็นคนชนฉันแท้ๆคำขอโทษสักคำก็ไม่มีแล้วแบบนี้ยังจะ มาว่าฉันกิริยาหยาบคายอีกเหรอ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ