ตอนที่ 835 โน้มน้าว
จำรัสยังคงพูดพล่ามต่อไป: “มีบริษัทมากมายที่อยากจะมา อาศัยบารมีของบริษัทซี.ซี.เอส.ของเราสร้างความร่วมมือทาง ธุรกิจกับพวกเราแต่เธอนึกอยากจะปฏิเสธก็ปฏิเสธเอาดื้อๆ นิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ฉันน่ะรู้สึกผิดหวังในตัวเธอจริงๆ…….
ขณะที่จำรัสกำลังพูดพล่ามอย่างสบายใจเฉิบอยู่นั้นเขาไม่แม้ แต่จะสังเกตสีหน้าอากัปกิริยาของปาณีที่เหมือนพายุดีเปรสชั่น กำลังก่อตัวอยู่ในตอนนี้
แล้วอยู่ๆปาณีก็พูดโพล่งออกมา:
“หุบปากได้แล้ว!
หลังจากตะโกนออกมาอย่างดังเธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นจนเผย ให้เห็นใบหน้าของเธอเธอชี้มือไปที่จำรัส “ท่านประธาน จำรัส! คำขอโทษฉันก็พูดไปแล้วคุณยังต้องการอะไรอีก สําหรับบริษัทเล็กๆของฉันฉันในฐานะเจ้าของบริษัทฉันไม่ยินดีที่ จะร่วมงานกับคุณซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน! แล้วถ้าจะมีบริษัท เยอะแยะมากมายที่อยากจะพึ่งใบบุญทำธุรกิจร่วมกับคุณนั่นมัน ก็เรื่องของคุณ! พวกเรารู้จักกันอย่างนั้นเหรอ? พวกเรามันก็แค่ คนแปลกหน้า! เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้โปรดหลีกไปให้พ้นหน้าฉัน ได้แล้ว!
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางวง! หลังจากโดนปาณีวีนใส่จำรัส ก็ถึงกับสตั๊นท์จนแน่นิ่งไปเลยเขาได้แต่มองปาณีที่วิ่งจากไปด้วย ท่าทางอันดุเดือดเลือดพล่าน
จนร่างของเธอหายลับไปจากสายตาจํารัสก็เริ่มบ่นพึมพำกับ ตัวเอง : “นี่ฉันถูกยัยผู้หญิงตัวเล็กๆรังเกียจเข้าไส้ขนาดนั้นเลย เหรอ? ไม่อะมันต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดคิดไปเองแน่ๆ! ไม่ถูก ก็เธอเพิ่งจีนแตกใส่ฉันขนาดนั้น! ฉันน่ะเป็นประธานบริษัทที่จัด ว่าหล่อและมีสไตล์ระดับโลกเลยนะสาวๆเห็นเป็นต้องกรี้ด! แต่ สายตาที่เธอมองฉันทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นไปได้? ทำไมถึงไม่ แลฉันเลยสักนิด
ถ้าเกิดปาณีมาได้ยินคำพูดอันแสนจะหลงตัวเองนี้เข้าเป็นไป ได้ว่าเธอจะต้องกรอกตาบนใส่เขาหลายตลบแน่ๆ
จำรัสก็คงจัดว่าเป็นหนึ่งในร้อยของผู้ชายที่เรียกว่าหล่อดูดีแต่ สำหรับปาณีที่ที่ถูกพิษของคุณอาธามนิธิซึมเข้าสู่ร่างกายจนแพร่ กระจายไปทั่วร่างคงพูดได้แต่เพียงว่าจำรัสก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่ จัดว่าดูดีคนหนึ่งก็เท่านั้นก็เหมือนๆกับเวทัสที่ได้ความสวยหล่อ มาจากนพรุจและจันวิภาแบบนั้นถึงจะพูดได้ว่าดูดีไร้ที่ติจริงๆ
แต่ในสายตาของปาณีแล้วก็เป็นแบบที่ว่านั่นแหละ
ถ้าให้เทียบกับรูปร่างหน้าตาแล้วปาณีก็เลือกที่จะให้ความ สำคัญกับนิสัยใจคอมากกว่าอย่างเช่นคุณอาธามนิธิของเธอการ ที่เขา” ใช้ใจ” ในการดูแลเอาใจใส่เธอนั่นแหละถึงทำให้คุณอา ได้ใจปาณีไปเต็มๆ
ปาณีโดนจํารัสตามราวีกวนประสาททำให้เธอโมโหจนน้ำตา เล็ดเลยทีเดียวแต่เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็พึมพำออกมาว่า “ฉัน จะร้องไห้ให้คนที่ฉันเกลียดไปทำไม? ”
พูดจบเธอก็รีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอก่อนจะมุ่ง
หน้าไปที่โรงเรียน
เมื่อเดินเข้าไปในประตูโรงเรียนปาณีได้แต่เดินก้มหน้านิ่งไม่ สนใจใครขนาดโมรีมายืนอยู่ตรงหน้าเธอเธอก็ยังไม่รู้ตัวเลยอีก ทั้งยังเดินอ้อมผ่านโมรีไปด้วยซ้ำ
โมริตะโกนเรียกเธอ : “ปาณีเป็นอะไรรึเปล่า? ”
ในตอนนั้นเองปาณีถึงจะเงยหน้าขึ้นและได้เห็นว่านั่นคือโมรี ปาณีพยายามฝืนยิ้มให้เธอพร้อมทั้งเอ่ยปากทักทาย: หวัดดี โมรี! ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย! 11
พอพูดจบปาณีก็เดินดื่มๆไปที่ห้องเรียน
โมรีลังเลที่จะพูดกับเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากออก มา: “เอ่อปาณีเธอว่างคุยกับฉันสักหน่อยไหม?
เมื่อปาณีเงยหน้าขึ้นมามองก็ได้เห็นโมรียืนตาแดงๆอยู่ตรงนั้น ปาณีพยักเบาให้เบาๆ : “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียนพวกเราไป ที่สนามกีฬากันเถอะ”
โมรีพยักหน้าตอบตกลงทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปที่สนาม
กีฬา
เมื่อมาถึงสนามกีฬาปาณีกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่างแต่ โมรีกลับหยิบซองจดหมายซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยื่น มันให้กับปาณี
ปาณีมองดูซองจดหมายนั้นด้วยความสงสัยบนซองเขียนเอาว่าชยรพ”ปาณีเงยหน้าขึ้นและมองไปเพื่อนของเธอ
โมรีถอนหายใจชยรพเธอคงจะแล้วสินะตอนที่เจอฉันคราวก่อนน่ะซียรพ เค้าฉันพบกับครอบครัวของเขา แต่ว่าแม่ของเขาไม่ชอบ ฉันดังนั้นฉันเลยคิดฉันควรตอน
ปาส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ก่อนจะพูดด้วย น้ำเรียบนิ่งกับโมรีแค่เพราะพ่อแม่ของชยรพไม่ด้วยที่พวกเธอคบเธอถึงกับยอมจริงจังกับเธอเขาก็คงพาเธอไปเจอพ่อคิดจะเลิกกับเขาด้วยจดหมายหนึ่งฉบับเนี่ยอ่ะเหรอแบบนี้มันเหมือนเธอไม่ให้เกียรติชยรพเลยนะแล้วกระทำไม่ให้เกียรติตัวเธอเองด้วย
โมรีถึงกับตาแดงเรื่อขึ้นมาทันทีแววตาเธอมองนั้นเต็ม ไปด้วยความสับสนก่อนนั้น ฉันไม่อยากเห็นแก่ตัวของชยรพน่ะพูดไม่ด้วยได้เลยยอมเป็นคนจากเขาไปเองใช่เพราะไม่รักเขา แต่เพราะฉันเขาฉันต้องปล่อยเขาไป”
แล้วปาณีก็รับรู้ได้เลยว่าของเธอก็เจ็บปวดมากต้องตัดสินใจแบบนี้
แต่มันก็มีคำพูดบางอย่างที่เธอต้องพูดในฐานะเพื่อนสนิทของ โมรี : “โมรีเธอไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่เธอคิดจะติดความ สัมพันธ์ด้วยความคิดของเธอแต่ฝ่ายเดียวแบบนี้มันจะไม่เห็น แก่ตัวไปหน่อยเหรอ? ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนฉันไม่คิด ว่าเธอควรจะเป็นฝ่ายเดียวที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ ฉันคิดว่าเธอ ควรจะกลับไปคุยกับชยรพเขาก่อนอย่าเพิ่งยอมแพ้อะไรง่ายๆ แบบนิสิโอเคมั้ย? ”
เมื่อพูดจบปาณีก็ยัดซองจดหมายสีชมพูใส่กลับเข้าไปในมือ ของโมรี
จังหวะที่ปาณีหันหลังเตรียมจะเดินจากไปนั้นก็ได้ยินเสียง สะอื้นไห้ของโมรีดังแว่วมาเสียงนั้นทำให้ปาณีขมวดคิ้วแน่น นมาทันที
ปาณีหันกลับมายืนเผชิญหน้ากับโมรีก่อนจะพูดด้วยเสียง เรียบนิ่งกับเธอ” “เธอรู้มั้ยว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้ฉันเอง ก็เคยผ่านมันมาเหมือนกัน! ตอนนั้นขาของคุณอาหายเป็นปรก ติแล้วและไม่ต้องนั่งบนรถเข็นอีกต่อไปแต่เมื่อได้เห็นสายตาของ ผู้คนที่มองด้วยความประหลาดใจผสมกับความอิจฉาริษยาตอน นั้นฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาก
โมรีเงยหน้าขึ้นมามองปาณีทั้งน้ำตาก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่น เครือ” “แต่ฉันกับเธอไม่เหมือนกัน! ฉัน…..”
ปารีบพูดแทรกเธอ : “ไม่มีอะไรที่เราไม่เหมือนกัน! ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนมันไม่เกี่ยวกับครอบครัวของทั้งสอง ฝ่ายเลยด้วยซ้ำแต่ก่อนฉันก็เคยยึดติดอยู่กับความคิดแบบนี้คิด มันซ้ำๆ วนไปวนมาฉันก็เคยคิดว่าฐานะชาติกำเนิดของฉันก็ ต่าต้อยไม่คู่ควรกับคุณอาเลยสักนิดฉันถึงได้ตัดสินใจที่จะ หย่า! ในตอนนั้นฉันก็คิดแบบเธอนี่แหละอยากจะปล่อยเขาไป เพื่อให้เขาได้มีความสุขโดยที่ฉันไม่ได้นึกถึงตัวฉันเองเลยด้วย
เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์อันขมขื่น ในตอนนั้นจู่ๆปาณีก็หลั่ง นํ้าตาออกมา
โมรีเห็นน้ำตาที่กำลังพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายของปาณีเธอ จึงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา: “ปาณี…….”
ปาณีเช็ดปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเอง แต่ฉันไม่ เสียใจเลยนะเพราะฉันรู้ดีว่าคุณอาเขารักฉันมากกว่าที่เขารักตัว เขาเองด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นโมรีต่อให้ตอนนี้เธอจะปล่อยเขา ไปแต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ชยรพเขามีความสุขแต่เป็นเพราะเธอ ขลาดตาขาวอ่อนแอเธอกลัวที่ต้องเผชิญกับค่าติฉินนินทาอย่างที่ ฉันเจอเธอกลัวว่าตัวเองจะอดทนกับมันไม่ไหว!
หลังจากพูดจบปาณีก็เดินออกจากสนามกีฬาไปปล่อยให้โมรี ยืนนิ่งที่ออยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
โมรีไม่ได้เข้าเรียนในคาบเรียนนั้น
ปาณีหันไปมองตรงที่นั่งของโมรีก่อนจะเริ่มจมดิ่งลงไปใน
ความคิดของตัวเอง
เธอหันมองออกไปนอกหน้าต่างได้แต่คิดในใจว่า “หวังว่า โมรีจะคิดได้นะ!
กริ๊งงงงงงเสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นหลังจากที่ครูเดินออกจาก ห้องไปแล้วปาณียังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคิดอะไร เพลินๆไปเรื่อยเปื่อย
รอจนเพื่อนๆออกจากห้องเรียนไปจนเกือบหมดปาณีถึงจะเริ่ม เก็บกระเป๋าของเธอแล้วก็เดินออกจากห้องเรียนไปขณะที่เธอ กําลังเดินผ่านถนนเส้นหนึ่งในโรงเรียนก็ได้เห็นภาพของโมรีกับ ชยรพกำลังยืนกอดกันกลมปาณีรีบไปหลบอยู่หลังต้นไม้เพื่อไม้ ให้พวกเขาหันมาเห็นเธอเข้า
หลังจากนั้นจึงค่อยๆเลี่ยงออกไปเดินตรงไหล่ทางอย่างระแว ดระวังและเมื่อเดินไปเรื่อยๆจนสุดทางหันไปมองอีกที่ทั้งสองคน ก็ยังไม่ผละออกจากกันและต่างก็พากันยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
“โมรีถึงแม้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับอะไรอีกมากมายแต่จะมีอีก คนหนึ่งที่พร้อมจะอยู่กับเธอเสมอคอยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่นั่น ก็คือความสุขไม่ใช่เหรอ?”
ณเวลานี้ปาณีรู้สึกคิดถึงคุณอาขึ้นมาจับใจไม่รู้ทำไมถึงได้ อยากเจอคุณอามากๆๆๆๆขนาดนี้
ปาณีไม่ได้ติดต่อไปหาคุณอาก่อนแต่เธอกลับเรียกรถนั่งตรง ไปที่บริษัทของเขาแทน
พนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้ต่างก็รู้จักเธอหมดแล้วหลังจากพูด คุยอยู่ไม่นานปาณีก็ขึ้นไปถึงชั้นบน
พี่ญาณีมองปาณีที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวที่บริษัทด้วยความ
ประหลาดใจก่อนจะเข้ามาพูดคุยทักทายเธอ “ปาณีมาได้ยังไง เนีย? ”
ปาณีส่งสายตามองไปที่ออฟฟิตของธามนิธิจากนั้นจึงถามเธอ ว่า “ท่านประธานธามนิธิอยู่หรือเปล่าคะ? พอดีฉันมีธุระนิด หน่อยน่ะค่ะ!”
แต่พี่ญากลับส่ายหัวให้เธอ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ