ตอนที่ 315 ตรวจ DNA (3)
ตอนที่ 315 ตรวจ DNA (3)
ได้ยินเขาว่าเช่นนั้นแล้วเซี่ยซิงเฉินก็เบาใจ ไม่ได้คิดอะไร มากอีก สไลด์ตัวลงจากตกเขา “ถ้าอย่างนั้นคุณกับคุณหมอก็ คุยกันเลย ฉันลงไปก่อนนะคะ
เขาพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยรั้งเธอไว้ เซี่ยซิงเฉินจึงโน้มตัว เก็บกล่องอาหารบนโต๊ะเตี้ย เขาตะครุบมือเธอไว้ “ไม่ต้องทำ แล้ว เดี๋ยวเลขาก็เข้ามาเก็บเอง
“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันไปละนะ
เธอวางของในมือลง
ไปเย่นิ่งจับมือเธอแล้วลุกขึ้นยืน “คืนนี้ผมจะพาต้าไปไปที่บ้าน
“ฉันรู้ค่ะ”
ไปเย่นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยสั่ง “ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่ง
ไปที่บ้านนะ”
เซี่ยซิงเฉินมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้อง พูดสั่งแบบนี้ ความจริงหากเขาไม่พาตนไปเธอก็ไม่มีทางไปเอง อยู่แล้ว เธอเป็นคนขี้เกรงใจอยู่แล้ว
“ท่านประธานาธิบดี คุณเซีย เวลานั้นเองที่เฉินเคาะ
ประตูแล้วเดินเข้ามา ไปเยถึงหันมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาบอกกับเซีย
ซิงเฉินว่า “จำคำพูดผมไว้ก็พอ ไปทำงานเถอะ”
แม้เซี่ยซิงเฉินจะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่สิ่งที่เขาไม่บอก เธอเองก็ไม่อาจถามให้ได้อะไรมาได้ แต่เห็นฟูเฉินที่เดินเข้า มาแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองมีเรื่องคุยกัน เซี่ยซิงเฉินที่ เข้าใจดีก็ไม่ได้อยู่ต่อนานไปกว่านี้
เดินออกจากห้องทำงาน เธอก็อดหันกลับไปมองประตู ห้องทำงานที่ถูกปิดลงอย่างสงสัยแวบหนึ่งไม่ได้
เขาย้ำเตือนให้ตนไม่ต้องไปที่บ้านเป็นพิเศษ กำลังปิดบัง อะไรหรือเปล่า?
ด้านใน
ประตูปิดตัวลง ไปเฉิงก็เหลือบมองเส้นผมยาวที่อยู่บน
โต๊ะเตี้ย
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หาซองพลาสติกจากลิ้นชักเพื่อ เก็บเส้นผมไว้ โบกมือไปทางโซฟาด้านตรงข้ามแล้วบอกฟู่เฉิ นว่า “นั่งก่อน”
ฟู่เฉินนั่งลงตรงข้ามเขา ก็เห็นแหวนบนนิ้วเขาในแวบ แรกทันที เมื่อครู่ก็สังเกตเห็นบนนิ้วของเซี่ยซิงเฉิน “ยินดีด้วย
เขาเพียงตอบกลับเสียงนิ่งว่า “ขอบคุณ” จากนั้นก็ไม่พูด
อะไรอีก
“แต่เล่นใหญ่แบบนี้ สวมแหวนในสำนักงานอีก ไม่กลัว คนในนี้จะเดาไปเรื่อยเปื่อยเหรอ?” “สักวันก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี” ไปเยฉิงทำท่าที่สบายๆ มอง
เฉินแวบหนึ่ง “ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับนายเลย จะเป็นพ่อ
แล้วนะ”
ฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้ากลับไร้ความตื่นเต้นที่จะได้ เป็นคุณพ่อ ยิ่งฉายแววหนักหน่วงหมองหม่น เขาไม่ได้พูดเรื่อง นี้ต่อแล้วกล่าวถามเรื่องสำคัญเงียบๆ “เพิ่งกลับประเทศมาก เรียกตัวฉัน คิดว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ
“มีเรื่องหนึ่งอยากถามนายพอดี
“ท่านว่าเลย”
ไปเย่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สายตาจดจ้องที่เส้นผมยาวดำ ขลับบนโต๊ะเตี้ยนั่นไปพักใหญ่ถึงถามออกเสียง “ลูกที่เกิดจาก ญาติสายเลือดใกล้เคียงกัน….สุขภาพจะเป็นยังไงบ้าง?
เห็นได้ชัดว่าฟูอี้เฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะถาม คำถามนี้จึงจับทางไม่ถูก “ทำไมถึงถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันแบบนี้ ล่ะ?”
เขาไม่ตอบเพียงแต่ใช้สายตาเรียบนิ่งมองฟูเฉิน เขา กำลังรอคำตอบอยู่อย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและหนักอึ้ง เฉินดูออกว่าเขาไม่ ได้ถามไปอย่างนั้นจึงกล่าว “ความรู้การแพทย์เรื่องนี้ความจริง นายไม่ต้องถามฉันเลยก็ได้นะ ตัวนายเองก็รู้ดี
“อยากฟังนายอธิบายให้ชัดเจนหน่อย
“ลูกที่เป็นปกติจากญาติที่สายเลือดใกล้เคียงกันมันก็มี แต่สัดส่วนของที่ไม่ปกติจะสูงกว่าคู่สามีภรรยาทั่วไปเยอะมาก (ความรู้ทั่วไป ญาติที่สายเลือดใกล้เคียงกันแต่งงาน ลูกจะเป็น ปกติหรือไม่ปกตินั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่อยู่ที่สัดส่วน) โดยทั่วไป อาการเด็กที่ไม่ปกติคือสมองไม่ปกติ ร่างกายไม่ปกติ หัวใจไม่ ปกติ มีเด็กมากมายที่ตอนเด็กอายุไม่กี่ขวบมีอาการปกติ แต่ พอหลังสิบขวบเป็นต้นไปก็เริ่มแสดงอาการ แน่นอนว่าต่อให้ เด็กปกติตลอดแต่ก็มีโอกาสที่จะส่งผลต่อไปให้ลูกหลานรุ่นต่อ ไปแทน รุ่นแรกมีอาการปกติ รุ่นต่อไปใครจะรับประกันได้ล่ะ
ไปเฉิงหายใจติดขัดเล็กน้อย นิ้วมือที่วางอยู่บนเขาเริ่ม บีบแน่น อาการเล็กน้อยแบบนี้ฟู่เฉินก็สังเกตเห็นแต่แค่ไม่ เข้าใจ
จากนั้นซองพลาสติกใสสามซองก็วางไว้ตรงหน้าเขา ภายในซองมีเส้นผมสามเส้นที่ยาวไม่เท่ากัน
“นี่คือ?” ฟู่เฉินไม่เข้าใจ
“คุณแม่ คุณพ่อแล้วก็คล้ายจะเป็นลูกสาว” ไปเย่นิ่งวางนิ้ว ไว้บนซองพลาสติกเบาๆ “ตรวจ DNA ให้ฉันหน่อย ฉัน ต้องการรู้ว่าพวกเขาใช่พ่อแม่ลูกกันไหม ขอผลเร็วที่สุด
ฟู่เฉินมองเขาอย่างสงสัยแวบหนึ่งแต่ย่อมไม่เห็นความ ปกติใดๆ สุดท้ายก็เก็บเส้นผมเข้าในกระเป๋า
กลางคืน
เมื่อไปเฉิงพาเซียต้าไปไปถึงบ้านที่จงซัน ภายในบ้าน เต็มไปด้วยความรื่นเริง
เมื่อครูได้จุดประทัดไปแล้ว บนพื้นยังเต็มไปด้วยเศษ กระดาษ เซียต้าไปสวมเสื้อกันหนาวตัวยาวสีเนื้อ คลุมด้วยผ้า พันคอสีเทากระโดดลงจากรถ วิ่งตุ๊กตึกเข้าไปเก็บเศษประทัดที่ ยังเผาไหม้อยู่ อยากแอบเก็บไปเป็นของเล่นที่บ้าน ที่เมืองเหลื ยงต้าเหมาเออร์เหมาพวกเขาก็เล่นแบบนี้แหละ เขารู้สึกว่าทั้ง ตื่นเต้นและแปลกใหม่
“ทำอะไร?” ไปเยฉิงตาไวพอที่จะเห็นภายในแวบเดียว “วางลงแล้วมานี่”
“เสี่ยวไป…” เสี่ยต้าไปเก็บมันไว้ในมือแล้วไขว้ไปไว้ด้าน หลัง ไม่ยอมทิ้งพร้อมทั้งมองเขาด้วยสีหน้าวิงวอน
ไปเย่ง ใช้สายตาสับสนมองไปยังใบหน้าเล็กที่เต็มไป ด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ ฉุกนึกถึงคำพูดของเฉินที่ว่า เสีย ชีวิตก่อนวัยอันควร แววตากล้ำลึกมากขึ้น สาวเท้ายาวเข้าหา เขา เขี่ยต้าไปเห็นว่าสีหน้าเขาไม่ดีเท่าไรก็หดคออย่างหวาด กลัวพร้อมทิ้งเศษประทัดไปอย่างเชื่อฟัง
“มือ” ไปเยฉิงจ้องเขา
“ทั้งหมดแล้ว จริงๆ นะ ดูสิ!” เซียต้าไปนึกว่าเขาไม่เชื่อจึง แบมือเล็กสองข้างไว้ตรงหน้าเขา ทั้งสกปรกและ
ไปเย่นิ่งดึงผ้าเช็ดที่เก็บไว้ตรงกระเป๋าหน้าอกออกมาเช็ด นิ้วให้เขาทีละนิ้วๆ จากนั้นก็เช็ดฝ่ามือ ให้เขาอย่างละเอียด
ในหัวใจเกิดความรู้สึกหลากหลาย เรี่ยวแรงเบาลงเรื่อยๆ ราวกับกลัวจะทำให้เด็กน้อยเจ็บ
เซียต้าไปแหงนหน้ามองเขาอย่างสงสัย เห็นสีหน้าของ เขาที่ยังไม่ดีเหมือนเดิมก็กล่าวเสียงอ่อนอย่างระแวง “เสี่ยวไป ยังโกรธอยู่เหรอ? ผมไม่ได้เก็บไว้สักอันแล้วนะ ดูกระเป๋าของ ผมสิ”
เจ้าตัวเล็กพูดแล้วก็เปิดกระเป๋าของเสื้อกันหนาวตัวยาว
ให้ดู
ราวกับหัวใจของไป๋เฉิงมีก้อนหินขนาดใหญ่วางทับอยู่ จนอึดอัด เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะแน่ใจแล้วว่าน้ำเสียงตนกลับ มาเป็นปกติถึงค่อยๆ อ้าปากพูด “ไม่ใช่ห้ามไม่ให้เล่น แต่อันนี้ อันตรายเกินไป ถ้าลูกชอบเล่นพวกนี้เดี๋ยววันหลังให้คุณอาย กังพาลูกไปเล่นในที่ของมัน โดยเฉพาะเลย
“ได้จริงๆ เหรอ?” เซี่ยต้าไปมองตาเป็นประกาย
“อืม”
“แล้วผมพาหม่ามไปด้วยได้ไหม?”
“ได้”
“แล้วเสียวไปก็ต้องไปกับผมนะ!”
เซียต้าไปแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง วันนี้เสียวไปคุยง่าย จังเลย ตามใจทุกอย่าง! ถูกวิญญาณคนดีเข้าสิงเหรอ?
เจ้าตัวเล็กเริ่มได้คืบจะเอาศอก “ผมอยากให้คุณอาเห ลิ่งเฟยพาผมไปที่สนามยิงปืนด้วย
“ได้”
เซี่ยต้าไปตะลึงจนอ้าปากเป็นรูปตัวโอ จากนั้นก็นึกถึงบาง อย่างแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าร่าเริงเป็นหม่นหมองทันที
“เสี่ยวไป พ่อเป็นโรคอะไรหรือเปล่า?” จู่ๆ เซียต้าไปก็
กอดเข้าที่ขาของเขา กอดแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้จน แทบน้ำตาไหลพราก “ป่วยหนักมากเลยเหรอ? พ่อจะไปจากผม กับหม่ามี้เหรอ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ