สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 335 เปิดโปงความจริง



ตอนที่ 335 เปิดโปงความจริง

ไปเยถึงทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้น ได้แต่หันใบหน้า ที่อ้อนวอนของเซียซิงเฉินกลับมา และเพราะบาดแผลที่ปริออก ด้านหลังทำให้ตอนนี้ดวงตาเริ่มพร่ามัวแต่เขายังคงจดจ้องเธอ อย่างดื้อรั้น เหงื่อเม็ดโตตกกระทบลง ใบหน้าเธอ

“ต้องเจ็บมากแน่ๆ ใช่ไหมคะ?” เซียซิงเฉินปวดใจแทบ ตาย ยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าใบเขาพร้อมดวงตาที่เริ่มแดง

เขากระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ท่าทางแบบนั้นช่างมีเสน่ห์ นิ้ว เรียวยาวเย็นเฉียบปาดผ่านกลีบปากเธอเบาๆ “ยังจำได้ไหมที่ ก่อนหน้าผมเคยสอนวิธีเบี่ยงเบนความรู้สึกเจ็บปวดให้คุณ?

ไม่มีทางลืมอยู่แล้ว!

แต่ตอนนี้…

เซียซิงเฉินทั้งโกรธทั้งปวดใจ “นี่มันเวลาไหนแล้วคุณยัง คิดแต่เรื่องนี้ คุณหลีกไปนะ ถ้าไม่หลบล่ะก็ต้อง…….

เธอยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดีก็ถูกปิดปากเสียแล้ว จูบ ของชายหนุ่มประทับลงมาพร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลาย ทำให้เธอได้แต่รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ

เธอรู้ดีว่ารอบนี้กระตุ้นให้คุณท่านยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ มือก็ออกแรงมากกว่าเดิม ทุกครั้งที่ฟาดลงมากราวกับฟาดลงบน ตัวเธอไปด้วย เธอเบี่ยงหน้าหนีจูบของเขาทั้งน้ำตา แต่เขา กลับนั้นไม่ยอมปล่อยมือคล้ายว่าหากปล่อยเธอไปทั้งคู่ก็จะยิ่ง หมดหวัง

“คุณไป คุณสั่งสอนลูกชาย ฉันไม่ควรพูดอะไร แต่ลูกชาย นี่เป็นลูกชายแท้ๆ ของคุณ จะตีไม่ได้แล้วนะคะ!” ในที่สุดเป็น หมิ่นก็ทนดูต่อไม่ไหวแล้วอ้าปากเอ่ยห้าม

ไป๋เย่ฉิงสวมเสื้อเชิ้ตเสริมด้วยเสื้อกันหนาวตัวยาว แต่ ตอนนี้แม้แต่บนเสื้อกันหนาวยังมีรอยเลือด ไม่กล้าจินตนาการ เลยว่าภายใต้ร่มผ้านั้นเขาจะเจ็บหนักเพียงใด

คุณหญิงไปร้องไห้อย่างหนัก แม้จะโกรธแต่ก็ปวดใจแทน ลูกชายอยู่ดี

ไปชิงสั่งถอนหายใจยาว ห้ามคุณท่านที่กำลังเดือดพล่าน

ถึงที่สุดไว้ “ไม่ต้องตีแล้ว ตีไปก็ช่วยอะไรไม่ได้

คุณท่านถึงได้ยอมรามือ แต่เห็นว่าเขายังจูบเซียซิงเฉินอยู่ ก็บันดาลโทสะขึ้นอีกครั้งจนความดันพุ่งสูง สุดท้ายได้แต่หมุน ตัวหันกลับไปแล้วตวาดเสียงก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด “เลี้ยง เสียข้าวสุกมาตั้งหลายปี! ไอ้ลูกทรพี!

ผู้อาวุโสยอมรามือแล้วเซียซิงเฉินก็ขึ้นตัวออกจากไปเย่นิ่ง ได้สำเร็จ ทั้งอับอายทั้งเอือมระอาและปวดใจ ไม่กล้าหันไปสบตามองสายตาของเหล่าผู้อาวุโสด้านหลังเลยสักนิด

ไปเยถึงเกยคางไว้บนไหล่เธอด้วยท่าทางอ่อนแรงจนครึ่ง

ตัวบนของเขาแทบจะเคยอยู่บนตัวเธอ “ซิงเฉิน ผมจะพาคุณ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย

เขากล่าว มือใหญ่เลื่อนลงจากไหล่เธอจนกระทั่งกรอบ

ข้อมือผอมบางเธอไว้

“เฉิง!” เซี่ยซิงเฉินเรียกเสียงเบาไปที

คุณท่านเห็นว่าเขาจะไปก็ใช้ไม้เท้าขวางไว้ ไปเฉิงปัดทิ้ง อย่างไม่ไยดีด้วยสีหน้าที่เรียบตึงถึงที่สุด “ทุกคนจะทำอะไรก็ ทำไป แต่ซิงเฉินผมต้องพาเธอกลับไป

วันนี้พฤติกรรมของเขาต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสที่เรียกได้ว่า เลวร้ายอย่างที่เมื่อก่อนไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขา ยำเกรงและให้ความเคารพต่อคุณท่านมาโดยตลอด

ในใจเซี่ยซิงเฉินก็หวาดกลัวจนเต้นรัวไม่เป็น

คุณท่านหยิบที่เขี่ยบุหรี่มาเพื่อจะขว้างไปแต่คุณหญิงไปรีบ ห้ามไว้ “คุณ คุณบ้าไปแล้ว!

“ซิงเฉิน” จู่ๆ ไปชิงรั่งก็ขานเสียงเรียกออกมาเบาๆ แล้ว หันมองเงินหมิ่นข้างกายแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองแผ่นหลังเซีย ซิงเฉินแวบหนึ่งทั้งที่ดวงตาเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

เซี่ยซิงเฉินถูกไป๋เย่นิ่งดึงแขนเดินออกไปข้างนอก เมื่อ ได้ยินเสียงเรียกก็รู้สึกสงสัย
สองพยางค์ที่ไม่ได้เอ่ยเรียกตนธรรมดา แต่กลับเต็มไป ด้วยความรู้สึกซับซ้อนมากมาย

เหมือนปวดใจ คล้ายว่ารู้สึกเสียใจ แต่ก็สงสารอย่างลึก ซึ้ง รวมถึง….รักใคร่

เธอยิ่งรู้สึกถึงชัดเจนมากขึ้น ไปเย่นิ่งที่กุมมืออยู่สั่นสะท้าน ไปที่พลางกุมมือแน่นกว่าเดิมราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดหายไป

จากก๋ามือเขา

นี่มัน…เรื่องอะไร?

“จี้หยกอันนี้ หนูทำหล่นใช่ไหม?” ไปชิงรั่งล้วงหยกที่ตน คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้นเคยออกมาจากถุงเล็ก

เซี่ยซิงเฉินกำลังจะหันกลับมาไปเย่นิ่งก็กระตุกเธอไปที่ เธอเงยหน้ามองเขา “เฉิง ให้ฉันทำความเข้าใจก่อนค่อยไป ได้ไหมคะ?”

ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนน่าแปลก เธอไม่มีทางจากไป พร้อมเขาทั้งที่ยังเต็มไปด้วยคำถามแบบนี้ เธอได้แต่รู้สึกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องที่คุณท่านและคุณ หญิงไปไม่อนุญาตให้พวกเขาแต่งงานแน่ๆ

ไปเฉิงจ้องเธอไม่ละสายตา แววตาที่มีอยู่ทุกความ อารมณ์ความรู้สึก ทั้งสับสน ย้อนแย้ง อัดอั้นตันใจ เจ็บปวด สุดท้ายแล้ว….

ก็เหมือนได้ปลดปล่อย
จะปิดบังไปอีกทำไม? ในเมื่อวันนี้มันมาถึงจุดนี้แล้วตนยัง ปิดบังได้อีกเหรอ? ลองดูการตัดสินใจของเธอหน่อยก็ดี

เขาค่อยๆ ปล่อยมือเธอออก เขี่ยซิงเฉินยิ้มให้เขาอย่าง ปลอบโยนไปทีถึงได้หมุนตัวกลับไป

เธอมองจี้หยกอันนั้น

ยังไม่ทันปริปาก เงินหมิ่นที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยแทรก “จี้หยก นั่นทำไมถึงอยู่ที่ท่านได้

“จี้หยกอันนี้เป็นของผมที่ให้หลันถึงไว้เมื่อก่อน วันนี้หลัน งบอกในสายว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนที่เธอคลอดลูกของเรา ก็ เอาจี้หยกอันนี้ใส่ไว้ในผ้าอ้อมผืนสีฟ้านั่น คุณเงิน ผมเลย อยากถามว่าคุณได้จี้หยกอันนี้มาจากไหน แถมยังเอาให้ชิง เฉิน?” ไปชิงรั่งเบนสายตาไปทางเส้นหมิ่น

กลีบปากของเงินหมิ่นสั่นระริก

แทบไม่อยากจะเชื่อ

หากจี้หยกอันนี้เป็นของคุณอาเฉิงล่ะก็ ซึ่งเฉินก็คือ….

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้เงินหมิ่นก็เบิกตาโพลงแล้วหัน มองไปทางไปเย่นิ่ง มิน่าล่ะถึงได้มาขอร้องให้ตนปิดบังเรื่องนี้ ด้วยท่าทางจริงจัง และมิน่าล่ะที่วันนี้คนตระกูลไปถึงอาละวาด อย่างนี้…

ลูกพี่ลูกน้องจะคบกันได้อย่างไร
ได้ยินคำพูดของคุณท่านรองไปแล้วเห็นท่าทางตระหนก ของมารดา รวมทั้งนึกถึงปฏิกิริยาผิดปกติของทุกคน เซียซิงเฉิ นก็ใจกระตุกอย่างรุนแรง ความคิดที่น่ากลัวแล่นผ่านหัวตัวเอง

แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ

ทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้?

อีกทั้ง…

ตนไม่ใช่ลูกเลี้ยง! เธอเป็นลูกของคุณแม่และคุณพ่อ

เซี่ยซิงเฉินปากสั่นเทาเหมือนกำลังโกหกตัวเอง เดิน เข้าไปหาแล้วหยิบจี้หยกมาไว้ในมือ

“คุณอา ท่านเข้าใจผิดแล้ว! จี้หยกอันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับท่าน เลย! มันอาจจะคล้ายจี้หยกของท่านมากๆ แต่ไม่ใช่อัน เดียวกันแน่! อันนี้เป็นของที่คุณแม่ฉันเอามาให้คุ้มกันตัว เหมือนกำลังพูดโน้มน้าวคนอื่นแต่ยิ่งเหมือนกำลังพูดโน้มน้าว ตนเอง เธอกัดฟันพูดเสียงหนักทุกค่า แต่กลับสั่นเครือและเริ่ม เปลี่ยนโทนเสียง

เธอกำจี้หยกไว้แน่น ทั้งที่เป็นของกลมมนแต่ตอนนี้กำไว้

ในมือแล้วกลับเสียดแทงเธอให้เจ็บ

ความเจ็บนั้นแทรกซึมเข้าก้นบึ้งของหัวใจ ราวกับต้องการ แทงหัวใจของเธอให้ฟัง…

เธอไม่อยากมองสีหน้าที่แตกต่างของทุกคน เพียงแค่นั้น กลับไปมองไปเฉิง ทั้งคู่สบสายตาแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน ดวงตาเธอพร่ามัวเพราะหยาดน้ำที่เอ่อคลอบางๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ