สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 209 ช่วงลองรัก (5)



ตอนที่ 209 ช่วงลองรัก (5)

แสงสว่างจากด้านนอกลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ เข้ามา เธอ เห็นความเหนื่อยล้าขนาดหนักบนใบหน้าของเขา ดวงตา ปรากฏเส้นเลือดฝอยขึ้นอยู่เต็ม

หัวใจบีบรัด

“สองวันนี้คุณได้นอนบ้างไหมคะ?” เซียซิงเฉินสวมผ้า ปิดปาก ให้เขาเสร็จก็เดินไปด้านนอก พลางเอ่ยถามด้วยใจที่ เจ็บปวด

“นอนบนเครื่องสักพักระหว่างทางมาเมื่อกี้” ไปเฉิงตอบ เธอ เขานั่งเครื่องบินส่วนตัวจากกองบิน โดยเฉพาะ นั่งรถคง ไม่มีทางมาได้เร็วขนาดนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว…สองวันนี้ เขาได้นอนบนเครื่องไปครู่ เดียวแค่นั้นเองเหรอ? ยุ่งขนาดนี้ทำไมเขาถึงต้องมาเมืองเหลื ยงตอนดึกดื่นอีก?

เซียซิงเฉินไม่ได้ถาม ทำเพียงแค่เดินเคียงคู่เขาออกจาก ห้องพักผู้ป่วยไป เหลิงเฟยยืนอยู่หน้าประตู เห็นพวกเขาออก มาจึงรีบทักเซี่ยซิงเฉินเสียงเบา

เธอมองเหลิ่งเฟยแวบหนึ่ง เหนื่อยล้าเช่นเดียวกันใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความ
“แค่ดูก็รู้ว่าพวกคุณสองคนนอนไม่พอ ข้างๆ มีโรงแรม พวกคุณไปเปิดห้องแล้วนอนสักหน่อยเถอะ” เซียซิงเฉินดูเวลา ตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว แต่ว่านอนน้อยยังดีกว่าไม่ได้นอน

ไปเยฉิงตอบรับเสียง “ยิ้ม” ถือว่ายอมรับข้อเสนอของเธอ ก้าวเท้าเดินไปก้าวหนึ่งก่อนจะหันกลับมา เห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่ เดิม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณคุ้นเคยที่นี่มากกว่า ไปด้วยกัน เราจะได้ไม่หลงตอนตามหา

ความจริงโรงแรมห่างจากโรงพยาบาลไปไม่ถึงสามร้อย เมตร หากใส่ใจเล็กน้อยแค่เดินออกจากประตูก็คงเห็น แต่เมื่อ คิดว่าเขารีบมาตอนตีสอง เธอก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก คงจะทำ เป็นไม่สนใจเขาไม่ได้ จึงพยักหน้า “ฉันไปส่งพวกคุณที่โรงแรม เสร็จแล้วค่อยกลับละกัน

โรงแรมในหมู่บ้านมากสุดก็ระดับสี่ดาว สิ่งอำนวยความ สะดวกค่อนข้างแย่เมื่อเทียบกับโรงแรมในเมืองหลวง แต่ ถือว่าสะอาดเรียบร้อยดี เหลิงเฟยจัดการเรื่องเข้าพัก

ประวัติตอนกรอกเข้าพักคงไม่สามารถใช้ของทั้งสองคน ได้ ยังดีที่เซี่ยซิงเฉินพกบัตรประชาชนของตนและมารดาไว้

“พวกคุณขึ้นไปเถอะ ฉันต้องกลับโรงพยาบาลแล้ว” เซีย ซิงเฉินยื่นคีย์การ์ดห้องให้เขา

ไป๋เย่นิ่งรับคีย์การ์ดห้องไว้แล้วเขม่นมองเธอสองที “ไม่ขึ้นไปเหรอ?”

สายตานั่นเป็นสายตาที่ผู้ชายไว้สำหรับมองผู้หญิงชัดๆ สื่อความหมายชัดเจนมาก อีกทั้งเหลิงเฟยก็อยู่นี่ เขาไม่มี ความคิดจะปิดบังเลยสักนิดเดียว กลับมองจนใบหน้าเธอขึ้นสี เธอสายศีรษะรัว “พวกคุณรีบนอนเถอะค่ะ ฉันเป็นห่วงคุณแม่ ออกมาได้ไม่นานหรอก”

ไปเย่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่เอ่ย เพียงแค่สีหน้าเรียบนิ่งขึ้น หมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์

เชียซิงเฉินมองแผ่นหลังนั่น เผลอก้าวตามไปหนึ่งก้าว แต่ สุดท้ายก็ไม่ได้ตามไป ทำเพียงแค่เอ่ยถามเหลิงเฟยเสียงเบา “เขาโกรธเหรอ?”

เหลิงเฟยหัวเราะ “คุณเซียยังคุยโทรศัพท์ไม่จบสายก็ตัด ไป ท่านคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณถึงขั้นมาอยู่โรงพยาบาล เขาเลยรีบมา แต่พอมาถึงคุณก็ให้เขาไปนอน แน่นอนว่าต้อง ไม่พอใจอยู่แล้ว”

“แปลว่าเป็นเพราะสายของฉันเหรอคะ?” เซียซิงเฉินนิ่ง

อึ้ง หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเกลียวคลื่นระลอกๆ ความจริงยามที่เจอเขาในห้องพักผู้ป่วยเมื่อครู่ ใช่ว่าจะไม่เคย คิดเช่นนั้น แต่ตนไม่กล้าคิดต่างหาก

เหลิงเฟยหยักไหล่ไม่ได้เอ่ยอะไร ได้ยินเพียงน้ำเสียงไม่ พอใจของไป๋เย่ฉิงดังแว่วมาจากในลิฟต์ “ชักช้าอะไรอยู่?
เหลิ่งเฟยไม่กล้าช้ากว่านี้ จึงเอ่ยลาเซียซิงเฉิน พลางหมุน ตัวรีบก้าวเดินไปในลิฟต์

คราวนี้ทั้งห้องโถงของโรงแรมที่เหลือเพียงเซียซิงเฉินยืน อยู่คนเดียวแล้ว เธอยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มุมปากเผยยิ้มบางเบา ในหัวใจมีความรู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน

ผู้ชายคนนี้ทั้งที่เอาแต่ใจแถมยังปากแข็ง ตอนที่ร้ายก็ร้าย จริงๆ มักทำให้เธออารมณ์เสียแทบตาย แต่ตอนที่ทำให้รู้สึก ดี…ก็ดูช่าง ใสซื่อจริงๆ …

เธอยิ้มมุมปาก เดินไปในร้านสะดวกซื้อของโรงแรม ตั้งใจเลือกซื้อผ้าขนหนูสองผืนพร้อมอุปกรณ์ล้างหน้า

ไป๋เย่นิ่งถอดเสื้อเชิ้ตลงทิ้งไว้บนเตียง ขณะที่นิ้วยาวเพิ่ง แตะเข็มขัด กำลังจะปลดกระดุมกางเกง เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น

เสียงกริ่ง ในยามดึกดื่นทำให้เขาที่มักระวังตัวไว้อยู่เสมอ นั้นรีบเตรียมพร้อมทันที เดินไปหน้าประตูอย่างฉงน ส่องตา แมวแวบหนึ่ง เรือนร่างคุ้นเคยนอกประตูทำให้สีหน้าเขาผ่อน คลายลงทันที

เปิดประตูเผชิญหน้าเธอ สีหน้ายังคงไม่ดีเท่าไร “ทำไมยัง ไม่ไปล่ะ?”

น้ำเสียงก็เย็นชา

ผู้ชายคนนี้มักโกรธอยู่คนเดียวเสมอ
เซียซิงเฉินยื่นของในมือไว้ตรงหน้าเขา “คุณรักสะอาด ไม่ใช่เหรอคะ? นี่ของใหม่ คุณใช้ไปก่อน คุณภาพธรรมดา ต้องไม่มีทางเทียบกับที่คุณใช้เป็นปกติได้อยู่แล้ว

ไป๋เย่นิ่งเหลือบมองของใช้เหล่านั้น แล้วเงยหน้ามองเธอ ด้วยสายตา ลึก แววตาลึกซึ้งนั้นดึงรั้งตัวเธอไว้แน่น เขามอง จนเซี่ยซิงเฉินทำตัวไม่ถูก รู้สึกเพียงแววตาเช่นนั้นของเขา เหมือนต้องการจะปลดเปลื้องเธออย่างไรอย่างนั้น

จนกระทั่งตอนที่เธอแทบทนไม่ไหว เขาถึงเอ่ยปากอีกครั้ง “ทำไมมีสองชุด?”

“ เซียซิงเฉินมองแววตาของเขาออก ผู้ชายคนนี้เห็นได้ ชัดว่ากำลังเข้าใจผิด! เขาคิดว่าอีกชุดต้องเป็นของเธอแน่ๆ

เธอกลัวว่าเขาจะคิดไปไกล จึงรีบอธิบาย “คุณรีบเอาไป ใช้เถอะค่ะ อีกชุดเตรียมไว้ให้เหลิงเฟย เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้ เขา”

เธอยัดชุดหนึ่งไว้ในมือเขา เหลืออีกชุดในมือพลางหมุน ตัวเพื่อไปยังข้างห้อง ไปเฉิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ตามไปก้าว หนึ่งยื่นมือจับไหล่เธอไว้ แล้วดันตัวเธอชิดกำแพงทางเดินของ โรงแรม

เซี่ยซิงเฉินมองเขาตาโต ร่างกายแข็งแรงของชายหนุ่ม ยืนกักตัวเธอไว้มิด แสงไฟสลัวบนทางเดินยาวถูกร่างเขาบดบัง ไปเกือบครึ่ง ครึ่งตัวบนเขาไม่ได้สวมอะไร ไออุ่นร้อนแผ่ซ่าน ออกมากระตุ้น เธอยืนหลังชิดกำแพง เผลอกผ้าขนหนูอีกผืนในมือแน่นอย่างลืมตัว เสียงถุงพลาสติกเสียงเบาๆ ในยาม ค่ำคืน กลับชัดเจนขึ้นมา

“กลางคืนดึกดื่นคุณจะไปเคาะประตูห้องของผู้ชายคนอื่น เหรอ?” ไปเย่งเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ เซียซิงเฉินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เหลิงเฟยไม่ถือว่า

เป็นผู้ชายคนอื่นหรอกมั้ง?” ถึงเธอจะเคาะประตูห้องของเห

ลิ่งเฟยยามดึกดื่น เหลิงเฟยก็ไม่มีทางเข้าใจเธอผิดแต่อย่างใด

ไปเย่นิ่งเขม่นมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเขม่นมองผ้าขนหนู ในมือที่เธอกำไว้แน่น แย่งมาแล้วโยนลงพื้นทันที

“ทำอะไรคะเนี่ย?” เซี่ยซิงเฉินก้มเก็บ

ไปเย่นิ่งดึงตัวเธอขึ้น “เขาไม่ได้มีโรครักสะอาด ใช้ของใน โรงแรมได้สบาย

“แต่ว่า…อุ๊บ…”

ค่าพูดของเซียซิงเฉินยังไม่จบประโยคดี จูบร้อนแรงของ ชายหนุ่มก็ประทับลงริมฝีปากเธอ จูบของเขาดุดันร้อนแรง เธอ ถูกจูบจนแทบรับมือไม่ไหว แต่สติก็เตือนให้เธอผลักเขาออก ตรงนี้คือทางเดินในโรงแรม ถ้าถูกใครถ่ายรูปไว้ เห็นทีจะ

เป็นข่าวไปทั่วเมืองอีกแล้ว

ไป๋เย่นิ่งก็ไม่ได้คิดจะจูบเธอตรงทางเดินตลอดจริงๆ เขา ช้อนตัวเธอขึ้นเดินเข้าไปในห้องทันที วางลงบนเตียงแล้วพรม จูบอีกยกใหญ่ จูบจนกระทั่งลมหายใจทั้งคู่สะดุดถึงยอมระมือไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ