สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 33 ได้รับเกียรติสูงส่ง



ตอนที่ 33 ได้รับเกียรติสูงส่ง

หยูเจ๋อหนันเดินเข้าไปใกล้พี่ชาย เขาเห็นพี่ชายกำลังจดจ่ออยู่ กับข่าวในโทรทัศน์

เป็นข่าวของท่านประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่อยู่ดีๆ ก็มา ปรากฏตัวต่อหน้าสายตาสาธารณชน ทุกอย่างดำเนินไปตาม แผน สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา

หยูเจ๋อเหยาขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าไปเย่นิ่งจะโชคดี

ขนาดนี้

“พี่ ผมถามพี่อยู่นะ!” หยูเจ๋อหนันโบกมือไปมาอยู่ตรงหน้า เขา “พี่ยังไม่ได้บอกผมเลย เซียซึ่งเป็นเธอพิเศษตรงไหน ทำไม ต้องให้ผมออกโรงไปจัดการเธอเองด้วย

“ไม่ใช่ให้ไปจัดการเธอ แต่ให้ไปแต่งงานกับเธอ!” หยูเจ๋อ เหยาหยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์และตอบกลับน้องชายอย่าง เคร่งขรึม

หยูเจ๋อหนันเลิกคิ้วสูง “เธอเองก็ไม่ได้เป็นคุณหนูตระกูล ดังอะไร พ่อของเธอก็เป็นแค่นายกเทศมนตรีเท่านั้น พี่จะให้ผม แต่งงานกับเธอ?”

“แล้วแกรู้ไหมว่าแม่ของเธอเป็นใคร

“แม่? พี่หมายถึงคนที่ชื่อหลอะไรนั่นสินะ…พี่ให้ข้อมูลผมมาแล้วล่ะ แต่ผมยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียด

“นั่นเป็นแค่แม่เลี้ยงของเธอ เมื่อ 3 ปีก่อน คุณหญิง หลันถึงขอให้ฉันออกตามหาลูกสาวของเธอที่ประเทศ ฉันใช้ เวลา 8 ปีถึงได้เบาะแสมา

หยูเจ๋อหนันตกตะลึง “พี่หมายถึง…เซี่ยซิงเฉินเป็นลูกสาว ของคุณหญิงหลันถึง?”

“ใช่น่ะสิ”

คุณหญิงหลันถึงเป็นใคร? เธอเป็นคนประเทศ แต่ยิ่งไป กว่านั้นเธอยังเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ตอนนี้เธออยู่ที่ สหประชาชาติ กุมอำนาจทางทหารและการเมืองของหลาย ประเทศ

“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นจะมีภูมิหลังแบบนี้ ตัวเธอเองไม่รู้เรื่องเลยเหรอ?”

“เธอเองก็ถูกทอดทิ้ง เธอคงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก พี่เองก็คง ไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณหญิงหลันถึงทราบก่อน”

“ทําไมไม่บอกล่ะ?”

“ก็รอให้แกแต่งงานกับเธอและให้เธอเข้ามาอยู่ในตระกูล หยของเราก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน ขืนปล่อยให้ประวัติชีวิตของ เธอเปิดเผยออกมา ผู้ชายทุกคนรวมทั้งไปเฉิงคงกลายเป็น ศัตรูหัวใจของแกพอดี”

หยูเจ๋อหนุนทำเสียง “ชิ” ไม่เห็นด้วย “เอิ่ม รองประธานาธิบดีหยูครับ ท่านเองก็ดูไม่เชื่อมั่นในตัวน้องชายของ ท่านเลยนะครับ? ต่อให้คนทั้งประเทศ รวมทั้งไปเยถึงกลาย เป็นศัตรูหัวใจของผม แต่ด้วยเสน่ห์ที่ผมมี เรื่องจัดการเธอนั้น สบายมาก”

“โม้ให้มันน้อยๆ หน่อย! ถ้าแกไม่มีอะไรทำก็ไปเที่ยวตาม ประสาแกนูนไป ที่นี่มีอะไรให้ทำมากมายก่ายกอง

“โอเค ผมไม่รบกวนพี่แล้วก็ได้ แต่อย่าลืมเรื่องที่ผมขอ ล่ะ” หยูเจ๋อหนันกำชับอีกครั้ง

ถ้าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นรู้ว่าได้งานของตัวเองกลับมา คงจะดีใจได้แล้วสินะ?

หยูเจ๋อหนันนึกถึงเรื่องที่นัดเจอเธออีกสิบวัน ในใจพลัน รู้สึกดีขึ้นมา สองสามวันนี้เขาแทบจะนับนิ้วตั้งตาคอย

ทางฝั่งของกระทรวงการต่างประเทศก็คิดไม่ถึงว่าจะได้รับ โทรศัพท์สำคัญถึงสองสายติดต่อกัน แถมโทรศัพท์ทั้งสองสาย ล้วนพุ่งเป้ามาที่เซี่ยซิงเฉิน

สายหนึ่งเป็นของทำเนียบประธานาธิบดีที่ต้องการให้ โอกาสเธอเข้าสอบอีกครั้ง อีกสายหนึ่งเป็นของรอง ประธานาธิบดีที่ต้องการให้เธอเข้าทำงานในกระทรวงการต่าง ประเทศโดยไม่ต้องเข้าสอบ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลตกอกตกใจเป็นการใหญ่ ตะลีตะลานค้นข้อมูลของเซี่ยซิงเฉินออกมาดูแล้วดูอีก เธอเป็นผู้หญิง เก่งกาจขนาดไหนถึงได้รับเกียรติสูงส่งขนาดนี้ ประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีถึงกับต้องออกโรงเอง?

แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เจออะไรพิเศษ นอกจากรูป ลักษณ์ที่ดูดีกว่าคนทั่วไป

ส่วนทางนี้

เซี่ยซิงเฉินกลับมาถึงทำเนียบประธานาธิบดี หลังจาก จัดแจงเก็บข้าวของในมือเสร็จเรียบร้อย เธอก็ได้รับโทรศัพท์ที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของกระทรวงการต่างประเทศโทรมาด้วย ตัวเอง เธอถึงกับตื่นตะลึงที่ได้รับเกียรติเช่นนี้

“คุณหมายถึง….ตอนนี้ฉันกลับไปเข้าสอบได้อีกเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ คุณเซีย ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะไม่เข้าสอบแต่เข้าไป ทํางานเลยก็ได้อีกเหมือนกัน”

ที่จริงจะเข้าสอบหรือไม่เข้าสอบก็ไม่สำคัญอะไร ไม่ว่าผล สอบจะออกมาเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ได้ตัวอักษร “ผ่าน” ตัว เดียวอยู่ดี!

ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดทั้งสองฝ่ายถึงกับโทรศัพท์มา ใครกล้า ขัดเธอ? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ?

“ไม่ค่ะ ฉันจะเข้าสอบค่ะ แต่ขอถามหน่อยได้ไหมคะ ฉัน ถูกตัดสิทธิ์ไปเพราะไม่ได้เข้าสอบเมื่อคราวก่อน แล้วทำไมตอน นี้ถึงกลับไปสอบได้อีกคะ?”
“ในส่วนนี้คุณไม่ต้องถามอะไรมาก พวกเราเองก็ได้รับคำ สั่งจากเบื้องบนมาเท่านั้น คำสั่งจากเบื้องบน

เซี่ยซิงเฉินครุ่นคิด หรือจะเป็นไปเฉิง?

หรือว่า…เขาโทรศัพท์ไปหากระทรวงการต่างประเทศด้วย เรื่องเล็กๆ แค่นี้ของตัวเธอเองจริงๆ?

แต่ต่อให้เขาโทรศัพท์ไปจริงๆ เขาก็แค่ทำเพื่อชดเชยให้ ตัวเขาเองสินะ!

เซียซิงเฉินนึกถึงคำพูดที่ห่างเหินและเฉยเมยของเขาใน วันนั้น ในใจยังคงรู้สึกอ้างว้างอยู่บ้าง ซึ่งไม่สามารถบรรยาย ความรู้สึกนั้นออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ในตอนกลางคืน

หลังจากเธอส่งเซียต้าไปเข้านอน ตัวเธอเองก็ไปอาบน้ำ และมาเอนตัวอ่านหนังสืออยู่บนเตียง พรุ่งนี้เธอก็จะได้เข้าสอบ จริงๆ แล้ว

ในเมื่อเขาได้ให้โอกาสนี้กับตัวเธออีกครั้ง เธอก็ต้องคว้า เอาไว้และเธอเองก็ไม่อยากถูกเขาดูถูกด้วย

เพียงแต่ว่า…

ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว แต่เขายังไม่กลับมาเลย
วันนี้เขายืนต่อหน้าสื่อเป็นเวลาสองชั่วโมงเต็มๆ ไม่รู้ว่า ร่างกายจะยังทนไหวไหม

ในช่วงเวลาสองชั่วโมงนั้น เซียซิงเฉินแทบไม่ได้ละสายตา ไปจากโทรทัศน์เลย เธอดูถ่ายทอดสดอยู่ตลอดเวลา หัวใจของ เธอขึ้นมาแขวนอยู่ตรงลำคอ ราวกับพร้อมที่จะกระโดดออกมา กลับเข้าไปอยู่ที่เดิมได้

ได้ทุกเมื่อ ในที่สุดการถ่ายทอดสดก็จบลง หัวใจของเธอถึง

เป็นไปได้ไหมว่า คืนนี้เขาจะไม่กลับทำเนียบ ประธานาธิบดี?

ขณะที่เซี่ยซิงเฉินกำลังคิดแบบนี้อยู่นั้น ก็มีแสงวูบวาบ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างจากด้านนอก

เธอแทบจะลุกขึ้นในเดี่ยวนั้น เธอเดินเท้าเปล่าไปที่

หน้าต่าง พอได้เห็นก็พบว่าเป็นขบวนรถของเขาเคลื่อนเข้ามา

ในทําเนียบจริงๆ

เซี่ยซิงเฉินรีบร้อนดึงประตูห้องให้เปิดออก เธอเดินอ้าว ออกไปไม่กี่ก้าวก็ถึงตรงบันได เดินลงบันไดไปได้ครึ่งทาง เขาก็ เข้ามา โดยมีเหลิงเฟยติดตามมาข้างหลัง

ราวกับจิตใจสื่อถึงกันได้ หรืออาจด้วยจังหวะที่พอดี เขา ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมา สายตาของเขาประสานกับสายตาแห่ง ความห่วงใยที่เธอส่งลงมาให้จากด้านบนของบันได

“คุณเซีย ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ?” เหลิ่งเฟยทักทายเธอก่อน
เธอถึงได้รู้สึกตัว ดูเหมือนตัวเธอจะตื่นเต้นเกินไป จนถึง กับวิ่งออกมาโดยไม่ใส่รองเท้า เขาคงไม่คิดว่ามันน่าหรอกนะ? หรือทำให้เขารู้สึกเป็น

ภาระอีกแล้ว?

สายตาของเขายังคงต้องเธอไม่วางตา เขาจ้องจนเธอรู้สึก ประหม่า เธอได้แต่หันไปยิ้มให้กับเหลิงเฟยพร้อมหาข้ออ้างให้ ตัวเอง “เมื่อครู่ฉันอ่านหนังสืออยู่ พอดีรู้สึกหิวน้ำก็เลยลงมาหา น้ำดื่ม ไม่คิดเลยว่าพวกคุณกลับมากันแล้ว”

“จะหาน้ำดื่มก็ปล่อยให้คนรับใช้ทำก็ได้” ไปเยถึงพูดต่อ น้ำเสียงของเขาราบเรียบ เขาหันหลังกลับไปสั่ง “เอาไปให้ คุณเซียด้านบน”

“ค่ะ ท่านประธานาธิบดี

คนรับใช้ได้รับคำสั่งก็รีบไปที่ห้องครัว ด้วยเหตุนี้จึงแทบ ไม่เหลือเหตุผลให้เซี่ยซิงเฉินอยู่ต่อ

เธอพูดออกมาอย่างเก้อเขินว่า “ขอบคุณค่ะ” แล้วเดินหัน หลังกลับขึ้นบันไดไป จังหวะก้าวเท้าครั้งนี้ช้าลงกว่าจังหวะเมื่อ ครูมาก

เหลิงเฟยและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดี

ต่อ สักพักพวกเขาก็กลับไป ไปเยถึงรู้สึกเหนื่อยล้า เขาให้คนรับใช้ทุกคนออกไป

เหลือตัวเขานั่งอยู่ในห้องโถงลำพังเพียงคนเดียว ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น และในขณะนั้นเอง สีหน้าแห่งความเจ็บปวดก็ปรากฏ ขึ้นมาบนใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ