สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 154 ไม่เข้าใจความหมาย (1)



ตอนที่ 154 ไม่เข้าใจความหมาย (1)

พอกลับถึงบ้าน เซี่ยซิงเฉินก็โทรหาหยูเจ๋อหนัน

หยูเจ๋อหนันกำลังเก็บสัมภาระ เมื่อเห็นสายโทรเข้าของ เธอจึงรีบรับทันที

“มีอะไรจะคุยเหรอ”

“อืม อยากถามคุณเรื่องอาการของคุณหญิงน่ะค่ะ ออก จากโรงพยาบาลหรือยัง” เซียซิงเฉินถามไปพลางเทน้ำดื่มไป พลาง

“รอแป๊บนึงนะ” หยูเจ๋อหนันปิดกระเป๋า เดินออกจากห้อง หนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง คุณหญิงหลันถึงกำลังชงนมให้เขา เขา พยักพเยิดหน้าใส่มือถือพลางเอ่ย “ชิงเฉินโทรมาถามอาการ ท่านครับ”

พอคุณหญิงหลันถึงได้ยินว่าเธอโทรมา ใบหน้าที่เผยยิ้ม ขึ้นเล็กน้อย รีบรับมือถือไปทันที “ขอบคุณที่ห่วงนะคุณเซีย

“คุณหญิง เรียกฉันว่าซิงเฉินเถอะค่ะ ตอนนี้ร่างกายท่าน เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”

“อย่ากังวลแทนฉันเลย ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ออกจากโรง พยาบาลแล้วด้วย พรุ่งนี้ก็จะกลับประเทศ M แล้ว วันนั้นคงไม่ ได้ทําให้เธอตกใจหรอกนะ”
“ไม่ได้ตกใจค่ะ แต่เป็นห่วงจริงๆ ตอนนี้ร่างกายท่านไม่ เป็นไรก็หายห่วงแล้วค่ะ”

“ฉันได้ยินเจ๋อหนันบอกว่าเธอก็กรุ๊ปเลือด P ใช่ไหม เขา บอกว่าวันนั้นเธอให้เลือดฉัน ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ใช้ แต่ยังไงฉัน ก็ต้องขอบคุณเธอมากๆ

“ท่านอย่าเก็บไปคิดมากเลยค่ะ จากนี้พอกลับไปประเทศ M ท่านต้องรักษาตัวให้ดีๆ นะคะ ถ้าหาก…ฉันแค่อยากบอกว่า ถ้าหากท่านต้องการเลือดเมื่อไร ท่านต้อง โทรหาฉันเป็นคนแรก นะคะ แต่ฉันหวังจากใจจริงว่าอย่าได้มีวันนั้นเลย

คุณหญิงหลันถึงยิ้ม ในใจเต็มไปด้วยความชื่นใจและ อบอุ่น จึงอดพูดไม่ได้ว่า “เธอเป็นเด็กที่เอาใจใส่มาก น่าอิจฉา พ่อแม่เธอเหลือเกิน”

เซี่ยซิงเฉินนึกถึงเมื่อครั้งที่แยกจากมารดาตอนอายุ 8 ขวบ เอ่ยด้วยใจที่เจ็บปวด “ลูกสาวของท่านก็ต้องเอาใจใส่ ท่านมากเหมือนกันแน่นอนค่ะ

“ฉันชอบเธอจริงๆ นะ ถ้าวันไหนฉันโชคดีหาลูกสาวเจอ จะต้องให้พวกเธอเป็นเพื่อนกันให้ได้

“ค่ะ ฉันจะรอวันนั้น เชื่อว่าอีกไม่นานหรอกค่ะ” เซี่ยซิงเฉิน คิด หากไม่นับสองชายหนุ่มตระกูลหยูที่ช่วยตามหา ก็ยังมีไป เฉิงที่รับปากจะช่วยเหลือ คิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะหาเจอ
เซี่ยชิงเฉินขดตัวอยู่ในผ้าห่ม นอนเอนดูโทรทัศน์อยู่บน

โซฟา ไม่นานความง่วงก็เริ่มจู่โจม เธอกอดตัวเป็นก้อนพลาง ปิดเปลือกตานอนนิ่งอยู่บนโซฟา

ขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น เธอหยิบมือถือใต้หมอนขึ้นดูเวลา นี่ ทุ่มกว่าแล้ว เขาบอกว่าคืนนี้จะมาหาตน แต่ว่าดึกดื่นขนาดนี้คง ไม่มาแล้วล่ะมั้ง

เธอคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ไม่ได้โทรหาเขาเพราะเกรงว่า จะรบกวน ไม่ว่าเขากำลังยุ่งกับงานหรือจะนอนไปแล้ว การโทร ไปหาตอนดึกขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี

มือ มือถือพร้อมถอนหายใจ มองไปยังวิวยามค่ำคืน ด้านนอก ในใจก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาเล็กน้อย

เธอลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ พับผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้ววางอยู่

มุมโซฟา ปิดไฟในห้องนั่งเล่นเตรียมเข้านอน

เวลานั้นเอง เสียงมือถือก็ดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดมี แสงอ่อนจากจอมือถือสว่างออกมา เธอสะลึมสะลือ พอเห็นตัว อักษรบนจอว่า ‘เสี่ยวไป ก็ทำให้เธอหายง่วงทันที

“ฮัลโหล” เธอรับสายแทบจะทันที จนตัวเองก็ไม่ทันรู้สึก ตัวว่าน้ำเสียงตนนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“นอนแล้วเหรอ” เขาฟังออกเพราะน้ำเสียงที่ดูง่วงงุนของ เธอ เซียซิงเฉินเอ่ยตอบเสียง “อืม” “เมื่อกดูทีวีอยู่ตรงโซฟา เลยเผลอหลับไปแป๊บหนึ่ง คุณล่ะยังยุ่งอยู่เหรอ”
“ลงมา”

เชียซิงเฉินนิ่งงันไปสักพัก จากนั้นก็วิ่งไปทางหน้าต่าง แทบจะทันที “คุณอยู่ข้างล่างเหรอคะ”

ไม่ต้องรอให้อีกฝั่งของสายตอบ เธอก็เห็นแล้ว มีรถเก๋ง คัน จอดอยู่ใต้ตึก คิดว่าคงเป็นเพราะไม่อยากให้คนเห็นว่า เป็นเขา จึงตั้งใจเปลี่ยนมาใช้รถอีกคัน

“ไม่มีพวกเหลิ่งเฟยตามมาเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่าง เป็นห่วง ขณะเดียวกันก็หยิบกุญแจแล้วเดินออกไป

“ไม่มี” ถึงพวกเขาจะรับรองความปลอดภัยได้ แต่ว่าถ้า พูดตามความจริง หลายครั้งก็เหมือนเกะกะมากกว่า

“คุณรอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ ฉันกำลังลงไปแล้ว” เธอพูดจบ ก็วางสาย เปลี่ยนรองเท้าอย่างเร่งรีบ มือปิดประตูแล้ววิ่งลงไป ทันที พอออกจากลิฟต์ สายลมหนาวก็ปะทะเข้ามาจนสั่นไปทั้ง ตัว

เธอรีบเกินไปจึงใส่มาแค่ชุดนอน แม้แต่เสื้อกันหนาว ไม่ทันได้สวม ใครจะรู้เล่าว่าคืนนี้จะเหลืออุณหภูมิอยู่แค่ไม่ เท่าไร

ไปเย่นิ่งเดินลงจากรถ ขมวดคิ้วเป็นปมพลางหยิบเสื้อคลุม ไหล่ให้เธอ ใบหน้าเรียบตึง “ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อกันหนาวมา ล่ะ”

…ฉันรีบไปหน่อยน่ะค่ะ” เซี่ยซิงเฉินกระชับเสื้อกันหนาวของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงกลิ่นกายของเขาที่น่าอุ่นใจ เธอเงย หน้าถาม “ดึกขนาดนี้ทำไมยังมาอีกล่ะคะ”

ไป๋เย่งคงไม่มีทางบอกไปหรอกว่าตนอยากมาหาเธอ อย่างเสียสติ ทำเพียงแค่ยืนพิงตัวกับรถ แล้วมองเธอ “คุณมาน

เซี่ยซิงเฉินก้าวเข้าไปอีกก้าว จนห่างกับเขาเพียงก้าวเดียว เขายื่นมือออกมาดึงตัวเธอเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม ใจเธอ กระตุก ร่างกายแทบชนกับอกเขา มือยันกับรถด้านหลังของเขา ไว้อย่างทันท่วงที ตนถึงได้ยืนมั่นคงได้

“มีอะไรเหรอคะ” เธอถามเสียงเบา เพื่อให้ตนดูนิ่งมากขึ้น ไม่รู้ว่าทำไม พอเข้าใกล้เขาในเวลาค่ำมืดเช่นนี้ ใจก็ยิ่งเต้นรัว อย่างห้ามไม่ได้

“คิดจะคืนห้องนี้เมื่อไร” เขาถาม

“คะ?” เซียซิงเฉินซะงักเพียงครู่ เมื่อได้สติจึงส่ายหัว “ฉัน ไม่คิดจะคืนค่ะ”

เขาขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังไม่พอใจ เซี่ยซิงเฉินเอ่ย “ยังไงฉันก็ต้องมีที่ของตัวเองไว้ อีกอย่าง…ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เป็น แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

ความจริงเธอไตร่ตรองดีแล้ว เมื่อก่อนที่สามารถอยู่ที่ ทำเนียบได้อย่างสบายใจก็เพราะเธออยู่ตัวคนเดียว แต่ตอน นี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว…..
เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องพึ่งผู้ชายคนหนึ่งไปหมดทุก เรื่อง ชีวิตแบบนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นก็จะย่ำแย่ จนทำให้เธอยากจะ รับมือ

“ดีตรงไหน มีอะไรดี” ไปเยจึงมองเธอ นิ่งไปพักหนึ่งแล้ว เอ่ยอีก “ต้าไปอยากให้คุณย้ายกลับไปมาก จุดนี้คุณน่าจะรู้ดี

เธอมองสีหน้าของเขาไปอีกครั้ง เหมือนกำลังสืบค้นว่า เด็กน้อยอยากให้เธอย้ายกลับไปหรือตัวเขาเองอยากให้เธอ ย้ายกลับไปกันแน่ ไปเยจึงถูกเธอจ้องจนทำตัวไม่ถูก แสร้ง ตีหน้านิ่ง “มองอะไร

เธอยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันคุยกับต้าไปแล้ว ต่อไปเขา ก็นอนได้ทั้งสองที่ ความจริงที่ฉันอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้มีผลอะไร กับเขามาก ในทางตรงกันข้ามเขาได้ไปมาสองทาง ยิ่งสนุกไป ใหญ่เลย”

สีหน้าเขาเรียบนิ่งมากกว่าเดิม แม่ลูกคู่นี้นี่ดีจริงๆ ตกลง กันไว้เสร็จสรรพ มีใครเคยนึกถึงเขาบ้างไหม

“คืนนี้คุณมาดึกขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่มาคุยเรื่องนี้กับฉัน หรอกนะคะ” เซียซิงเฉินดูเวลา “ความจริงเรื่องแบบนี้โทรคุย ก็ได้ แถมคุณก็ประชุมทั้งวัน จะขับรถกลับทำเนียบ ประธานาธิบดีตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้วนะคะ” คิดแล้วก็รู้สึกปวดใจ

ไปเย่นิ่งรู้สึกว่าหญิงคนนี้ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย นั่นทำให้ เขาหงุดหงิดเล็กน้อย

แววตาล้ำลึกมองเธอแวบหนึ่ง ควบคุมความรู้สึกต้องการในใจไม่ได้ โน้มตัวลงแล้วประทับริมฝีปากเธอทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ