สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 45 แค้นเคืองเขา



ตอนที่ 45 แค้นเคืองเขา

ตอนที่เปิดประตู สีหน้าเขาอึมครึมอย่างมาก

“ทำไมนานขนาดนี้?” เขาถามเสียงต่ำ ยามมองเชียง เฉินนัยน์ตาช่างไร้ความรู้สึก

“เว่ยยังเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เซี่ยซิงเฉินชี้มือไปยังหญิง สาวด้านหลังประกอบคำพูด

ฉือเว่ยยังรีบโผล่หน้าออกมาทักทายท่านประธานาธิบดี “สวัสดีค่ะท่านประธานาธิบดี ฉันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเซียซึ่ง เฉิน แล้วก็เป็นแม่บุญธรรมของต้าไปค่ะ”

“สวัสดีครับ” ไปเย่นิ่งพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย ยามนี้ สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับเซี่ยซิงเฉินเมื่อครู่ เยอะทีเดียว เขารักษามารยาท ดูเป็นสุภาพบุรุษและสง่างาม

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกไม่พอใจ ทำไมเขาต้องมาชักสีหน้าใส่เธอ? ทั้งๆ ที่ครั้งก่อนก็ผิดที่เขานั่นแหละ

พอนึกถึงเรื่องอดีต แม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างไร เธอก็ยังรู้สึกเหมือนมีปมในใจอยู่

เชี่ยซิงเฉินถามขึ้นว่า “มาดึกขนาดนี้มีธุระอะไรเหรอคะ?”

เขามาที่นี่ด้วยตัวเองโดยไม่มีเหลิงเฟิงติดตาม ถ้าหากคน อื่นเห็นเข้าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีตามมาก็ได้ ถ้าเกิดเหตุบุกโจมตี…

“อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่ข้างนอกเลย เข้ามานั่งข้างใน เถอะค่ะ” ถือเว่ยยังพูดแทรก แล้วบอกเซียซิงเฉินเสียงต่ำว่า “ชิงเฉิน เธออย่าเสียมารยาท รีบเชิญท่านประธานาธิบดีเข้ามา

“ไม่ต้องแล้ว ขณะที่เซี่ยซิงเฉินกำลังงุนงงอยู่นั้น ไปเย

งก็เอ่ยปากขึ้น

หว่างคิ้วเริ่มขมวด แววตาจับจ้องเซียซิงเฉิน นัยน์ตานั้น ฉายแววเยือกเย็น ท่าทางราวกับจะเล่นงานเธอ “คุณเป็นแม่ ประสาอะไร?”

“อะไรนะ?” เซี่ยซิงเฉินงุนงงไปหมด

“คุณไม่รู้เหรอว่าลูกป่วย?

“ต้าไป?” เชี่ยซิงเฉินเริ่มกระจ่าง “เป็นไปได้ยังไง? ฉันโทร หาเขาทุกวัน เขาไม่เคยบอกเรื่องที่ตัวเองป่วยเลย

ไปเย่นิ่งไม่พูดอะไรกับเธออีก แสดงท่าทางว่าจะเชื่อหรือ ไม่ก็เรื่องของเธอ เขาเพียงแต่หันมาผงกศีรษะเล็กน้อย ให้ ฉือเว่ยยังพลางเอ่ยว่า “คุณคือครับ รบกวนแล้ว โอกาสหน้าไว้ เจอกันใหม่”

“เอ่อ นี่คุณจะไปแล้วเหรอคะ?” ใบหน้าถือเว่ยยังเต็มไป

ด้วยความเสียดาย

ท่านประธานาธิบดีก้าวเท้าหนักๆ จากไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เซี่ยซิงเฉินได้สติกลับมาทันที “เดี๋ยวก่อนค่ะ ท่าน ประธานาธิบดี ฉันจะกลับไปกับคุณด้วย!”

เซียต้าไปไม่สบาย ตอนนี้ใจเธอบินกลับไปเรียบร้อยแล้ว

ขาเรียวยาวของไปเฉิงก้าวพรวดๆ เข้าไปในลิฟต์ราวกับ ไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย ลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง เขามองตรงไป ข้างหน้าด้วยใบหน้าได้ความรู้สึก ไม่มีทีท่าว่าจะรอเธอแต่อย่าง ได

เซี่ยซิงเฉินมองไปยังลิฟต์ที่ปิดแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไป ข้างล่างด้วยความโมโห

“คนอะไรเนี่ย! รอสักนิดจะเป็นไรไป? บ้าชะมัด!

“พอเถอะ เธอเองก็เลิกโมโหได้แล้ว เธอจะแต่งตัวแบบนี้ กลับไปเหรอ?” ฉือเว่ยยังมองปราดไปที่ชุดนอนบนตัวเธอ “รีบ ไปเปลี่ยนชุด อย่างมากก็แค่โบกรถกลับไป

เซี่ยซิงเฉินนึกดูแล้วก็เห็นด้วย

เธอรีบพุ่งกลับไปเปลี่ยนชุดในห้องด้วยความไวแสง ฉือเว่ยยังถือโทรศัพท์แทนเธอ

“ฉันไปก่อนนะ เธอนอนคนเดียวต้องล็อกประตูให้ดี” เธอ

สวมกอดฉือเว่ยยัง

“อืม ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาฉันด้วย อีกอย่างต้องบอกฉัน

ด้วยนะว่าลูกชายบุญธรรมของฉันอาการเป็นยังไงกันแน่
“ฉันรู้แล้วน่า” เซียซิงเฉินเองก็ร้อนใจแทบแย่ “กลับไปดู ก่อนแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ตอนคุยโทรศัพท์กับเขา ฟังน้ำเสียงก็ดู ร่าเริงดี น่าจะไม่ได้ร้ายแรงมาก

“โอเค เธอก็อย่ากังวลมาก อาจจะแค่เป็นหวัดนิดหน่อย

เซียซิงเฉินพยักหน้า หลังจากลาเธอแล้วก็ลงลิฟต์ไป นายไปเฉิงคนนั้นก็น่าเกลียดสุดๆ ทิ้งท้ายไว้ประโยคเดียว แล้วก็ไม่พูดอะไรเลย ทำเอาเธอกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก

อีกอย่าง…

ดึกๆ อื่นๆ เขามาตั้งไกล คงไม่ใช่แค่เพื่อที่จะพูดประโยค นี้กับเธอหรอกมั้ง?

เธอยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ บ่นพึมพำพลางเดินออกจากตึก ขณะเดินออกจากเขตหมู่บ้านและเตรียมไปโบกรถ ในตอนนั้น เอง…

มีเสียงดังขึ้น รถเฟอรารี่สีดำคันหนึ่งพุ่งออกมาจากด้าน หลังอย่างรวดเร็วราวกับลูกกระสุน เธอตกใจมากจนรีบถอย หลัง แล้วจู่ๆ รถคันนั้นก็มาจอดสนิทอยู่ข้างเธอ

กระจกรถเลื่อนลงอย่างช้าๆ

เพียงแค่แสงไฟสลัวก็ทำให้เธอมองเห็นผู้ที่นั่งอยู่ตำแหน่ง คนขับอย่างชัดเจน ดวงหน้าแสนเย็นชานั้น หากไม่ใช่ไปเย่นิ่ง แล้วจะเป็นใคร? เพียงแต่ว่า….

เขาไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ขึ้นรถ” เขาเอ่ยขึ้นเพียงสองคำด้วยเสียงแผ่ว

เซียซิงเฉินอยากจะเอาคืนเขาบ้าง ก็เลยยืนอยู่ตรงนั้นสอง สามวินาที ใครจะนึกว่าจู่ๆ ไปเย่นิ่งก็ไม่คิดจะรอเธออีก เขาเตรียม

เหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ เซียซิงเฉินแอบสบถออกมาประโยค หนึ่งอย่างเกลียดชัง พุ่งไปที่หน้ารถเขาโดยแทบไม่ทันคิด มือ ยันที่กระโปรงหน้ารถอย่างรีบร้อน “ฉันติดรถไปด้วย! คุณอย่าง เพิ่งรีบไป!”

หัวคิ้วไปเยถึงกระตุก เหยียบเบรกอย่างแรง เส้นเลือดบน หน้าผากเต้นตุบๆ ขึ้นมา

บ้าเอ๊ย!

ผู้หญิงคนนี้อยากตายหรือไง? หากเขาเกิดพลาดเหยียบ คันเร่งลงไปจริงๆ เธอก็อาจถูกชนจนเละเป็นโจ๊กได้ทุกเมื่อนะ

เซี่ยซิงเฉินกำลังร้อนใจ ไม่ทันนึกถึงอันตรายเลยสักนิด

เธอเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่ง

สุดท้ายไม่นึกว่าพอเข้าไปนั่งแล้วจะได้ยินเขาตะคอกด้วย ความฉุนเฉียว “เซี่ยซิงเฉิน เธอกำลังรนหาที่ตายใช่ไหม?”

คำง่ายๆ ไม่กี่คำ ทำให้รู้สึกเป็นเขี้ยวเคี้ยวฟันซะจริงๆ เลย เซี่ยซิงเฉินถูกตะคอกจนอึ้งไปหมด เดิมทีก็รู้สึกแค้นเคือง เขาอยู่แล้ว ตอนนี้พอเขาตะคอกใส่อารมณ์ที่สะกดกลั้นไว้ในใจก็ปะทุขึ้นมา

“ฉันนั่งรถคุณเป็นการรนหายที่ตายนั้นสิ! จะอะไรกัน นักหนา ฉันไม่นั่งก็ได้! ใครอยากจะนั่งกัน!” เธอกัดฟันพ่นออก มาเป็นชุดอย่างโกรธแค้น ผลักประตูรถเตรียมลงไป

ไปเฉิงยื่นมือมาดึงเธอไว้ เธอโมโหสุดขีด สะบัดมือเขา ออกอย่างไม่ปรานี “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!!

“คุณกล้าลงไปก็ลองดู!”

เซี่ยชิงเฉินหันกลับมามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้ว ผลักประตูลงจากรถไปทันที

ผู้หญิงคนนี้ โคตรปัญญาอ่อนเลย!

ไปเย่นิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ ทว่าตอนที่เธอ เข้าไปขวางแท็กซี่ด้วยความเดือดดาล เขาก็ยังเหยียบคันเร่ง ตามไป

แท็กซี่คันหนึ่งจอดลง ขณะที่เซี่ยซิงเฉินกำลังดึงประตูรถ เปิดออก ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นมาข้างๆ กันประตูรถปิดอย่าง แรงเสียงดัง ‘ปัง

เขียชิงเงินรวบรวมกําลังทั้งหมดเพื่อจะดึงประตูรถอีกครั้ง แต่ว่าไปเย่ฉิงเรี่ยวแรงมหาศาล เธอใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสีย ที่ไหน? ออกแรงดึงอยู่ครู่หนึ่ง ประตูที่ถูกเขาดันไว้ไม่ขยับ แม้แต่น้อย

คนขับที่อยู่ในรถเห็นพวกเขาทั้งสองยื้อยุดกันไปมาก็หมดความอดทน ลดกระจกรถลงแล้วโผล่หน้าออกมา “นี่ จะไปหรือ ไม่ไป!”

“ไป!”

“ไม่ไป!”

ทั้งสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน สายตาของคนขับรถจับ จ้องใบหน้าไปเฉิง “เอ๊ะ ทำไมหน้าคุณดูคุ้นๆ ขนาดนี้? คุณ เป็นดาราดังที่ไหนหรือเปล่า?”

โชคดีที่เป็นตอนค่ำ บรรยากาศมืดสนิท เห็นเพียงภาพ

เลือนราง ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจำได้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ไปเย่นิ่งพูดเสียงเย็น “ออกรถไปซะ”

เมื่อสถานการณ์บังคับ คนขับรถเลยไม่รีรอต่อไป เขาขับ รถออกไป ดวงตาทั้งคู่ก็เหลือบมองผ่านกระจกหลังหลายต่อ หลายครั้ง

คนผู้นี้ยิ่งมองยิ่งคุ้นหน้าจริงๆ

ในตอนนี้เอง เซี่ยซิงเฉินก็เดินมุ่งไปยังริมถนนอีกครั้ง

ไปเยฉิงสีหน้าเข้มขึ้น “เซี่ยซิงเฉิน หยุดเดี๋ยวนี้!”

ใครจะไปเชื่อเขา

บทจะดื้อรั้นขึ้นมา นิสัยเธอก็แข็งเหมือนหิน ไปเฉิงเดิน ไปลากเธอ เธอก็ฝืนจะดึงมือตัวเองออกมาให้ได้ “คุณออกไปนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”

ไปเยฉิงทำเสียงอย่างเย็นชา ต้องใบหน้าแข็งกร้าวของ

เธออย่างโกรธเคือง “จะส่วนที่ควรแตะหรือไม่ควรแตะก็เคย แตะมาหมดแล้ว ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้ไม่สายไปแล้วหรือ ไง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ