สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 181 บอกเลิกตอนสว่าง (3)



ตอนที่ 181 บอกเลิกตอนสว่าง (3)

เธอไม่เอ่ยอะไรอีก ใช้การ์ดรูดประตูเดินออกไป ก่อนที่ประตูจะ ปิดลง การ์ดห้องในมือเธอก็สอดเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ

เพราะฉะนั้น ความหมายของเธอคือ ระหว่างพวกเขาทั้งคู่

คุณมีทางของคุณ ฉันมีทางของฉัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

สีหน้าไปเยถึงค่อยๆ เย็นชาขึ้น จับจ้องไปที่บานประตู เหมือนจะต้องให้ทะลุประตูเสีย

พักใหญ่ก็โยนผ้าในมือลง แล้วลุกขึ้นยืน

พวกเหลิงเฟยรู้สึกหวั่นเกรง ไม่กล้าส่งเสียง ใดออกมา บรรยากาศในห้องกดดันจนแทบหายใจไม่ออก

เซี่ยซิงเฉินนั่งรถกลับไปที่ห้องของตน ระหว่างที่ผ่านร้าน ขายยาร้านหนึ่งก็ให้คนขับรถจอด

เธอซื้อยาคุมแล้วกลืนลงท้องพร้อมน้ำ หากเกิดอะไรขึ้นมา เธอเกรงว่าตนจะรับไม่ไหว ถึงต้าไปจะเป็นความตกใจที่มา พร้อมความดีใจ แต่ก่อนหน้านั้นเป็นความตกใจกลัวเช่นกัน เธอไม่อยากเผชิญกับคำครหาแบบนั้นอีก

พอทานยาเสร็จ ตนก็เดินเข้าห้องพักเงียบๆ

ห้องพักเล็กๆ ที่เธออาศัยนั้นถูกปรับปรุงซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว เธออยู่กับฉือเว่ยยังแค่ไม่กี่วัน งานฝั่งนี้ก็แทบจะเสร็จ สมบูรณ์แล้ว เธอหยิบกุญแจเปิดประตูเข้าไป ฝั่งเดิมที่ตนอาศัย นั้นไม่แตกต่างจากแต่ก่อนแม้แต่นิด ส่วนอีกฝั่งกลับโล่งไปเป็น แถบ ไม่มีแม้แต่พวกเฟอร์นิเจอร์

เธอมองด้วยใจสั่นไหว เสมือนอารมณ์ของเธอในตอนนี้

เหมือนเป็นรูกลวง

เหมือนตำแหน่งหัวใจถูกเจาะรูแล้วลมพัดผ่าน เสียงลม พัดหวิว เย็นเยียบจนสั่นระริก แสนทรมาน

ดวงตาแสบจนสุดจะอดกลั้น

เธอส่ายหัวไปมา บังคับให้ตนพยายามละทิ้งอารมณ์ ทั้งหมดไป เริ่มเก็บกระเป๋าเดินทางเงียบๆ ทั้งของตัวเองและ ของลูก เก็บไปจนถึงเสื้อตัวสุดท้าย บนราวแขวน เสื้อคลุมยาว ของชายหนุ่มยังแขวนอยู่

เธอส่งไปซักแห้งแล้ว จวบจนตอนนี้ยังได้กลิ่นหอมสดชื่น

เธออดนึกถึงค่ำคืนที่เขาคลุมเสื้อตัวนี้ให้กับตนไม่ได้ เขา และเธอจูบกันดื่มใต้ฟ้ายามพลบค่ำคืนวันนั้น ทั้งที่เธอ ได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันเต้นอย่างชัดเจน…

เธอไม่อยากคิดอีก จึงเอาเสื้อลงมา ดึงถุงกันฝุ่นข้างนอก ออก พับเก็บอย่างเรียบร้อยแล้วยัดใส่กระเป๋า ไม่รู้ว่าอนาคต ยังมีโอกาสคืนเสื้อตัวนี้ให้เขาไหม
เก็บของเสร็จ เธอก็ล็อกประตูแล้วถือกระเป๋าเดินทางเดิน ไปกตรงข้าม

ฉือเว่ยยังและเซี่ยต้าไปกำลังทานอาหารเช้า เปิดประตู เห็นเธอเข้าจึงรีบให้เธอเข้าไปด้านใน

“กินข้าวมาหรือยัง?” ฉือเว่ยยังถาม

“นั่งเถอะ ฉันจะไปเอาถ้วยมาให้” คือเว่ยยังเดินอ้อมไป

ห้องครัว

“หม่า” เซียตาไปกัดหมั่นโถวไปคำ หันหน้ามามองเธอ กวาดสายตาสักครู่ คิ้วเล็กเขาก็ขมวดเป็นปมเหมือนมีท่าทีไม่ พอใจ “หม่า ดูเหมือนแม่จะไม่ดีใจนะ เดี๋ยวไปรังแกแม่ใช่ ไหม?”

“ไม่ใช่หรอก เขาไม่ได้รังแกแม่ แม่ก็ไม่ได้เสียใจอะไร” เซี่ยซิงเฉินยีศีรษะเล็กของเขา

“จริงๆ นะ?” เซี่ยต้าไปถึงเชื่อกึ่งสงสัย ทันใดนั้นก็เหมือน เห็นอะไรเข้า ตะเกียบในมือถูกวางลง พลันสีหน้าเปลี่ยนเป็น จริงจังขึ้น “หม่ามี้ เสี่ยวไปตีแม่เหรอ?”

“หา?” อะไรกันเนี่ย? เซี่ยซิงเฉินมึนงงไปหมด

เซี่ยต้าไปแค่นเสียงไปที ขาเล็กแกว่งพลันไถลลงจากเก้าอี้ ตัวสูง พุ่งตัวออกไปด้วยอารมณ์เดือนพล่าน “ผมจะไปคิดบัญชี กับเสี่ยวไป๋! เขาตีผมได้ แต่ตีหม่ามี้ได้ยังไง?
เซียซิงเฉินไม่เข้าใจ จึงรีบตามเข้าไป ฉือเว่ยยังได้ยินเสียง ก็หยิบถ้วยออกมาแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?

“ฉันก็ยังไม่เข้าใจ” เซี่ยซิงเฉินวิ่งตามไปจนอุ้มเซียต้าไปไว้ ได้ “ลูกอย่าลุกพรวดออกไปสิ เสี่ยวไปไม่ได้รังแกแม่จริงๆ

“โกหก! ยังบอกว่าไม่รังแกอีก!” ปากเล็กของเซียต้าไป เบะออก เหมือนกำลังเห็นใจเธอ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ดูสิ แม่

ได้แผลมาด้วย..”

นิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่คอเซียซิงเฉิน ฉือเว่ยยังก็มองตามทิศทาง ชี้นิ้วของเด็กน้อยไป เห็นปุ๊บก็หลุดหัวเราะ “พรืด” ออกมา

หันมามองเซียซิงเฉินอีกที ใบหน้าแดงก่ำไปแล้ว

วันนี้เดิมที่เธอสวมเสื้อไหมพรมคอเต่าตัวหนึ่ง ที่สามารถ ปิดรอยแสนน่าอายนั้นไว้ได้ แต่ว่าเซียต้าไปกลับตาแหลมนัก ไม่คิดว่าเพียงแวบเดียวก็จะถูกเขาเห็นเข้า

“แม่บุญธรรม แม่หัวเราะอะไร?” เซียต้าไปยังคงขมวดคิ้ว ด้วยท่าทีจริงจัง

คือเว่ยยังเดินเข้าไป อุ้มเขาไปนั่งที่เดิม “พอแล้ว อย่า โกรธอีกเลย คุณพ่อเธอไม่ได้รังแกซิงเฉินนะ”

“ทำไมจะไม่รังแกล่ะ? แม่ดูสิ”

ฉือเว่ยยังมองเซี่ยซิงเฉินอย่างขบขัน มองจนเธอแทบ อยากจะขุดหลุมแล้วมุดลงไป

“แม่บุญธรรมเห็นแล้ว นั่นไม่ใช่แผล แต่ถูกยุงกัดต่างหาก”

“ถูกยุงกัดเหรอ?” เซียต้าไปเอียงหัวคิดชั่วครู่ รีบกล่าว “โกหก ฤดูแบบนี้จะมียุงได้ยังไง?

“มีสิ! ทำไมจะไม่มี? เป็นยุงกลายพันธุ์ตัวใหญ่ๆ ตัวหนึ่งได้ ล่ะ! อีกอย่างเป็นตัวผู้ด้วย!” ฉือเว่ยยังเอ่ย โน้มน้าวเชียตาไป “ตอนนี้เธอยังเด็ก พูดอะไรเยอะไปก็ไม่เข้าใจหรอก อนาคตรอ เธอโต มีแฟนก็จะรู้เองว่ายุงแบบนี้กัดมันไม่ได้น่าเกลียดเลย แต่กลับหวานเจี๊ยบต่างหาก

เซี่ยซิงเฉินมุมปากกระตุกไปที นี่มันอะไรยังไง?

ไม่เหนือความคาดหมาย เซียต้าไปถามอีก “ยุงกัดแล้ว เกี่ยวอะไรกับมีแฟนล่ะ? ทำไมต้องรอมีแฟนถึงจะรู้ล่ะ? แล้ว ทำไมถึงยังหวาน?”

ฉือเว่ยยังกลับไม่รู้สึกรำคาญ ตอบคำถามของเจ้าหนูจำไม อย่างใจเย็น “เพราะว่านะ พอเธอมีแฟน เธอก็จะกลายเป็นยุง กลายพันธุ์แบบนั้นไง!

“…” ยิ่งเหลวไหลไปใหญ่

ต่อให้เซี่ยต้าไป๋ฉลาดสักแค่ไหนแต่เขาก็รู้สึกงงไปหมด ยังอยากถามแต่กลับไม่รู้ว่าควรถามจากตรงไหน เซี่ยซิงเฉิน ฉวยโอกาสแทรกบทสนทนาพวกเขา กล่าว “อย่าคุยกันอีกเลย กินข้าวดีๆ ก่อน”
งานแถลงข่าวมีตอนบ่ายสองโมง เซียซิงเฉินจองตั๋วรถไฟ ความเร็วสูงไว้รอบบ่ายโมงสิบห้านาที ซึ่งตอนบ่ายโมงเธอก็พา เด็กน้อยมาถึงสถานีรถไฟ

“หม่า เราจะไปนานขนาดนี้ ผมยังไม่ได้บอกลาเสียวไป เลยนะ~” เซียต้าไปยังคงไม่ลืม เสี่ยวไป ของเขา

เซียซิงเฉินปวดใจ กอดเขาไว้อ้อมอก “ตอนนี้เสียวไปยุ่ง มาก ต้องไม่ว่างรับสายของลูกแน่ รอพวกเราถึงแล้วลูกค่อย โทรหาเขาดีไหม?”

งานแถลงข่าวมีตอนบ่ายสอง เวลานี้เขาไม่มีทางออกมา ได้แน่ เซียซิงเฉินก็ไม่อยากไปรบกวนเวลาเขาเลยแม้แต่วินาที เดียว

เซี่ยต้าไปครุ่นคิดจริงจังครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ก็ได้ รอ พวกเราถึงต้องดึกมากแน่ๆ ตอนนั้นเสี่ยวไปต้องว่างรับสายเรา แล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์เซียซิงเฉินก็ดังขึ้น เธอหยิบออก มาดูแวบหนึ่ง เบอร์นั่นอีกแล้ว ซึ่งเหวยอีโทรมา

ปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งเธอก็รับสาย ซึ่งเหวยถาม “ตอนนี้ คุณอยู่ไหน? คุณน่าจะเข้าใจดีนะ งานแถลงเหลือเวลาอีกไม่กี่ สิบนาทีแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ