สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 82 พลอดรักกันดีๆนะ (2)



ตอนที่ 82 พลอดรักกันดีๆนะ (2)

ความรู้สึกอันตรายโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน เชียซิงเฉินสั่น เพิ่มไปทั้งร่าง มีแต่ความรู้สึกอับอาย กลัวจนตัวสั่นเกร็งไปหมด มือบิดกลับไปด้านหลังพยายามผลักเขาอย่างสะเปะสะปะ ไป เฉิง คุณอย่าทำแบบนี้ คุณนี่มันเป็นการข่มขืนผู้หญิงนะ…”

สองคำนั้นช่างแสลงหูจริงๆ

ไปเฉิงหรี่ตาแล้วจับหน้าเธอหันกลับมา ขบกัดที่ใบหูเธอ “สวี่เหยียนนอนกับคุณ คุณก็ยินยอมพร้อมใจใช่ไหม?

“ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ คุณจะมาเหยียบย่ำฉันโดยไม่ สนใจความรู้สึกฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ ” ขนตาเซียซิงเฉินสั่นไหว อย่างรุนแรง บนนั้นปกคลุมด้วยไอหมอกบางเบา ฝ่ามืออยู่บน พนักเก้าอี้ตัวหน้า นิ้วมือเริ่มขาวซีด เธอรู้สึกหวาดกลัวไปเฉิง ที่เป็นแบบนี้ เขาป่าเถื่อนสุดๆ ราวกับสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง เธอไม่ กล้านึกเลยว่าหากตัวเธอในตอนนี้ถูกเขาครอบครองไปแล้ว เธอจะต้องทนรับกับมรสุมเช่นไร เกรงว่าเธออาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ก็เป็นได้!

ไปเย่นิ่งหายใจหอบหนัก มือยังคงทาบอยู่บนเอวเธอ โอบ รักเธอจากด้านหลัง แต่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เขา พยายามควบคุมตัวเองอย่างมากไม่ให้บังคับขืนใจเธอ

ในตอนนี้เอง…
ทันใดนั้นมือถือของเซียซิงเฉินก็ดังขึ้น มือถือเธอจึงหล่น ลงไปบนเก้าอี้ตัวเมื่อครู่ ในตอนนี้พอเสียงดังขึ้น หน้าจอก กะพริบไม่หยุด แสงที่ส่องออกมาทำให้เห็นสภาพของทั้งคู่ อย่างชัดเจน เชียซิงเฉินใบหน้าแดงก่ำ โชคดีที่ตอนนี้ตัวเธอ หลังให้เขาอยู่ แต่ว่า…

พริบตาถัดมา เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ ความโชคดีนี้ก็วิ่ง หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที เพราะว่าช่างประจวบเหมาะจริงๆ คนที่โทรมา ในตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสบู่เหยียน

เธอรู้สึกได้ว่าไปเย่นิ่งสนใจสวี่เหยียนคนนี้มาก อาจเกิด จากตอนที่เบี้ยวนัดในวันเกิดเขาก็เพราะสวี่เหยียน ดังนั้นทุก ครั้งที่เอ่ยถึงสวี่เหยียน เขาจะมีปฏิกิริยาที่แย่เอามากๆ ขณะนี้ เห็นสองคำนี้แล้ว เกรงว่าผู้ชายที่คุ้มดีคุ้มร้ายคนนี้จะต้องโกรธ หัวฟัดหัวเหวี่ยงอีกแน่

เซี่ยซิงเฉินเริ่มหวาดผวา เธอยื่นมือจะไปหยิบมือมือ แต่ มือใหญ่อีกข้างหนึ่งก็คว้ามือถืออีกด้านเอาไว้พร้อมกับเธอ สายตานิ่งลึกของชายหนุ่มมองปราดไปที่เธอ เธอดึงไว้แน่นไม่ ยอมปล่อยมือ

“ปล่อยมือ!” เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา แฝงด้วยการ

เตือน

เซียซิงเฉินไม่ขยับ ริมฝีปากบางของเขาเผยอขึ้น “ถ้ายัง ไม่ปล่อยมือ ผมจะปล้ำคุณตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย!

“…” เธอกัดริมฝีปากราวกับจะพนันกับเขาว่าจะกล้าหรือไม่กล้า

“หนึ่ง!” เขาจ้องเธอเขม็ง

เธอคลายมือออกเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองเขา เขายัง คงเมินเฉยเหมือนเดิม “สอง!”

พอชายหนุ่มนับถึงเลข สาม” เซี่ยซิงเฉินก็รีบหดมือตัวเอง

กลับไปทันที ไปเย่งกดรับสายเองแล้วแนบไว้ข้างหู

เสียงห่วงใยของสวี่เหยียนดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “ฮัลโหล ซิงเฉิน คุณถึงบ้านแล้วยัง?”

เซี่ยซิงเฉินกัดริมฝีปากพลางจ้องไปเฉิง ไม่รู้ว่าเขา คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เธอพอจะเดาออกว่าเขาไม่มีทางพูดดีๆ แน่นอน

สวี่เหยียนไม่ได้ยินเสียงตอบ ก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมาบ้าง เลย

รีบซักถามต่ออีก “ซิงเฉิน คุณอยู่ไหม?”

“อยู่” ในที่สุดไปเย่นิ่งก็ยอมเปิดปาก ขณะพูดก็จ้องเซี่ยง เฉินด้วยแววตาอึมครึม สายตาลึกลับและเย็นเยียบยากที่จะ มองทะลุเข้าไปถึงข้างใน เซี่ยซิงเฉินเอื้อมมือออกมาหมายจะ แย่งมือถือคืนจากเขา สายตาข่มขู่ของเขาจ้องมองมา มือเธอจึง ได้แต่ค้างอยู่กลางอากาศและหดกลับไปอีกครั้งอย่างลำบาก ใจ

ถึงอย่างไรก็ต้องตกอยู่ใต้อาณัติของคนๆ นี้อยู่แล้ว เขาจะ พูดอะไรก็แล้วแต่เขา! อยากจะเอายังไงก็ตามสบาย ถึงอย่างไรระหว่างเธอกับสวี่เหยียนก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

เซี่ยซิงเฉินเริ่มรู้สึกว่าอะไรจะเกิดก็ช่างมัน พอคิดได้แบบนี้ จิตใจกลับเยือกเย็นขึ้นมาก ทว่าเธอกลับได้ยินไปเยถึงพูดแค่ “อืม” ออกมา “เธอออก

กำลังกายเป็นเพื่อนผมอยู่…ออกกำลังกายบนเตียง…เธอ เหนื่อยมาก ดูท่าจะไม่มีแรงมารับโทรศัพท์คุณแล้ว คุณมีอะไร ฝากผมบอกได้…”

“ไป๋เย่ฉิง!” คนๆ นี้!

ใบหน้าเซียซิงเฉินแดง ถึงเธอกับสเหยียนจะไม่มีทาง เป็นไปได้ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้หน้าด้านแบบเขา สักหน่อย!

“ไม่อยากให้ผมปล้ำคุณอีกรอบ ก็รีบจัดการใส่กระโปรง ให้เรียบร้อยซะตอนนี้เลยแล้วก็เตรียมลงจากรถ” ไปเย่นิ่งไม่ เพียงแต่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด เขากลับยิ่งพูดจาน่าเกลียด เข้าไปใหญ่ มิหนำซ้ำยังจงใจพูดใส่โทรศัพท์ชัดๆ เขี่ยซิงเฉิน โกรธจนขอบตาแดงก่ำไปหมด จ้องมองเขาผ่านม่านหมอกแห่ง ความอดที่ปกคลุมอย่างหนาทึบ แต่แล้วในที่สุดเขาก็ตอกย้ำ ตัวเธอถึงความย่ำแย่ระหว่างทั้งสองคนครั้งนี้ เธอหันหลังกลับ ไปอย่างอุ่นเคือง จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลงจากรถ

ดูเหมือนไปเย่นิ่งค่อนข้างจะพอใจที่สวี่เหยียนโทรมาครั้ง นี้ ความเย็นเยียบบนใบหน้าผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาเพียงเอ่ย ว่า “ขอโทษนะ ตอนนี้พวกเรายุ่งมาก วันหลังค่อยคุย
แล้วกดตัดสายทิ้ง จากนั้นก็ก้าวตามเซียซิงเฉินไป

ขณะที่เสียง ติดๆ ของสายไม่ว่างดังขึ้นจากปลายสาย สวี่เหยียนยังคงไม่ได้สติกลับคืนมา จนกระทั่งแม่ของเขามาตบ เข้าที่บ่าที่นึง เขาถึงได้รู้สึกตัวขึ้นทันที ทั้งร่างพลันรู้สึกเหมือน ถูกสูบวิญญาณ ได้แต่นั่งลงพิงโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง

พอเซี่ยซิงเฉินลงจากรถก็ถูกเหลิงเฟยขวางเอาไว้ พอ นึกถึงภาพเหตุการณ์บนรถเมล์เมื่อครู่ เธอก็หลุบตาลงต่ำ ไม่ กล้ามองหน้าเหลิงเฟย

แค่กลัวว่าพวกเหลิงเฟยจะรู้กันหมดแล้ว

“คุณหลีกไปนะ” เธอพูดกับเหลิงเฟยแล้วเบี่ยงตัวหลบเพื่อ จะเดินไป แต่ไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีคนมาขวางเธอไว้อีก

เธอเริ่มรู้สึกหมดกำลังใจและไร้เรี่ยวแรงอย่างช่วยไม่ได้

หญิงสาวหันกลับไปจ้องมองไปเฉิงที่เพิ่งเดินลงมาจาก รถอย่างไม่รีบร้อน เขาหรี่ตามองเธอแล้วปรายตามองมือถือที่ อยู่ในมือ “ไม่เอาแล้ว?”

ทันใดนั้นเซี่ยซิงเฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่า ในมือถือเธอบันทึก เบอร์ของเขาไว้ด้วยชื่อสี่พยางค์ว่า “ว่าที่สามี ไม่ว่าเธอออด อ้อนขอร้องตีโพยตีพายอย่างไร เซียต้าไปก็ไม่ยอมแก้ให้เธอ ถ้าตอนนี้ถูกไปเย่นิ่งเห็นเข้า จะต้องยิ่งหัวเราะเยาะเธอจริงๆแน่!

เธอยื่นมือขึ้นไปเพื่อที่จะแย่งมือถือกลับมา แต่ไปเยถึงก ลับชูมือถือขึ้นสูง เซี่ยซิงเฉินแรงเขาไม่ได้ จึงโถมร่างเข้าใส่ แผงอกเขาตรงๆ

ไป๋เย่นิ่งเหล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า อะไร?”

“ลุกลี้ลุกลนกลัว

เซี่ยซิงเฉินกัดริมฝีปากแล้วถอยไปก้าวหนึ่ง “คุณเอามือ ถือฉันคืนมานะ”

ไปเฉิงจ้องมองตัวเธออย่างสำรวจอยู่พักใหญ่ ใบหน้า เธอส่อพิรุธ เขามองออกอย่างชัดเจน ทว่าเขาก็ยังไม่เสีย มารยาทถึงขนาดหยิบมือถือเธอออกมาค้นดู เพียงแค่ถือไว้ใน มือแล้วเปิดประตูรถ “ขึ้นรถ

เซี่ยซิงเฉินไม่ขยับ “ฉันกลับเองได้…

ความอดทนเขาไม่สูงนัก มือหนึ่งล็อกข้อมือเธอไว้ ดึงตัว เธอเข้าไปเบาๆ เธอชนเข้าที่แผงอกเขา โกรธจนต้องเขาเขม็ง

“คุณยังคิดจะทำอะไรกันแน่?

“ขึ้นรถ! ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน

“คุณเลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันเสียทีได้ไหม?” เธอหลุบตาลงต่ำ พอพูดถึงตรงนี้จู่ๆ เสียงแหบพร่า สายตาหม่นหมองลงไม่น้อย ซ้ำยังถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกบางเบา “คุณมีผู้หญิงอีกตั้ง มากมายไม่ใช่เหรอ ไหนจะซ่งเหวย ไหนจะผู้หญิงคนอื่นๆ อีกคุณอยากทำอะไรก็ไปหาพวกเธอสิ ทำไมต้องมาวุ่นวายกับฉัน ด้วย?”

เธอพูดๆ อยู่ ก็สบเข้ากับสายตาของไปเฉิงที่จ้องมองมา อย่างค้นหาความจริง ในใจพลันรู้สึกปวดร้าว หญิงสาวกัดริม ฝีปาก สลัดมือเขาออกแล้วหันหลังเดินจากไป

ถึงวันนี้เธอยังจำได้ดี วันนั้นเขาพูดกับเธออย่างโหดร้าย ว่าให้ไปให้พ้นแล้วไม่ต้องกลับมาอีก เธอเองก็มีศักดิ์ศรี ไม่มี ทางที่จะมากหน้ากลับไปเด็ดขาด ตอนแรกก็ตั้งใจจะไม่ไปกวน ใจอะไรเขาอีก แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปแค่ชั่วพริบตา พอเขา ปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้ชีวิตของเธอต้องยุ่งเหยิงไปหมดอีกครั้ง

ไปเย่นิ่งยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นขายาวๆ ของ เขาก็ก้าวตามไป

“เมื่อกี้คุณพูดถึงผู้หญิงที่ไหน บอกมาให้ชัดๆ!” ไปเฉิง จับเธอกดแนบไปกับเสาไฟฟ้าริมถนนตรงป้ายรถประจำทาง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ