สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 105 รักมากมาตั้งนานแล้ว (2)



ตอนที่ 105 รักมากมาตั้งนานแล้ว (2)

ไป๋เฉิงโยนปืนให้เหลิงเฟย ไร้อารมณ์ใดใด เหลือไว้หนึ่งคน ที่เหลือก็จัดการตามนั้นซะ!”

ทุกถ้อยคำที่พูดออกมา เต็มไปด้วยความเย็นชาและโหด ** ยมที่ทำให้หวาดกลัว พูดจบเขาเขาก็อุ้มเซียซิงเฉินที่หมด สติ แล้ววางลงในรถ

ระหว่างทางกลับ ภายในรถบรรยากาศอึดอัดจนแทบ หายใจไม่ออก ไปเย่นิ่ง โอบกอดเธอแนบแน่น ตั้งแต่เมื่อครู่ มือ ที่กำหมัดแน่นก็ยังคงอยู่อย่างนั้นไม่คลายออก เหลิงเฟยไม่กล้า ปริปากพูดอะไรเลยตลอดทาง ได้แต่เพียงโทรหาคุณหมอ เงียบๆ ให้เขารีบไปที่ทำเนียบประธานาธิบดีทันที

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในความมืดที่ไร้ขอบเขต เธอฝันร้ายซ้ำไปซ้ำมา ปากตะโกนขอความช่วยเหลือ เหมือนมี กลุ่มสัตว์ร้ายไล่ตามตัวเองอยู่ ทำให้เธอไร้หนทางหนี และตอน ที่กำลังจะสิ้นหวัง ผู้ชายคนนั้นก็ราวกับเทพบุตรที่ลงมาจาก สวรรค์…

เขารูปร่างสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึ้ง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ เหมือนกำลังแบกท้องฟ้าทั้งผืนเพื่อเธอแล้ว สร้างความอุ่นใจ แก่เธอเหลือเกิน
“เธอเป็นยังไงบ้าง” ไปเยถึงถามเฉินด้วยสีหน้าเรียบ นิ่ง จนถึงตอนนี้ใบหน้าที่ตั้งของเขายังไม่คลายลงแม้แต่นิด เดียว

“ท่าแผลเสร็จหมดแล้ว ยังดีที่เป็นแค่แผลถลอก แต่ว่า เพราะตกใจเกินไป แผลในใจเลยอาจจะแย่กว่า คงต้องพักฟื้น สักระยะ”

ไปเย่งพยักหน้าที่มีแต่ความนิ่งขรึม แล้วมองไปบนเตียง อีกครั้ง ความเรียบนิ่งบนใบหน้าถึงได้คลายลงบ้าง อดจะ สงสารคนบนเตียงไม่ได้ เธอที่ยังมีใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บน เตียง ใบหน้าข้างหนึ่งบวมปูด เด็กน้อยนอนคว่ำอยู่ข้างเตียง ด้วยดวงตาแดง พร้อมทั้งเป่าลมเข้าที่ใบหน้าของเธออย่าง ระมัดระวัง ราวกับว่าหากเขาทำเช่นนี้เธอก็จะไม่เจ็บอีก

แววตาไปเย่ฉิงปรากฏความซาบซึ้งขึ้นมา ความสัมพันธ์ แม่ลูกของพวกเขาลึกซึ้งมากขนาดนี้ ไม่สงสัยเลยที่เธอจะยอม ทุกอย่างเพื่อลูก ไม่สนว่าจะถูกเหยียดหยามและขอร้องเขา โดย ไม่คิดถึงผลที่ตามมา

สักพัก เขาหันกลับไปมองฟู่เฉิน อึ้งอยู่ชั่วครู่ รู้สึกยาก ที่จะพูดออกมา “เธอ…ถูก…

พูดถึงตรงนี้ก็ไม่อาจพูดต่อไปได้อีก

“ไม่ครับ” เฉินรู้ดีว่าเขาต้องการถามอะไร “เมื่อกี้ที่คน รับใช้อาบน้ำให้เธอ ผมให้พยาบาลเข้าไปตรวจแล้วล่ะ ยืนยัน ว่าคุณเซี่ยปลอดภัยดี
ประโยคนี้ของเขาทำให้หัวใจอันสับสนของไปเย่นิ่งสงบ ลง ความตึงเครียดตรงหว่างคิ้วก็คลายลงไปบางส่วน

เขาแทบไม่อยากจะคิดว่าถ้าตัวเองไปช้าเพียงก้าวเดียว จะเกิดอะไรขึ้น!

และในตอนนั้นเอง เหลิงเฟยก็เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา

“ท่านครับ” เขาส่งสายตาบอกท่านประธานาธิบดีไปที่ ไป เย่ฉิงจึงพูดกับฟูอี้เฉินว่า “จัดยาไว้ เดี๋ยวฉันกลับมา

กําชับเสร็จแล้วเขาก็ออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรอีก

ห้องหนังสือ

ไปเยถึงกุมมืออยู่ข้างหน้าต่าง สีหน้าเรียบนิ่ง เหลิ่งเฟยพูด ขึ้น “ท่านครับ ถึงคนพวกนั้นจะยืนยันว่าทำเรื่องพวกนี้เอง แต่

ว่า…”

“แต่ว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นตระกูลข่งสินะ” เป็นประโยคคำถาม แต่ว่า ก็เป็นประโยคยืนยันเช่นกัน

แววตาเย็นชาของเขาทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง จมอยู่ กับความมืด ยากที่จะคาดเดา เหลิงเฟยไม่อาจเอาความคิด ของเขาได้ เขารู้ดีว่ามีหลายเรื่องที่ท่านประธานาธิบดีคิดไว้แล้ว ในใจ

“เป็นตระกูลซึ่งจริงๆ ครับ เพราะงั้น…ท่านครับ ผมคิดว่า เรื่องนี้ จะสืบต่อไปไม่ได้แล้ว” หากสืบต่อไปต้องเกี่ยวโยงถึงตระกูลซง แต่ว่าหยูเจ๋อเหยาก็คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ทุกฝีก้าว และพร้อมจะฉวยโอกาสอยู่ทุกเมื่อ หากพวกเขาฉีกหน้าส่งทั่ว เหยา ก็จะเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ เชื่อว่าประธานาธิบดีเองก็มีแผน และคิดรอบคอบ คงไม่ทำ อะไรวู่วามเป็นแน่

“คนสุดท้ายที่ให้ไว้ชีวิตไว้ล่ะ” ไปเย่นิ่งไม่ได้ตอบเหลิงเฟย ทําเพียงย้อนถาม

“ยังอยู่ครับ”

“ส่งไปตระกูลซง ให้รองประธานาธิบดีซ่งจัดการเอง เหลิ่งเฟยนิ่งอึ้งเพียงครู่ก็รีบรับคำสั่ง พลางถอนหายใจ อย่างโล่งอก ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงสักที!

เมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้ง ฟู่เฉินและทีมพยาบาลก็กลับไป แล้ว เซี่ยซิงเฉินนอนหลับไม่สนิทเลยสักนิด เธอมีเหงื่อขึ้นซึม ออกมาตลอดเวลา แพขนตาที่อ่อนแอดุจปีกผีเสื้อสั่นระริก คน รับใช้ต้องคอยบิดผ้าชุบน้ำและเช็ดตัวให้เธออยู่ตลอด

เซี่ยต้าไปนั่งอยู่ข้างเตียง จ้องมองเธออย่างไม่วางตา คิ้ว เล็กๆ นั้นขมวดอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นไปเย่นิ่งเดินเข้ามา เหมือนความรู้สึกเป็นห่วงนี้มีที่ระบายสักที เด็กน้อยวิ่งเข้าหา เขาเสียงดังตึงตัง สองมือเล็กกอดเข้ารอบขาของเขา ใบหน้า เล็กฝังเข้าที่ตัวเขา น้ำตาเม็ดใหญ่พรั่งพรูออกจาก จากดวงตา แค่ เพียงครู่เดียวก็ทำให้ชุดนอนของเขาเปียกชุ่ม
“ห้ามร้องไห้!” น้ำเสียงไปเฉิงเคร่งขรึม “ลูกผู้ชายเก็บ น้ำตาเดี๋ยวนี้!”

“แต่ว่า…แต่ว่า ผมเป็นห่วงหม่า…” เขาพยายามกลั้น น้ำตาแล้ว แต่ว่ากลับร้องหนักกว่าเดิม ร่างน้อยๆ สั่นเทิ้มอย่าง รุนแรง

“วางใจเถอะ อาฟบอกแล้ว เธอมีแค่แผลถลอก คืนนี้นอน พักดีๆ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”

“หม่ามีเจ็บมากเลย…ผมรู้ เธอต้องเจ็บมากแน่ๆ

“” เขาเม้มปากแน่น แววตาเรียบนิ่งมองไปที่เซี่ยซิงเฉิน สักพักก็ลูบเข้าที่หัวของเด็กน้อย “อย่ามาร้องไห้ตรงนี้ ถ้าลูก เป็นห่วงเธอจริงๆ ตอนนี้รีบกลับไปนอนในห้องเลย ถ้าเธอรู้ว่า ดึกป่านนี้แล้วลูกยังไม่นอน จะมีแต่เป็นห่วงนะ

“แต่ว่า ถ้าผมไป หม่าไม่มีคนดูแลทำไงอ่ะ”

ไปเยถึงไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงอุ้มเด็กน้อยขึ้นแล้วส่งเขา เข้าห้องนอน

ไม่ง่ายเลยที่จะปลอบเด็กน้อย สักพักถึงได้กลับห้องของ

เธอ

เขาให้คนรับใช้ออกไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงเขากับ เซียซึ่งเป็นสองคน เขาสวมชุดนอน สอดตัวลงนอนข้างๆ เธอ เหมือนเธอจะนอนไม่นิ่งเลย มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มปัดป่ายไปมาเพียงครู่ ก็ถูกมือใหญ่ของเขาจับไว้ สอดประสาน แล้ววางทาบ บนอก

จากนั้น เขาใช้อีกมือสอดเข้าใต้คอของเธอ เพื่อให้เธอได้ นอนบนแขนของตัวเอง ซักแขนกลับเข้าหาตัวเล็กน้อย พลาง รวบกอดเธอ กอก

เซียซิงเฉินสะลึมสะลือ ได้กลิ่นกายอันแสนคุ้นเคย ความ หวาดกลัวในใจพลันสลายลงไปบ้าง เธอที่ฝันร้ายจนตัวเกร็ง ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เหมือนกำลังเรียกหาการปกป้อง ยื่นมือ อีกข้างออกไป โอบกอดเอวหนาของชายหนุ่มไว้

ไปเฉิงถอนหายใจ ปัดผมที่ปรกหน้าของเธอออก แล้ว ทาบจูบลงบนหน้าผากของเธอ

คืนนี้ สงบลงเสียที

วันถัดมา

เมื่อเซี่ยซิงเฉินตื่นขึ้นมา พื้นที่ข้างกายกลับว่างเปล่า เธอ มองที่ว่างข้างกายด้วยใจสั่นระรัว รู้สึกแค่ว่าภาพอ้อมกอดของ เขาเมื่อคืนตัวเองอาจฝันไป แต่ว่าเมื่อลองยื่นมือลูบที่ตรงนั้นก็ ยังอุ่นๆ อยู่ หลงเหลือไออุ่นจากกายของเขา

เธอได้กลิ่น กลิ่นกายของเขาที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ สร้างความอุ่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“คุณเซี่ย ตื่นแล้วเหรอคะ” คนรับใช้เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก

“อืม” เซียซิงเฉินรู้สึกเพียงความเจ็บตรงแก้ม เธอยื่นมือ สัมผัสเพียงนิดก็รู้สึกได้ว่ายังคงบวมอยู่ ระหว่างที่ยกแขนก็ปวด ร้าวไปทั้งตัว ตอนที่ต่อกรกับชายกลุ่มเมื่อวาน เธอแทบไม่ คิดถึงชีวิตแล้ว เพราะอย่างนั้นก็ไม่แปลกที่ตัวเองจะบาดเจ็บ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ