สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 212 เธอคือผู้หญิงที่อยาก แต่งงานด้วย (2)



ตอนที่ 212 เธอคือผู้หญิงที่อยาก แต่งงานด้วย (2)

“ผมไปพบคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านมาแล้วอยู่ทานข้าวกับพวกเขา ไปเยถึงอธิบาย มองดูเด็กน้อยที่หลับสนิท “พรุ่งนี้เขาต้องไป เรียนแล้วใช่ไหม?

“อืม วันนี้คือวันหยุดวันสุดท้ายค่ะ

ไปเยถึงเลิกผ้าห่มออก อุ้มเซียตาไปมาจากด้านใน เซี่ย

ซิงเฉินมองเขาอย่างฉงน เขาเอ่ยเสียงเบา “เอาเสื้อผ้ามา พา เขากลับไป พรุ่งนี้เช้าให้คนขับรถไปรับเขาที่นั่น โรงพยาบาลอยู่ห่างจากโรงเรียนพอสมควร ไปจากทางนี้

คงไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร

อย่างไรเสียโรงพยาบาลนี้ไม่ว่าจะพยาบาลหรือคุณหมอก็ ดีหมด ทำให้เธอไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าอยู่ตลอดคืน

เซียซิงเฉินไม่มีความเห็นต่าง หยิบเสื้อกันหนาวของ

เซี่ยต้าไปแล้วคลุมให้เขาจนมิด เธอหันไปมองมารดาแวบหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเธอหลับสนิท ถึงได้เดินตามไปเย่นิ่งออกไป นอก โรงพยาบาล

ไปเย่นิ่งไม่ให้พวกเหลิงเฟยตามมาอีก ตัวเองขับรถพาเธอ กลับไปที่ห้องเช่าหลังเล็ก เซียต้าไปนั่งอยู่เบาะหลังและรัดเข็มขัดนิรภัยไว้ หลับสนิทไปตลอดทาง เซียซิงเฉินนั่งอยู่เบาะ ข้างคนขับ นั่งหดตัวอย่างเกียจคร้านอยู่ตรงมุม

แสงหลากสีในเมืองสาดผ่านใบหน้าทั้งสาม ภายในรถตู อบอุ่นขึ้นมา

บางทีเธอก็เสมองไปทางชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้าง แล้วหัน มองเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกับเขา รู้สึกว่าพวกเขาเป็น ครอบครัวที่ธรรมดาที่สุด…

แต่ผู้ชายคนนี้กลับเป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดาที่สุดของ ประเทศนี้…

เขาให้ความรู้สึกอุ่นใจแก่เธออย่างไม่รู้ตัว ในหลายเรื่อง แต่ในสถานะกลับให้ความรู้สึกไม่มั่นคงแก่เธอสักนิด

“วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าอยากเจอคุณ” ขณะที่เธอ

กำลังตกอยู่ในภวังค์ ไปเฉิงก็เอ่ยปาก

เซี่ยซิงเฉินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หันมามองเขาอย่างไม่เชื่อ สายตา “ทำไมจู่ๆ อยากเจอฉันล่ะคะ?”

ไปเฉิงสองมือกพวงมาลัยไว้แน่น เสหน้าหันมามองเธอ แวบหนึ่ง

“แปลกหรือไง คุณคลอดเซียต้าไปให้ผม พวกเขาทั้งสอง ต้องอยากเจอแม่ของลูกอยู่แล้ว

ไม่ได้สงสัยว่าท่านทั้งสองรู้เรื่องตนได้อย่างไร ในเมื่อพี่ เย่รู้ ผู้อาวุโสย่อมต้องเคยได้ยินบ้าง
“ท่านทั้งสองคิดว่าฉันเป็นยังไงคะ?” เซียซึ่งเป็นเอ่ยถาม ไปประโยคหนึ่ง

ไปเย่นิ่งไม่ตอบชั่วครู่ ทำเพียงแค่ขับรถไปเงียบๆ

การเงียบของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวาย มองเขา ไปทีก็เข้าใจ ถึงได้กล่าวต่อ “คุณแม่ของฉันผ่าตัดอยู่ตอนนี้คง ไม่สะดวกนัก อีกอย่างคุณก็ยุ่งมาก เรื่องจะพบพวกเขาค่อยว่า กันทีหลังเถอะค่ะ อีกอย่าง…พวกเขาชอบลูกก็พอ ฉันไม่ต้อง พบพวกเขาก็ได้”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าใจไม่มากก็น้อย เรื่องท้องก่อนแต่งไม่ว่าในสายตาใครคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดี อะไร โดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่าของเขา

“คุณอย่าคิดมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยรู้เรื่องของ คุณเลยเข้าใจผิดไปบ้าง พวกเขาอยากเจอคุณก็เพราะอยาก แก้ไขที่เข้าใจผิด

เซียซิงเฉินพยักหน้ารับเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร

เธอรู้ว่าเขากำลังปลอบเธอ

แต่ตนจะเสียใจไปทำไมล่ะ? ต่อให้เขาจะพาตนไปพบ คุณชายคุณหญิงตอนนี้ ก็ไม่เหมือนไปพบพ่อแม่ของคนรักอะไร อย่างนั้นเสียหน่อย แค่อยากเจอแม่ของเด็กเท่านั้นเอง! ความ หมายไม่เหมือนกันเลยสักนิด
ระยะเวลาหลายสิบนาทีผ่านพ้นไปจนกระทั่งมาถึงใต้ อาคารห้องเช่า ไม่ได้กลับมาหลายวันเหมือนผ่านไปนานแสน

เซี่ยซิงเฉิน ให้เขาอุ้มเด็กน้อย ส่วนตนก็ควักกุญแจมาเปิด ประตู เปลี่ยนรองเท้าก่อนแล้วหยิบรองเท้าแตะสำหรับผู้ชายที่ ซื้อในห้างสรรพสินค้าเมื่อคราวก่อนให้เขา “เปลี่ยนก่อนแล้ว ค่อยเข้ามาค่ะ

เปิดไฟพลางหันไปมอง ภายในห้องที่ว่างเปล่าตอนนั้น ในตอนนี้กลับถูกจัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์จนเต็มไปหมด มอง จากทางนี้ไปแวบหนึ่งก็เห็นห้องนั่งเล่นพร้อมห้องนอนหนึ่งห้อง อีกมุม เซียซิงเฉินหันมามองเขา “เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ? ตอน ที่ฉันไปที่นั่นมันยังว่างเปล่าอยู่เลย

ไปเย่นิ่งวางเด็กน้อยไว้บนเตียงในห้องนอนห้องเล็กของ เธอ หยิบผ้าห่มแล้วคลุมให้อย่างดี หันมาเอ่ยกับเธอที่เดินตาม หลังมาว่า “จากนี้ไปห้องนี้ก็ไว้เป็นห้องนอนของเขา

“แล้วฉันนอนไหนล่ะคะ?”

ไป๋เย่นิ่งเดินออกจากห้องของเธอไป พยักพเยิดคางให้ ทางห้องอีกฝั่ง “ตอนที่ผมไม่อยู่นี้คุณก็นอนนั่น ตอนที่ผมอยู่

เอ่ยถึงตรงนี้เขาพลันหยุดชะงักไปครู่ มองเธอแวบหนึ่ง ด้วยสายตาลึกซึ้ง “คุณก็ต้องนอนกับผม

“…” ในน้ำเสียงสื่อความหมายชัดเจน เซียซิงเฉินหน้าแดงระเรื่อ หัวใจเต้นรัว รู้ว่าสถานการณ์ระหว่างทั้งคู่ตอนนี้ อันตรายมากเพียงใด เธอแสร้งไม่เข้าใจ เลิกคิ้วสูง “ฉันอยู่นี่ก็ ดีอยู่แล้ว คุณกลับไปนอนที่เดิมของคุณไป

เธอผลักเขาเป็นการไล่เขา จงใจไม่มองสายตาเขา วิ่ง กลับไปห้องนอนตนเพื่อหยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำ ทันที พักใหญ่แล้วหัวใจยังคงเต้นดัง “ตึกตัก ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาก็ถือว่าอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้วล่ะสิ? เมื่อก่อนตอน ที่เธออยู่ทำเนียบประธานาธิบดี ยังไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนี้ ในเมื่อตอนนั้นหัวใจดุจน้ำนิ่ง ระหว่างพวกเขาก็ไม่เคยเกิดเรื่อง อะไร ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว…

เซียซิงเฉินอาบน้ำเสร็จออกมานั่งเช็ดผมที่เปียกน้ำในห้อง นั่งเล่น

เธอเปิดโทรทัศน์แล้วนั่งชันขาอยู่บนโซฟา บางทีก็เหลือบ มองอีกห้องแวบหนึ่งเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ห้องนั่งเล่นที่เชื่อม ต่อกันนั้นไม่เห็นเงาของเขาแม้แต่น้อย

ก็ไม่รู้ว่าห้องของเขามีชุดให้เปลี่ยนหรือเปล่า หรือตอนนี้ เขาหลับไปแล้ว?

ขณะที่เธอกำลังคิดไปเรื่อย เสียงโทรศัพท์มือถือพลันแผด เสียงดังขึ้น ในยามค่ำคืนนี้เสียงโทรศัพท์ดังเป็นพิเศษ เซี่ยง เฉินตกใจรีบลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนชั้นหนังสือ
บนชั้นหนังสือมีรูปภาพสุดท้ายของเธอกับบิดามารดาทั้ง สามคน พอมาดูตอนนี้แล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้

ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลาจริงๆ…

ก้มมองตัวอักษรคำว่า “คุณพ่อ” ที่เด่นหราบนจอ เธอยัง คงนิ่งงันไปชั่วครู่ บิดาโทรมาดึกขนาดนี้เพื่อเรื่องอะไรกัน?

“ค่ะ คุณพ่อ” เซียซิงเฉินแนบโทรศัพท์มือถือติดหู

เซียกั่วเผิงที่อยู่อีกฝั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร เธอ รอสักพักถึงได้ยินเขาเอ่ยปาก “กลับมาแล้วสินะ?

“อืม กลับมาแต่เช้าแล้วค่ะ”

เซียกั่วเผิงที่อยู่อีกฝั่งเงียบไปอีกครั้ง เธอได้ยินเสียง หายใจของบิดาที่อึดอัดปืนสับสน สุดท้ายเธอไม่ได้เอ่ยปาก เพื่อทําลายความเงียบ ได้ยินแค่เซียกั่วเผิงกล่าว “ช่างเถอะ ดึกแล้วลูกก็รีบพักผ่อนเถอะ

เซี่ยซิงเฉินมือกาโทรศัพท์มือถือไว้ไม่ได้ตัดสาย สุดท้าย เป็นไปตามคาด เซียกั่วเผิงที่อยู่อีกฝั่งก็ไม่ได้วางสาย ทั้งสอง คนเงียบใส่กันในสายไปพักหนึ่ง เซียกั่วเผิงถอนหายใจ เอ่ย ถามตรงๆ “ผู้ชายคนนั้น…ดีกับแม่ของลูกไหม?”

เธอถอนหายใจ ไม่รู้ว่าว่าหากบิดารู้ว่าหลายปีมานี้มารดา ไม่ได้แต่งงานใหม่จะรู้สึกอย่างไร แต่มารดาไม่อยากให้เขารู้ เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร กล่าวเพียง “ก็ดีค่ะ คนที่นั่นยังเรียบง่าย เหมือนเมื่อก่อน ชีวิตที่นั่นสบายมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ