สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 352 รู้ความลับอันสําคัญเข้า (4)



ตอนที่ 352 รู้ความลับอันสําคัญเข้า (4)

แค่ประโยคแสดงความเป็นห่วงเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ทั้ง สองดีใจเป็นอย่างมาก สบสายตาแวบหนึ่งอย่างตื่นเต้น

“หนูก็เหมือนกัน” หลันถึงก้าวไปข้างหน้ากุมมือเธอไว้แล้ว ตบเบาๆ “หนูวางใจเถอะ ถ้าไปไม่เป็นอะไรแน่นอน คุณพ่อ

พูดถึงตรงนี้หลันถึงก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเพราะกลัวเธอ ไม่ชอบใจพลางรีบแก้คำ “ชิงรั่งจะช่วยเด็กเอง

เซียซิงเฉินแสบไปทั้งตา สองคนที่อายุครึ่งร้อยแล้วแต่ยัง คอยระมัดระวังยามอยู่ต่อหน้าตนนั้นใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึง

หัวใจของเธอไม่ได้ทำจากก้อนหิน อีกทั้งตนก็เป็นแม่คน

ยิ่งรู้ดีถึงความเจ็บปวดนั่น

เพียงแต่…

“ขอบคุณค่ะ” เธอสูดจมูกจากนั้นก็กวาดสายตามองผ่าน ใบหน้าโทรมของทั้งสองถึงกล่าว “ฉันรู้ถึงความคาดหวังของ พวกท่าน แต่…หวังว่าพวกท่านจะให้เวลาฉันปรับตัว…..

ต่อให้เท่านี้ สำหรับทั้งสองแล้วกลับยิ่งกว่ากลองรัวที่สร้าง ความยินดีปรีดาให้พวกเขาเสียมากมาย
เซี่ยซิงเฉินส่งทั้งสองเสร็จก็ยืนนิ่งอยู่กับที่พักใหญ่ จน กระทั่งรถยนต์หลายคันหายลับตาเธอถึงหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้น

ขณะที่เดินผ่านพยาบาลก็ได้ยินพยาบาลสาวหลายคน ซุบซิบนินทา

“ที่แท้เด็กคนนั้นคือลูกของท่านประธานาธิบดีนี่เอง ส่วนผู้

หญิงคนนั้นก็คือแม่ของเด็ก

“ลูกของท่านประธานาธิบดีโตขนาดนี้แล้ว? หมายความ ว่าความจริงท่านประธานาธิบดีแต่งงานตั้งนานแล้วสิ

“คราวก่อนยังเคยมีข่าวสาวเลย แล้วยังจัดงานแต่งงาน กับคุณส่งอีก ไม่ใช่ว่าเป็นการนอกใจหรอกนะ?”

“พระเจ้า ท่านประธานาธิบดีทำไมเป็นคนจอมหลอกลวง

แบบนี้? เดิมทีฉันคิดว่าเขาใสสะอาด ไม่ใช่ผู้ชายแย่ๆ แบบนั้น

แน่นอน ฉันเลยเชียร์เขาขนาดนี้! นี่ฉันตาบอดอีกแล้วเหรอ?”

จอมหลอกลวง ทำให้เซี่ยซิงเฉินเจ็บแปลบที่หัวใจ

“อีกอย่างนะ…” มีคนกดเสียงพูดเสริม “ก่อนหน้าที่ฉัน ไปเปลี่ยนยาให้เด็ก ได้ยินคุณหญิงท่านนั้นบอกว่า แม่ของเด็ก เรียกคุณท่านรองไปว่า “คุณพ่อ” เธอว่านี่มันความสัมพันธ์ ยุ่งเหยิงอะไรกัน!”

“ไม่ใช่มั้ง? เธอฟังผิดหรือเปล่า? นั่นเป็นคุณอาของท่าน ประธานาธิบดีเลยนะ ถ้าแม่ของเด็กเรียก “คุณพ่อ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับท่านประธานาธิบดีก็คือ….

“ลูกพี่ลูกน้อง!” มีคนแหวเสียงขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะรีบอุดปากไว้พร้อมท่าทางไม่น่าเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ หรอก?”

“ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ นั่นก็คือรักกันระหว่างพี่น้องเลยนะ แค่คิดก็สกปรกแล้วไหม? ถ้าให้ฉันอยู่กับลูกพี่ลูกน้องฉันล่ะก็… พวกเขาทนไหวได้ยังไง?” คนคนนั้นจับไหล่ไว้แล้วทำท่าทาง สะดุ้งตกใจอย่างเกินจริงไปที่ทั้งสายศีรษะแสดงความรังเกียจ

“ฉันว่าเธอต้องฟังผิดแน่ๆ! ฉันไม่เชื่อว่าท่าน ประธานาธิบดีจะเป็นคนแบบนั้น! รักกันเองในสายเลือดไม่ใช่ โทษเบานะ!”

เซียซิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้นคอยฟังทุกประโยคเข้าหู ทุกคำ พูดที่พวกเขากล่าวออกมาราวกับเข็มทิ่มแทงลงหัวใจของเธอ หน้าอกคล้ายกับมีคนเอาหินมาถ่วงไว้ทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธออยากตะโกนแย้งคนเหล่านี้แต่พอขยับปากกลับไม่มี คำพูดใดเล็ดลอดออกมา

เธอก้าวเดินแล้วตีหน้านิ่งยามเดินผ่านพยาบาลเหล่านั้น เพื่อไปยังห้องพักผู้ป่วย สองแขนทิ้งไว้ข้างลำตัวกำหมัดแน่น ปากล่างถูกเธอกัดไว้จนได้สี

เหล่าพยาบาลไม่คิดว่าจู่ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ตกใจ กันยกใหญ่ ทุกคนมองหน้ากันและกันแล้วอุดปากกลั้นหายใจทั้งที่ใบหน้ายังคงตื่นตระหนก

เซียซิงเฉินเดินไปสองก้าว สุดท้ายก็ทนไม่ได้พลางหันมา มองพวกเธอด้วยสายตาแหลมคมที่แสนเยือกเย็น

ทุกคนถูกสายตานั่นจ้องจนชาวาบไปทั้งศีรษะ เหงื่อซึม เต็มแผ่นหลัง จากนั้นก็ก้มหัวลงไปไม่กล้าสบสายตาเธอ

“เขาไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูด! ไม่ใช่จอมหลอกลวง และไม่สกปรก!” เซียซิงเฉินอดพูดปกป้องเขาไม่ได้ “ฉันกับเขา บริสุทธิ์ ต่างก็จริงใจต่อกัน สกปรกตรงไหน?

ทุกคนสบตามองกันและกันไม่กล้าตอบกลับ สุดท้ายก็มี คนใจกล้าปริปากตอบทั้งใบหน้าซีดเผือด น้ำเสียงสั่นติดขัด “ขอโทษค่ะคุณเซีย…พวกเรา…เราแค่เบื่อๆ เลยพูดไปเรื่อย อย่าสนใจพวกเราเลย

เซียซิงเฉินไม่พูดอะไรก็หมุนตัวกลับห้องพัก ใบหน้านิ่งไร้

ปิดประตูแล้วยืนพิงประตู สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะ กดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลงไป

“ทำไมไปนานจัง?” ไปเย่งกำลังเปิดดูเอกสารอาการ ป่วยของตาไป เมื่อได้ยินเสียงจากประตูก็เงยหน้าขึ้น เพียง แวบเดียวก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอจนคิ้วขมวดเป็นปม

เซียซิงเฉินเงยหน้าประสานสายตากับเขา แววตาล้ำลึก ของเขาเพียงแวบเดียวก็แทบจะล้วงอารมณ์ที่กดทับไว้ทั้งหมดออกมา

คำพูดเมื่อครู่ก็คือเสียงของผู้คนในอนาคต นี่แค่กลุ่มคน จำนวนไม่กี่คนเธอก็ปวดใจแทนเขาเสียแล้ว…

แล้วอนาคตล่ะ?

จู่ๆ เธอก็ไม่กล้าจินตนาการ

ไม่กล้าไปคิดว่าอนาคตเขาต้องแบกรับอะไรบ้าง

“เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋เย่นิ่งผุดลุกขึ้นเดินไปทางเธอ

เซียซิงเฉินผืนแย้มปากยิ้มเล็กน้อยพลางสายศีรษะแล้วพูด บ่ายเบี่ยง “ต้าไปล่ะคะ? นอนแล้วเหรอ?”

เขาตาไวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เซี่ยซิงเฉินไม่กล้ามองไปอีก

เพียงแค่เดินปลีกตัวเพื่อสวนไหล่เขา มือใหญ่ของเขากลับคว้า

แขนเธอไว้ ออกแรงเพียงนิดก็ดึงเธอเข้ามาทันที

“หลบอะไร?”

“ฉันจะไปดูต้าไป์”

แขนยาวของไปเฉิงวางไว้บนเอวเธอ กอดกระชับแน่นจน

ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้

“พูดให้รู้เรื่อง เป็นอะไร

เซี่ยซิงเฉินรู้ว่าปิดบังเขาไม่ได้ เธอประสานสายตากับเขา แล้วจมูกก็พลันแสบขึ้นมา “เฉิง คุณไม่กล้วสักนิดเลยเหรอ?”
เธอวางมือไว้บนลาดไหล่แกร่งของเขา ขยับปากเล่าทุก อย่างที่ได้ยินจากด้านนอกเมื่อครู่ให้เขาฟังทั้งหมด แต่ก็เหมือน กลัวเขาเศร้าพลางเอ่ยเสริม “ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่อย่างที่เขาบอก ไม่ใช่จอมหลอกลวง ระหว่างเราก็สะอาดบริสุทธิ์ไม่ได้สกปรก

“คุณแค่เป็นห่วงผมเหรอ?” เดิมทีนึกว่าไปเยถึงจะโกรธ ใหญ่โตแต่เขากลับจ้องเธอนิ่ง อารมณ์ไม่เปลี่ยนมากนัก

“แน่นอนสิคะ” เซี่ยซิงเฉินนึกถึงคำพูดที่หลี่หมิงเคยกล่าว ไว้ แพขนตาสั่นระริก “ฉันกลัวว่าฉันจะทำให้คุณหมดสิ้นทุก อย่าง…”

ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาจริงๆ สูญสิ้นทุกอย่างคงเป็น จุดจบที่พอคาดเดาได้

“นี่เป็นสังคมประชาธิปไตยนะ คนพวกนั้นอยากพูดอะไรก็ แล้วแต่พวกเขา อีกอย่างบางทีก็ต้องมีสักวันที่ดอกไม้บาน สะพรั่ง อาจมีทางออก” เขากล่าวประโยคสุดท้ายด้วยสีหน้า ยากจะคาดเดาแถมพูดเป็นนัยบางอย่าง

เซี่ยซิงเฉินไม่เข้าใจคำว่า “ดอกไม้บานสะพรั่ง เนื่องจาก ปัจจุบันพวกเขาเหมือนเจอทางตัน ไม่มีแม้แต่ประตูทางออก แล้วดอกไม้จะบานได้อย่างไร?

ไป๋เย่นิ่งไม่ได้อธิบายแต่ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย พูด เสียงเบา “เมื่อกี้ที่คุณบอกกับคนข้างนอกพวกนั้น อย่างอื่นก็ถูก นะ แต่มีประโยคหนึ่งไม่ถูก ผิดแบบมหันต์อีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ