สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 200 บุคคลสําคัญปรากฏตัวในบ้าน (6)



ตอนที่ 200 บุคคลสําคัญปรากฏตัวในบ้าน (6)

เกลียด! เกลียด! จะดุทำไม!

เป็นตัวอย่างของการมีภรรยาแล้วลืมลูกชายที่ดีเลยล่ะ! เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่แต่งงานกับผู้หญิงอื่น เขาไม่ดุตนขนาดนี้ หรอก! ตอนนี้มีผู้หญิงอื่นแล้ว อนาคตก็จะมีลูกกับผู้หญิงคนนั้น เพราะฉะนั้นในใจเขาเด็กเกเรคนนี้คงไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว!

หม่ามีบอกว่าเขาจะรักตนตลอดไป โกหกทั้งเพ

เซี่ยต้าไปยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ หมุน ตัวกลับมาอิดออด น้ำตาก็พลันพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทันที ทั้งยังจ้องเขาเขม็งอย่างคาดโทษแกมโมโห

เงินหมื่นเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ปวดใจอีกแล้ว แต่สุดท้ายนี้ เป็นเรื่องระหว่างพ่อกับลูก เธอจึงไม่ได้เอ่ยแทรกแต่อย่างใด

ไปเฉิงงอนิ้วเคาะลงบนโต๊ะ “มานั่งนี่” เทียบกับเมื่อครู่ แล้ว ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าผ่อนคลายลงมากทีเดียว

เซี่ยต้าไปครางฮือในลำคอพร้อมใบหน้าแสนเศร้า สุดท้ายก็เคลื่อนร่างอย่างอิดออดมานั่งลงจนได้ นั่งอยู่ตรงข้าม เขา น้ำตายังคงไหลไม่หยุดอย่างน่าสงสาร

“ร้องทำไม?” ไป๋เย่ฉิงกล่าว “พ่อเคยบอกแล้วว่าลูกผู้ชายห้ามมีน้ำตา

“พ่อไม่ร้องไห้แน่นอนอยู่แล้ว คุณพ่อของพ่อรักพ่อ แต่คุณ พ่อของผมไม่ได้รักผมแล้ว…” พูดถึงประโยคสุดท้ายน้ำเสียง เขาก็แหบแห้งทันที ร้องไห้หนักกว่าเดิม

สีหน้าไปเฉิงฉายแววสับสนชั่วครู่ มองดูสภาพเด็กน้อยที่ ร้องไห้ไม่หยุด ในใจก็เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เด็กน้อย รับผ้าเช็ดหน้าที่คุณ ยายของเด็กน้อยส่งมาให้เช็ดน้ำตาบนใบหน้าเขาออก ถ้าไป ยังโกรธอยู่ ดันมือเขาออกอย่างดื้อดึง “พ่อไม่ต้องสนใจ หรอก…

“คิดว่าพ่อแต่งงานกับผู้หญิงอื่นใช่ไหม?” ไปเฉิงถาม

“ไม่ใช่คิดว่า แต่มันใช่แล้วต่างหาก!” เซียต้าไปโวยวาย ไปที โกรธมาก

“ถ้าพ่อบอกว่าพ่อไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนไหน และไม่มี ทางแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ลูกจะเชื่อพ่อไหม?”

เซียต้าไปนิ่งไป ดวงตาที่ฉ่ำวาวด้วยน้ำใสเงยขึ้นจ้องมอง เขา เหมือนกำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สักพักก็เป็นหน้าหนี “โกหก! ผมเห็นในทีวีหมดแล้ว! อย่าคิดว่าผมเป็นเด็กแล้วจะ มาหลอกได้นะ”

ไปเย่นิ่งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเป็นเด็กไร้เดียงสาจริงๆ เหรอเนี่ย?
“ลูกไม่เชื่อก็ถามคุณยายลูกดู พ่อโกหกลูกได้ แต่คุณ ยายลูกไม่มีทางโกหกลูกอยู่แล้ว”

เซี่ยต้าไปหันไปมองเงินหมิ่นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ เงินหมื่น พยักหน้า “พ่อของหลานไม่ได้โกหก ตอนนี้เขายังโสดอยู่

“จริงเหรอ?”

“จริงสิจ๊ะ” เสินหมิ่นหยักศีรษะ

เซี่ยต้าไปนั่งอยู่ตรงที่เดิมแล้วใช้สายตาทั้งคู่มองเขาอย่าง สงสัย จากนั้นก็มองคุณยาย เหมือนกับว่ายังไม่เชื่อเท่าไร แล้ว หันหน้ามาจ้องไปเยฉิง “ถ้าโกหกเป็นหมา

“ช่างเถอะ แล้วแต่ลูกจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” คำพูดปลอบ เด็กเขาไม่ถนัดจริงๆ จึงปล่อยเลยตามเลย อย่างไรเสียเด็กก็ ต้องรู้ความจริงเข้าสักวัน

“พ่อทําแบบนี้ได้ยังไง?!” เซียต้าไปถูกทำให้โมโหอีกแล้ว เขารู้สึกว่าเสี่ยวไปกำลังล้อตนเล่นอยู่ เขาเพ่งสายตา “ตกลง แต่งหรือไม่แต่ง?”

“พ่อบอกความจริงลูกก็ไม่เชื่อ จะถามอีกทำไม?” ไปเย่นิ่ง ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขามาก หยิบ ตะเกียบทานอาหารเช้าต่อ อืม ของในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ ขาดแคลนยิ่งกว่าในเมืองจริงๆ นอกจากซาลาเปาหมั่นโถ ใน จานเล็กก็ยังมีผักดองอยู่ เขาใช้ตะเกียบคีบมาชิ้นเล็กๆ แล้วส่ง เข้าปาก รสชาตินั้นประหลาดมาก
เพราะว่าไม่อร่อย เขาชิมไปแค่คำเดียวแล้วจึงไม่ยื่น ตะเกียบไปทางผักดองอีกเลย ไม่สามารถคุ้นชินกับรสชาตินั้น ได้

เขี่ยต้าไปเห็นว่าเขากำลังทานอย่างสบายอกสบายใจอยู่ ยิ่งรู้สึกกังวลใจ จับมือใหญ่เขาไว้ไม่ให้ทานต่อ ทำเพียงกล่าว ว่า “เสี่ยวไป ตอนนี้พ่อบอกมาเลย! พ่อบอกตอนนี้ผมก็จะเชื่อ พ่อ!”

“เชื่อจริงเหรอ?”

“เชื่อจริงๆ!” ศีรษะเล็กของเขาพยักหัวเหมือนกำลัง อะไรสักอย่าง

ไปเยฉิงวางตะเกียบลง มองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแวบ หนึ่ง สีหน้าจริงจังขึ้นอีกระดับ “ไม่ได้แต่ง! จากนี้ไปก็ไม่แต่ง!!

ปากเล็กของเซี่ยต้าไปขยับไปมา ไปเฉิงยัดซาลาเปาลูก เล็กเข้าไป อุดคำพูดที่เขาอาจกล่าวออกมาไว้ก่อน “ถ้าลูกกล้า ถามพ่ออีกว่าจริงไม่จริง พ่อจะจับลูกโยนออกไปทันทีเลย!!

เซี่ยต้าไปเคี้ยวซาลาเปาไปคำหนึ่ง จากนั้นเหมือนจะติด คอจึงรีบล้วงอีกครึ่งหนึ่งออกมา เขม่นมองเขาไปแวบหนึ่งแล้ว กล่าว “ผมไม่ได้อยากถามว่าจริงไม่จริง ผมแค่อยากบอกว่า… แก้วน้ำบ้วนปากอันนั้นถ้าพ่อชอบ ผมให้พ่อแล้วกัน ห้ามบอก ว่าผมขี้งกล่ะ~”

ใบหน้าเล็กของเขากระเป๋ากระงอด ไปเย่นิ่งหัวเราะแล้ว มองเขาอีกที มองจนเจ้าตัวทำตัวไม่ถูก ทำเพียงแค่หยิบตะเกียบกับถ้วยแสร้งเอ่ย “คุณยาย ผมอยากกินซาลาเปาจิ๋วอีก หนึ่งลูก”

น้ำเสียงนุ่มของเด็กน้อยดึงสูง ความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้น ในพริบตา อืม พอดูแล้วเสี่ยวไปก็ไม่ได้น่าเกลียดเหมือนก่อน หน้าแล้ว

ไปเฉิงยิ้มมุมปาก มองดูรอยยิ้มของเด็กน้อยแล้วในที่สุด สีหน้าก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก เงินหมิ่นมองผู้ใหญ่และเด็กทั้ง คู่ด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ถ้าครอบครัวอยู่ครบทั้งสามคน นั่นคงจะ เป็นภาพที่อบอุ่นที่สุด

เพียงแต่…

เขาเป็นถึงท่านประธานาธิบดี แต่มาย้อนดูประวัติของซิง เฉินแล้วเธอดูด้อยกว่ามาก ถ้าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันจริงๆ คง ไม่ใช่เรื่องง่าย

เธอลอบถอนหายใจ ตอนที่ซิงเฉินเกิดมา หากไม่ถูกคนรับ ไปเลี้ยง ตอนนี้จะอยู่ในสภาพไหน มารดาที่แท้จริงของเธอคือ ใครล่ะ? ยุคสมัยนั้นชุดกี่เพ้าผ้าทอที่หุ้มร่างเธอไว้ล้วนเป็นผ้า ชั้นดี บางทีมารดาที่แท้จริงของเธออาจเป็นคนมีฐานะจริงๆ

“น้าเงินครับ บ้านน้าสองที่พวกคุณพูดถึงไปยังไง?” ข ขณะ กำลังคิดไร้สาระ เสียงไปเฉิงก็ดึงสติเธอกลับมา

เงินหมิ่นหลุดจากภวังค์ “คุณจะไปเหรอ?”

“ครับ”
“ผมรู้ว่าไปยังไง ผมพาพ่อไปเอง!” เขี่ยต้าไปรับอาสาทันที

“ไม่จำเป็น” ไปเฉิงปฏิเสธน้ำใจของเขาอย่างไร้ความ ปรานี ไปหาอะไรเล่นเถอะ พ่อไปเองได้

เงินหมิ่นอธิบายอย่างละเอียด “เดินไปถึงหน้าปากซอย เลี้ยวซ้าย เดินไปประมาณห้าร้อยเมตรก็จะเห็นบ้านหลังคาสีฟ้า บ้านหลังนั้นเพิ่งสร้างเสร็จเลยดูโดดเด่นมาก เห็นได้จากที่

ไกลๆ เลย”

“ครับ เดี๋ยวผมจะไปหาเธอ

เงินหมิ่นเรียกตัวเขาไว้ มองหน้าเขาแวบหนึ่ง “คุณจะออก ไปอย่างนี้ไม่ได้นะ ทุกคนเห็นคุณจากทีวีอยู่ทุกวัน ถ้าคุณออก ไปต้องชุลมุนวุ่นวายแน่ๆ

“ท่านวางใจเถอะ ผมเตรียมไว้หมดแล้ว” ไปเยฉิงหยิบผ้า ปิดปากอันโตออกมาจากกระเป๋า แกว่งไปมาสองที เงินหมื่นถึง วางใจปล่อยให้เขาออกไป

เซียซิงเฉินกำลังสอนภาษาอังกฤษให้เด็กหญิงอยู่ อธิบาย คำศัพท์ให้เธออย่างตั้งใจ

น้ำเสียงเธออ่อนโยน และพยายามอธิบายอย่างง่ายๆ เพื่อ ให้เด็กน้อยเข้าใจได้ง่าย เด็กหญิงฟังแล้วกลับรู้สึกสนุกเป็น อย่างมาก

“พักสักหน่อยเถอะ เรียนกันมาทั้งเช้าแล้ว คุณอาสองของเด็กหญิงเคาะประตูเข้ามา ถือถาดผลไม้ที่ล้างจนแวววาว มาด้วย ยื่นไปตรงหน้าเซียซิงเฉิน “ผลไม้พวกนี้บ้านฉันปลูกเอง เธอลองชิมดูสิ”

“ขอบคุณคุณอาสอง หนูจะลองชิมลูกหนึ่งก่อนนะ!” ไม่รอ ให้เซียซิงเฉินยื่นมือ เด็กหญิงก็หยิบลูกพลัมลูกหนึ่งเข้าปาก ทันที คุณอาสองเผยท่าทีจนปัญญา “เจ้าหนูตะกละ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ